ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แวมไพร์หลงยุค (นิยายแปล ฮาเร็ม ) ตอนที่ 1 : หากเจ้าอยากจะฆ่า ก็ฆ่าเขาเสีย rewrite


        
  โม่ชิงหลี่เริ่มรู้สึกตัว นางรู้สึกว่าร่างกายช่างหนักอึ้งพร้อมกับรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก นางสัมผัสได้ถึงที่นอนที่นุ่มสบายตัวรองแผ่นหลังของนางอยู่ นางเริ่มจะมีสติมากขึ้นจนสามารถรับรู้ได้ถึงร่องรอยเล็ก ๆ ของความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้น มันค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของนางอยู่ในตอนนี้

            ความเจ็บปวดแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้สัมผัสกับมัน โม่ชิงหลี่รู้สึกหงุดหงิดกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายส่วนล่างของนางในตอนนี้จนต้องลืมตาคู่งามขึ้น ดวงตาสีดำที่มีประกายแวววับกับร่องรอยของสีแดงเข้มและทองอ่อนๆ ปรากฏออกมาจากดวงตาคู่งาม  มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็นยามมองไปยังชายตรงหน้าของนางในตอนนี้ ทำให้คนที่เห็นถึงกับตะลึงค้างด้วยความขลาดกลัว อย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

            “ไสหัวออกไป” น้ำเสียงที่หยาบกระด้างเยือกเย็นเต็มไปด้วยความโกรธ มันสามารถที่จะทำให้คนที่ได้ยินเกิดความหวาดกลัวและสั่นเทา

            ชายผู้นั้น จองมองตรงไปที่โม่ชิงหลี่ด้วยความขลาดและตกตะลึง มันทำให้ร่างกายของเขาหยุดชงักไปชั่วครู่ ดวงตาเรียวและมีเสน่ห์ของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าองค์หญิงหกผู้อ่อนแอและจงรักภักดีต่อเขาอย่างโง่งม จะพูดกับเขาในลักษณะเย็นชาและหยาบคายเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่านางจะพูดมันเป็นครั้งที่สามแล้ว แต่มันยังคงไม่สามารถลงไปถึงจิตใจส่วนลึกของเขาได้ 

          “องค์หญิง ท่าน..ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าเกือบจะทำได้แล้ว” ชายผู้นั้นรีบลดตัวของเขาลงไปบนตัวของโมชิงหลี่พร้อมกับระดมจูบนางอย่างรีบร้อน

            “ปั้ง” เสียงดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วชายคนดังกล่าวก็ถูกเตะออกไปอย่างแรง ทางด้านหน้าประตูเข้าห้องของนางด้วยน้ำมือของโมชิงหลี่  ตรงบานประตูไม้ตอนนี้มันปรากฏรูขนาดใหญ่มีขนาดเท่ารูปร่างคนจริง ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด พวกเหล่าขันที และมหาดเล็กที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นเหตุการณ์ต่างแตกตื่นวิ่งหนีไปคนล่ะทาง ด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง ไม่ช้าเลือดสดๆ ก็ไหลออกเป็นทาง ออกมาจากปากของชายผู้โชคร้ายคนนั้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ปรึกษาขององค์หญิงหกอย่างเขาต้องมีวันที่น่าอนาจถึงเพียงนี้ นางที่มักจะลุ่มหลงในตัวเขา นางจะเชื่อฟังทุกอย่างที่เขาพูด เพราะนางหัวอ่อนและไม่ทันกลคน นางจึงมักจะถูกเขาใช้ประโยนช์ แต่นี้มันอย่างไรกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไรกัน เขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้

          ทางด้านโม่ชิงหลี่หรือก็คือเจียงซือสาว (แวมไพร์) นางเป็นแวมไพร์ที่มีอายุยืนยาวมาหลายหมื่นปี จากรุ่นสู่รุ่นของแวมไพร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า หากนางต้องการที่จะเป็นอมตะ ไม่ต้องกิน ไม่ต้องดื่มเช่นเหล่าเทพเซียน มีของวิเศษมากมายในดินแดนต้องห้ามที่สามารถช่วยนางได้ ดังนั้นนางถึงพยายามเข้าไปยังดินแดนต้องห้ามแห่งนั้น เพื่อที่จะขโมยเอาของวิเศษออกมา เพื่อที่จะสามารถทำให้นางเป็นอัมตะและได้ไปอยู่บนสวรรค์เสียที แต่โชคร้ายกลับเป็นของนาง นางคาดไม่ถึงว่านางจะโดนจับได้เสียก่อนโดยเง็กเซียนฮ่องเต้นั้น  เขาโกรธเคืองนางเป็นอย่างมาก แถมยังได้ส่งวิญญาณของนางให้มาอยู่ในร่างของหญิงผู้อ่อนแอนางนี้เป็นการทำโทษ เมื่อหวนนึกถึงมัน หูของนางแวมไพร์สาวก็ยังคงได้ยินคำกล่าวที่ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ได้กล่าวไว้กับนางก่อนที่จะทีบส่งนางมาที่นี้

            “หากว่าเจ้าต้องการที่จะเป็นอมตะ เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องค้นพบกับเจ็ดอารมณ์ และหกความปรารถนาที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเจ้าให้พบเสียก่อน”

            เพราะไอ้เจ้าเจ็ดอารมณ์และหกความปรารถนานี้ ใช่หรือไม่ ที่ข้ายังไม่สามารถที่จะขึ้นไปยังสวรรค์ได้ ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก

            ตอนนี้นางเริ่มรู้สึกสงบลงแล้ว แต่นางกลับมีความสับสนและปั่นป่วนกับความคิดของนางที่มันกำลังวิ่งวนไปมาอยู่ในหัวน้อยๆ ของนาง จนน่าเวียนหัวไปหมดในตอนนี้ มันช่างเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งยากสำหรับนางเสียจริง

            นางกำลังใช้ความคิดอย่างวุ่นวาย นี่คงจะยุคสมัยของปลายราชวงศ์ฮั่น สถานที่ที่นางอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คงจะเป็นช่วงของราชวงศ์ที่ถูกเรียกว่า โมเชียน เป็นสถาณที่ที่ผู้หญิงมีความโดดเด่นเท่าเทียมกับผู้ชาย หรือไม่อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ร่างกายของผู้หญิงที่นางมาอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คือองค์หญิงหกแห่งโมเชียน องค์หญิงหกผู้นี้และนาง ช่างน่าเหลือเชื่อ พวกนางต่างใช้ชื่อเดียวกัน คือ โมชิงหลี่

            ชายที่พึ้งจะถูกโม่ชิงหลี่เตะออกไปนอกห้องเมื่อครู่นั่นก็คือที่ปรึกษาใกล้ชิดขององค์หญิงหก โอวหยาง ยุนจิน ชายผู้นี้คงจะเป็นอดีตที่ปรึกษายอดดวงใจของแม่นางน้อยผู้นี้ที่นางมาอาศัยร่างของนางอยู่เป็นแน่
   
            “ ลากออกไป แล้วเอาไปฝังซะ ” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไม่มีร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกเผยออกมาให้เห็น

            เหล่าขันทีทั้งหมดที่ล้อมรอบอยู่ก่อนหน้าต่างแข็งตึงราวกับรูปสลัก เพราะประโยคที่พูดออกมาจากปากขององค์หญิงหกนั้นดังไม่ใช่น้อย และเป็นประโยคที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากนาง พวกเขาต่างจองมองไปที่นางด้วยสายตาไม่น่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มันเกินจะคาดหมายอย่างยิ่ง

            “พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือ รีบไปจัดการเสีย” น้ำเสียงเย็นชาของโมชิงหลี่เริ่มจะมีร่องรอยของความไม่พอใจบนอยู่ด้วย

            ขันทีทั้งหมดที่ได้ยินต่างแยกย้ายไปทำตามที่สั่ง พวกเขาต่างมองไปที่ ที่ปรึกษาโอวหยาง ยุนจิน ผู้น่าสงสารที่นอนจมกองเลือดอยู่ในตอนนี้ พวกเขาทั้งหลายไม่สามารถที่จะยับยั้งเสียงสะอื้นในลำคอเอาไว้ได้ ด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้ง มันเป็นไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ องค์หญิงหกนอกจากจะเชื่อฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่องค์หญิงองค์โตพี่สาวของนางกล่าวแล้ว ก็ยังมีที่ปรึกษาส่วนพระองค์คนนี้ที่นางจะเชื่อฟังอีกคน นางตามใจเขาทุกอย่าง ไม่ว่าเขาอยากจะได้อะไรก็จะหามาให้ เชื่อฟังเขาทั้งหมดอย่างหมดใจและโง่งม  ตราบใดที่ชายผู้นี้ต้องการ นางสามารถที่จะตอบสนองมันได้มากกว่าความเป็นจริงทุกครั้ง อย่างไร้ขอบเขต

            แล้วใครเลยจะไปคาดคิด ที่จะได้เห็นเหตุการณ์เช่นในตอนนี้ เขาถูกประทานโทษตายด้วยน้ำมือขององค์หญิงหก นี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไป มันไม่ถูกไม่ควรอย่างยิ่ง

            ในพระราชวังแห่งนี้ ในเรื่องของชายหญิง พวกเขาต่างก็เป็นดังเครื่องประดับให้แก่กันและกัน ไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใด เหมือนที่เคยมีผู้คนเคยกล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าเขา ก็จงฆ่าเขาเสีย"
   
            “องค์หญิง บ่าวรับใช้นางนี้จะช่วยองค์หญิงเปลี่ยนฉลองพระองค์เพคะ” นางกำนัลหยูเหยากล่าวขึ้น

            โม่ชิงหลี่จองมองตรงไปที่นางกำนัลด้วยสายตาเยือกเย็นและสำรวจ ก่อนจะเห็นสายตาประหลาดใจของนางกำนัล เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความเกลียดชังที่มีต่อโมชิงหลี่อย่างปิดไม่มิด หัวคิ้วของนางค่อยๆ โค้งขึ้นอย่างครุ่มคิด ก่อนจะตัดสินใจที่จะไม่ไปยุ่งกับมัน ในตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญกว่านี้ ที่จะต้องเป็นกังวลกับมันอยู่แล้ว

            “ไม่จำเป็น” โม่ชิงหลี่ตอบกลับอย่างไม่ใยดี

            หยูเหยาได้ยินที่โมชิงหลี่พูดก็ถึงกับประหลาดใจ มองดูโม่ชิงหลี่ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เพราะโดยปกติแล้วหยูเหยาจะต้องคอยรับใช้ในทุกเรื่องขององค์หญิงหก นางไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้มันเกิดเหตุอันใดขึ้น ใครช่วยบอกนางทีหยูเหยาคครุ่มคิดอย่างหนักหน่วง

            “เพคะองค์หญิง” นางตอบรับอย่างจนใจ

            เมื่อเห็นว่าสถาณการณ์ในตอนนี้ ปราศจากผู้คนล้อมรอบแล้ว โมชิงหลี่ก็ยกฝ่ามือของนางขึ้น เพื่อที่ดูแหวนสีทองบนนิ้วมือเรียว มันส่องแสงสว่างไสวภายใต้รัศมีของดวงอาทิตย์ในตอนนี้ ทำให้ห้องเกิดแสงวูบวาบอย่างงดงาม

            โม่ชิงหลี่ดึงแหวออกมาจากนิ้วเรียว นางได้มันมาก่อนที่วิญญาณของนางจะถูกทีบให้มาอยู่ในร่างของนางผู้หญิงอ่อนแอนางนี้ แหวนวงนี้มันติดตัวนางมาจากดินแดนต้องห้าม ดวงตาเรียวงดงามของนางลดลงเล็กน้อย จองอย่างระมัดระวังนางสำรวจดูแหวนอย่างละเอียด หากไม่รู้ว่ามันคือแหวนวิเศษที่นางแอบหยิบมา มันก็คงจะถูกมองว่าเป็นแหวนธรรมดานั้นเอง มันถูกทำขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์เพื่อให้มีรูปทรงเป็นวงกลมลงลวดลายสวยงาม ความพิเศษของมันคงจะอยู่ที่บนหัวแหวนจะมีดอกไม้อยู่ทั้งหมดเจ็ดดอกด้วยกัน แต่ล่ะดอกเป็นดอกไม้ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน ส่วนตรงกลางของหัวแหวนจะเป็นดอกตูม ทำให้มันงดงามราวกับมีชีวิต

            โม่ชิงหลี่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย ก่อนจะใส่แหวนกลับเข้าไปในนิ้วเรียวของนางเช่นเดิม นางเคยมีความคิดว่าแหวนวงนี้ ที่นางได้มันมาจากดินแดนต้องห้าม มันอาจจะเป็นมรดกตกทอดของตระกูลใด ตระกูลหนึ่งที่อยู่ในดินแดนต้องห้ามแห่งนั้น และความสามารถของมันก็คงจะไม่ธรรมดา คิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์กับตัวนางยามจำเป็น แต่ใครจะไปคิดว่าในโลกมนุษย์แห่งนี้มันก็เป็นเพียงแหวนทองคำธรรมดาทั่วไป

            แน่นอนที่สุดว่าสิ่งที่อยู่บนดินแดนต้องห้าม หากถูกนำมายังโลกมนุษย์มันก็จะคลายเป็นเพียงสิ่งของธรรมดาเท่านั้น ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี


ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นท์

ชื่ออังกฤษ The Corpse Ruler Confuses the World, All Seven Husbands Are

2 ความคิดเห็น: