ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 20: คิดมากเกินไปก็คืออาการป่วย


          ตอนนี้มีเพียงหนิง เสี่ยวเหยา และโหลว จื่อกุ้ย ที่เหลืออยู่ภายในห้อง ตอนนี้ดวงตาของโหลว จื่อกุ้ย ลืมขึ้น ดังนั้นเธอจึงเหลือบมองเขาและลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะถามขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุด บาดแผลของท่านยังเจ็บปวดอยู่?"

          โหลว จื่อกุ้ย ที่ดูหมดแรงปิดตาของเขาลงอีกครั้ง หลังจากผ่านการรักษาของหนิง เสี่ยวเหยา และหมอหลวงกั๋ว ความเจ็บปวดจากบาดแผลของเขาอยู่ก็อยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถอดทนได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ นี่เป็นผลพวงของการถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ด้วยใบมีด จากนั้นก็ถูกแทงด้วยอาวุธของประชาชนเหล่านั้น ฉากสกปรกของเลือด ฉากดำมืดที่กำลังถูกกินทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ความโกรธแค้น ความสิ้นหวังและความไร้อำนาจ รวมกันนั้นทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

          เขากระชับผ้าที่คลุมร่างกายของเขาไว้แน่ ก่อนที่จะฝังใบหน้าของเขาในหมอน โหลว จื่อกุ้ย เหมือนสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ ที่ต้องการเลียแผลด้วยตัวของมันเองและปราบปรามความทุกข์ทรมานที่เพิ่มขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจของเขา แต่ความเจ็บปวดยังคงห่อหุ้มไปทั่วร่างและไม่สามารถหลบหนีไปได้

          หนิง เสี่ยวเหยา เกาฝ่ามือของเธอก่อนที่จะถามขึ้น "เจ้ายังอยู่ในความเจ็บปวดที่มากมายอีกหรือ?"

          โหลว จื่อกุ้ย พึมพำตัวเองด้วยเสียงที่ต่ำ

          แม้ว่าคำพูดของโหลว จื่อกุ้ย จะเบาและฟังไม่รู้เรื่อง แต่หูของหนิง เสี่ยวเหยา ได้ยินเสียงของเขาเป็นอย่างดี ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลว กำลังสาปแช่งผู้คนอยู่ อันธพาลชั่วร้าย พระพันปีงูพิษ ผู้ปกครองที่โหดเหี้ยม

          การแสดงออกของหนิง เสี่ยวเหยานั้นข่มขืนเล็กน้อย ในขณะที่เธอยังคงเกาฝ่ามือของเธออยู่ พ่อลูกคู่นั้นเป็นคนโกงที่ชั่วร้ายและพระพันปีงูพิษ แต่เธอจริงๆ ก็ไม่ใช่ผู้ปกครองที่โหดเหี้ยม!

          "เหมียว คนไม่เต็มเต็ง ถูกสาปแช่งเป็นผู้ปกครองที่โหดเหี้ยม!" เสียงโหยหวนของหัวหน้าแมวดำ ล่องลอยออกมาจากนอกหน้าต่าง

          หนิง เสี่ยวเหยา วิ่งไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าไม่เพียงแต่แมวและนกกางเขนเท่านั้น แต่ยังมีนกกระจอกสิบตัวหรือมากกว่าอยู่บนต้มไม้และพังพอนอีกสองสามตัวที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ท่ามกลางพุ่มดอกไม้ พวกเขาทั้งหมดเรียงรายขึ้นมาเพื่อดูการแสดงครั้งใหญ่หรือ? หนิง เสี่ยวเหยา กระแทกหน้าต่างปิดลง ทำไมเธอถึงต้องแสดงโชว์ให้พวกเขาดูด้วย?

          โหลว จื่อกุ้ย ถามออกมาจากเตียง "หนิงหยู เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?"

          "... ... " หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับเงียบลง ผู้ชายคนนี้กล้าหาญเกินไปแล้ว เขาลืมไปหรือว่าเขาสาปแช่งเธอ และตอนนี้เขาเรียกเธอด้วยชื่ออีก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นฮ่องเต้อยู่นะ หรือเป็นเพราะเขากล้าหาญเกินไปและยากที่จะเชื่องฟัง ไหนจะเรื่องที่ต้องดูแลเขาก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ทั้งสองคนที่อยู่ในพระราชวังต่างก็ต้องการให้เขาตายไม่ใช่หรือ?

          "พูด!" โหลว จื่อกุ้ย ทุ่มเทความพยายามของเขาเพื่อที่จะลุกขึ้นครึ่งหนึ่งและมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา เขาไม่สนใจเรื่องชีวิตของเขาอีกต่อไป ดังนั้นทำไมต้องกลัวฮ่องเต้ด้วย? ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นฮ่องเต้ที่เขาไม่ยอมรับ ตำแหน่งนี้เป็นขององค์รัชทายาท แต่คนนี้เพียงพึ่งพาตระกูลของมารดา เพื่อฆ่าพี่ชายของเขาและเอาบัลลังก์ไป

          หนิง เสี่ยวเหยามองไปที่ริมฝีปากแห้งของโหลว จื่อกุ้ย และวิ่งไปที่โต๊ะ เธอหยิบชามที่มีซุปโสมเหลืออยู่และทำมันไปให้โหลว จื่อกุ้ย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธๆ "ดื่มน้ำซุปหวานก่อน จากนั้นพวกเราก็ค่อยมาคุยกัน"

          โหลว จื่อกุ้ย ครึ่งนั่งครึ่งนอน ดวงตายาวเรียงและงดงามของเขาหรี่ลงและจ้องมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา สายตาที่ดุเดือดและโหดร้ายนั้นไม่ส่งผลต่อเธอ เขาจะน่ากลัวขนาดไหนเมื่อเทียบกับซอบบี้?

          "ริมฝีปากของเจ้ากำลังลอก ดื่มซุปนี่ซะ" หนิง เสี่ยวเหยายกชามซุปไปที่ปากของโหลว จื่อกุ้ย "ลองดูสิ มันอร่อยมาก"

          "เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?" โหลว จื่อกุ้ย ไม่เชื่อว่าหนิง เสี่ยวเหยา จะกลายเป็นศัตรูกับพ่อลูกตระกูลเซี่ย เพียงเพื่อที่จะช่วยเขา นอกเหนือจากนี้เขายังเป็นบุตรชายของพระพันปี เพียงตำแหน่งของเขาในฐานะฮ่องเต้ ต้องพึ่งพาพระพันปีและการสนับสนุนของตระกูลเซี่ย คนผู้นี้จะทำลายแหล่งพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เพียงเพื่อที่จะช่วยเขาอย่างนั้นหรือ? ไม่มีคนโง่เช่นนั้นอยู่ในโลกใบนี้หรอก

          "ข้าไม่ต้องการทำอะไรทั้งนั้น" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "เจ้าถูกใส่ร้ายว่าทำความผิด ดังนั้นข้าจึงต้องช่วยเจ้า"

ฮึ” โหลว จื่อกุ้ยหัวเราะขึ้นอย่างเยือกเย็น

          "อย่า ฮึๆๆ พูดธรรมดา" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น

          "เจ้าต้องการให้ข้ายกตำแหน่งผู้นำกองทัพให้เจ้าด้วยมือของข้าหรือ?" โหลว จื่อกุ้ย ถามขึ้น

          “ฮืม” หนิง เสี่ยวเหยา ถึงกับเปิดปากของเธอขึ้น เธอจะต้องการเป็นผู้นำกองทัพไปทำไม? เนื่องจากเธอไม่จำเป็นต้องสู้กับซอมบี้อีกต่อไปแล้ว และเธอจะต้องการกำลังทหารไปทำไม?

          "เหล่าแม่ทัพนายพลจะไม่สงบถ้าข้าถูกฆ่า" โหลว จื่อกุ้ย พูดอย่างเยือกเย็นขึ้น "ดังนั้นเซี่ย เวินหย่วน จึงเล่นเป็นผู้ร้ายในขณะที่เจ้าเล่นเป็นคนดีหรือ เซี่ย เวินหย่วน ส่งข้าไปที่ลานประหาร ในขณะที่เจ้าไปช่วยข้ามา เจ้าทั้งสองคนคงได้ตกลงที่จะจูงใจให้ข้ายอมยกทหารม้าพิเศษให้เจ้า คงจะใช้กลยุทธ์ที่หนึ่ง ในการทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อที่จะชนะความเชื่อมั่นของศัตรูใช่หรือไม่? "

          หัวของหนิง เสี่ยวเหยาเริ่ม งงงวยกับคำพูดของโหลว จื่อกุ้ย เขาจะนำกฏของการทำให้ตัวเองบาดเจ็บอะไรเช่นนั้นขึ้นมาพูดเพื่ออะไร เขาคิดเช่นนั้นได้อย่างไร แล้วอะไรตามหลังอะไรสักอย่าง?

          "มันเป็นความจริงหรือไม่?" โหลว จื่อกุ้ยยังคงถามขึ้น นอกจากเรื่องนี้ เขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่สองว่าทำไมหนิง เสี่ยวเหยาถึงได้ช่วยออกมาได้

          หนิง เสี่ยวเหยาล้างลำคอของเธอและมองไปที่โหลว จื่อกุ้ย อย่างจริงจัง "มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่  คิดมากเกินไปก็คืออาการเจ็บป่วย เจ้าต้องรักษามัน!"

           โหลว จื่อกุ้ย ยิ้มเยาะขึ้นอีกครั้ง เขาป่วยหรือ ทั้งราชวงศ์หนิงก็คงจะป่วยเกินกว่าการรักษาได้แล้ว แล้วเขาจะไม่ป่วยได้อย่างไร?

          "ดื่ม" หนิง เสี่ยวเหยา ยกชามซุปมีโสมอยู่ขึ้น ซึ่งมันเหมาะสำหรับบำรุงร่างกายสุดๆ

          "เอามันออกไป" โหลว จื่อกุ้ย อยากจะผลักชามออกไปถ้าไหล่ของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ

          เมื่อเห็นว่าไม่มีความก้าวหน้า หนิง เสี่ยวเหยาก็กระวนกระวาย ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเลอะเลือน แต่ปฏิเสธที่จะสื่อสารกับเธอ แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร? เธอลุกขึ้นยืนคิดสักครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะคงจะมีเพียงทางเดียวเท่านั้น

          "นี่เป็นยาพิษ ดื่มซะ ถ้าเจ้ากลัวที่จะตาย ก็แค่อ้อนวอนข้า” หนิง เสี่ยวเหยา ยกคางขึ้นและพูดด้วยเสียงยโสขึ้น

          โหลว จื่อกุ้ย มองไปที่ชาม

          "กลัวหรือ" หนิง เสี่ยวเหยาหัวเราะขึ้น


          โหลว จื่อกุ้ย หายใจเข้าลึก ๆ เปิดปากของเขาและดื่มน้ำซุปลงไป ไหนๆ เขาก็รู้ว่าเขาถูกกำหนดให้ตายอยู่แล้ว ทำไมเขาจะต้องปรารถนาชีวิตของเขาด้วย?