โม่ชิงหลี่เริ่มรู้สึกตัว นางรู้สึกว่าร่างกายช่างหนักอึ้งพร้อมกับรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก นางสัมผัสได้ถึงที่นอนที่นุ่มสบายตัวรองแผ่นหลังของนางอยู่ นางเริ่มจะมีสติมากขึ้นจนสามารถรับรู้ได้ถึงร่องรอยเล็ก ๆ
ของความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้น มันค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของนางอยู่ในตอนนี้
ความเจ็บปวดแบบนี้
นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้สัมผัสกับมัน
โม่ชิงหลี่รู้สึกหงุดหงิดกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายส่วนล่างของนางในตอนนี้จนต้องลืมตาคู่งามขึ้น
ดวงตาสีดำที่มีประกายแวววับกับร่องรอยของสีแดงเข้มและทองอ่อนๆ
ปรากฏออกมาจากดวงตาคู่งาม มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็นยามมองไปยังชายตรงหน้าของนางในตอนนี้
ทำให้คนที่เห็นถึงกับตะลึงค้างด้วยความขลาดกลัว
อย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“ไสหัวออกไป” น้ำเสียงที่หยาบกระด้างเยือกเย็นเต็มไปด้วยความโกรธ มันสามารถที่จะทำให้คนที่ได้ยินเกิดความหวาดกลัวและสั่นเทา
ชายผู้นั้น
จองมองตรงไปที่โม่ชิงหลี่ด้วยความขลาดและตกตะลึง
มันทำให้ร่างกายของเขาหยุดชงักไปชั่วครู่
ดวงตาเรียวและมีเสน่ห์ของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าองค์หญิงหกผู้อ่อนแอและจงรักภักดีต่อเขาอย่างโง่งม จะพูดกับเขาในลักษณะเย็นชาและหยาบคายเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่านางจะพูดมันเป็นครั้งที่สามแล้ว แต่มันยังคงไม่สามารถลงไปถึงจิตใจส่วนลึกของเขาได้
“องค์หญิง ท่าน..ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าเกือบจะทำได้แล้ว” ชายผู้นั้นรีบลดตัวของเขาลงไปบนตัวของโมชิงหลี่พร้อมกับระดมจูบนางอย่างรีบร้อน
“ปั้ง” เสียงดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วชายคนดังกล่าวก็ถูกเตะออกไปอย่างแรง ทางด้านหน้าประตูเข้าห้องของนางด้วยน้ำมือของโมชิงหลี่ ตรงบานประตูไม้ตอนนี้มันปรากฏรูขนาดใหญ่มีขนาดเท่ารูปร่างคนจริง ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
พวกเหล่าขันที
และมหาดเล็กที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
เมื่อเห็นเหตุการณ์ต่างแตกตื่นวิ่งหนีไปคนล่ะทาง
ด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง ไม่ช้าเลือดสดๆ ก็ไหลออกเป็นทาง
ออกมาจากปากของชายผู้โชคร้ายคนนั้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ปรึกษาขององค์หญิงหกอย่างเขาต้องมีวันที่น่าอนาจถึงเพียงนี้ นางที่มักจะลุ่มหลงในตัวเขา
นางจะเชื่อฟังทุกอย่างที่เขาพูด เพราะนางหัวอ่อนและไม่ทันกลคน นางจึงมักจะถูกเขาใช้ประโยนช์ แต่นี้มันอย่างไรกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไรกัน เขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้
ทางด้านโม่ชิงหลี่หรือก็คือเจียงซือสาว (แวมไพร์) นางเป็นแวมไพร์ที่มีอายุยืนยาวมาหลายหมื่นปี
จากรุ่นสู่รุ่นของแวมไพร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า หากนางต้องการที่จะเป็นอมตะ
ไม่ต้องกิน ไม่ต้องดื่มเช่นเหล่าเทพเซียน
มีของวิเศษมากมายในดินแดนต้องห้ามที่สามารถช่วยนางได้ ดังนั้นนางถึงพยายามเข้าไปยังดินแดนต้องห้ามแห่งนั้น
เพื่อที่จะขโมยเอาของวิเศษออกมา
เพื่อที่จะสามารถทำให้นางเป็นอัมตะและได้ไปอยู่บนสวรรค์เสียที
แต่โชคร้ายกลับเป็นของนาง
นางคาดไม่ถึงว่านางจะโดนจับได้เสียก่อนโดยเง็กเซียนฮ่องเต้นั้น เขาโกรธเคืองนางเป็นอย่างมาก
แถมยังได้ส่งวิญญาณของนางให้มาอยู่ในร่างของหญิงผู้อ่อนแอนางนี้เป็นการทำโทษ
เมื่อหวนนึกถึงมัน หูของนางแวมไพร์สาวก็ยังคงได้ยินคำกล่าวที่ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ได้กล่าวไว้กับนางก่อนที่จะทีบส่งนางมาที่นี้
“หากว่าเจ้าต้องการที่จะเป็นอมตะ
เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องค้นพบกับเจ็ดอารมณ์
และหกความปรารถนาที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเจ้าให้พบเสียก่อน”
เพราะไอ้เจ้าเจ็ดอารมณ์และหกความปรารถนานี้
ใช่หรือไม่ ที่ข้ายังไม่สามารถที่จะขึ้นไปยังสวรรค์ได้ ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก
ตอนนี้นางเริ่มรู้สึกสงบลงแล้ว
แต่นางกลับมีความสับสนและปั่นป่วนกับความคิดของนางที่มันกำลังวิ่งวนไปมาอยู่ในหัวน้อยๆ
ของนาง จนน่าเวียนหัวไปหมดในตอนนี้
มันช่างเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งยากสำหรับนางเสียจริง
นางกำลังใช้ความคิดอย่างวุ่นวาย นี่คงจะยุคสมัยของปลายราชวงศ์ฮั่น
สถานที่ที่นางอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คงจะเป็นช่วงของราชวงศ์ที่ถูกเรียกว่า
โมเชียน เป็นสถาณที่ที่ผู้หญิงมีความโดดเด่นเท่าเทียมกับผู้ชาย
หรือไม่อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป
ร่างกายของผู้หญิงที่นางมาอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คือองค์หญิงหกแห่งโมเชียน
องค์หญิงหกผู้นี้และนาง ช่างน่าเหลือเชื่อ พวกนางต่างใช้ชื่อเดียวกัน
คือ โมชิงหลี่
ชายที่พึ้งจะถูกโม่ชิงหลี่เตะออกไปนอกห้องเมื่อครู่นั่นก็คือที่ปรึกษาใกล้ชิดขององค์หญิงหก
โอวหยาง ยุนจิน ชายผู้นี้คงจะเป็นอดีตที่ปรึกษายอดดวงใจของแม่นางน้อยผู้นี้ที่นางมาอาศัยร่างของนางอยู่เป็นแน่
“ ลากออกไป แล้วเอาไปฝังซะ ” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไม่มีร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกเผยออกมาให้เห็น
เหล่าขันทีทั้งหมดที่ล้อมรอบอยู่ก่อนหน้าต่างแข็งตึงราวกับรูปสลัก
เพราะประโยคที่พูดออกมาจากปากขององค์หญิงหกนั้นดังไม่ใช่น้อย
และเป็นประโยคที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากนาง
พวกเขาต่างจองมองไปที่นางด้วยสายตาไม่น่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
มันเกินจะคาดหมายอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือ รีบไปจัดการเสีย”
น้ำเสียงเย็นชาของโมชิงหลี่เริ่มจะมีร่องรอยของความไม่พอใจบนอยู่ด้วย
ขันทีทั้งหมดที่ได้ยินต่างแยกย้ายไปทำตามที่สั่ง
พวกเขาต่างมองไปที่ ที่ปรึกษาโอวหยาง ยุนจิน ผู้น่าสงสารที่นอนจมกองเลือดอยู่ในตอนนี้
พวกเขาทั้งหลายไม่สามารถที่จะยับยั้งเสียงสะอื้นในลำคอเอาไว้ได้
ด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้ง มันเป็นไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้
องค์หญิงหกนอกจากจะเชื่อฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่องค์หญิงองค์โตพี่สาวของนางกล่าวแล้ว
ก็ยังมีที่ปรึกษาส่วนพระองค์คนนี้ที่นางจะเชื่อฟังอีกคน
นางตามใจเขาทุกอย่าง ไม่ว่าเขาอยากจะได้อะไรก็จะหามาให้
เชื่อฟังเขาทั้งหมดอย่างหมดใจและโง่งม ตราบใดที่ชายผู้นี้ต้องการ
นางสามารถที่จะตอบสนองมันได้มากกว่าความเป็นจริงทุกครั้ง อย่างไร้ขอบเขต
แล้วใครเลยจะไปคาดคิด ที่จะได้เห็นเหตุการณ์เช่นในตอนนี้
เขาถูกประทานโทษตายด้วยน้ำมือขององค์หญิงหก นี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไป มันไม่ถูกไม่ควรอย่างยิ่ง
ในพระราชวังแห่งนี้ ในเรื่องของชายหญิง
พวกเขาต่างก็เป็นดังเครื่องประดับให้แก่กันและกัน ไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใด
เหมือนที่เคยมีผู้คนเคยกล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าเขา ก็จงฆ่าเขาเสีย"
“องค์หญิง บ่าวรับใช้นางนี้จะช่วยองค์หญิงเปลี่ยนฉลองพระองค์เพคะ” นางกำนัลหยูเหยากล่าวขึ้น
โม่ชิงหลี่จองมองตรงไปที่นางกำนัลด้วยสายตาเยือกเย็นและสำรวจ
ก่อนจะเห็นสายตาประหลาดใจของนางกำนัล
เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความเกลียดชังที่มีต่อโมชิงหลี่อย่างปิดไม่มิด
หัวคิ้วของนางค่อยๆ โค้งขึ้นอย่างครุ่มคิด
ก่อนจะตัดสินใจที่จะไม่ไปยุ่งกับมัน ในตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญกว่านี้
ที่จะต้องเป็นกังวลกับมันอยู่แล้ว
“ไม่จำเป็น” โม่ชิงหลี่ตอบกลับอย่างไม่ใยดี
หยูเหยาได้ยินที่โมชิงหลี่พูดก็ถึงกับประหลาดใจ
มองดูโม่ชิงหลี่ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
เพราะโดยปกติแล้วหยูเหยาจะต้องคอยรับใช้ในทุกเรื่องขององค์หญิงหก
นางไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้มันเกิดเหตุอันใดขึ้น
ใครช่วยบอกนางทีหยูเหยาคครุ่มคิดอย่างหนักหน่วง
“เพคะองค์หญิง” นางตอบรับอย่างจนใจ
เมื่อเห็นว่าสถาณการณ์ในตอนนี้ ปราศจากผู้คนล้อมรอบแล้ว
โมชิงหลี่ก็ยกฝ่ามือของนางขึ้น เพื่อที่ดูแหวนสีทองบนนิ้วมือเรียว มันส่องแสงสว่างไสวภายใต้รัศมีของดวงอาทิตย์ในตอนนี้
ทำให้ห้องเกิดแสงวูบวาบอย่างงดงาม
โม่ชิงหลี่ดึงแหวออกมาจากนิ้วเรียว
นางได้มันมาก่อนที่วิญญาณของนางจะถูกทีบให้มาอยู่ในร่างของนางผู้หญิงอ่อนแอนางนี้
แหวนวงนี้มันติดตัวนางมาจากดินแดนต้องห้าม
ดวงตาเรียวงดงามของนางลดลงเล็กน้อย
จองอย่างระมัดระวังนางสำรวจดูแหวนอย่างละเอียด
หากไม่รู้ว่ามันคือแหวนวิเศษที่นางแอบหยิบมา
มันก็คงจะถูกมองว่าเป็นแหวนธรรมดานั้นเอง
มันถูกทำขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์เพื่อให้มีรูปทรงเป็นวงกลมลงลวดลายสวยงาม
ความพิเศษของมันคงจะอยู่ที่บนหัวแหวนจะมีดอกไม้อยู่ทั้งหมดเจ็ดดอกด้วยกัน
แต่ล่ะดอกเป็นดอกไม้ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
ส่วนตรงกลางของหัวแหวนจะเป็นดอกตูม
ทำให้มันงดงามราวกับมีชีวิต
โม่ชิงหลี่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย
ก่อนจะใส่แหวนกลับเข้าไปในนิ้วเรียวของนางเช่นเดิม
นางเคยมีความคิดว่าแหวนวงนี้ ที่นางได้มันมาจากดินแดนต้องห้าม
มันอาจจะเป็นมรดกตกทอดของตระกูลใด
ตระกูลหนึ่งที่อยู่ในดินแดนต้องห้ามแห่งนั้น
และความสามารถของมันก็คงจะไม่ธรรมดา
คิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์กับตัวนางยามจำเป็น
แต่ใครจะไปคิดว่าในโลกมนุษย์แห่งนี้มันก็เป็นเพียงแหวนทองคำธรรมดาทั่วไป
แน่นอนที่สุดว่าสิ่งที่อยู่บนดินแดนต้องห้าม
หากถูกนำมายังโลกมนุษย์มันก็จะคลายเป็นเพียงสิ่งของธรรมดาเท่านั้น
ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี
ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นท์
ชื่ออังกฤษ The Corpse Ruler Confuses the World, All Seven Husbands Are
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ