ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แวมไพร์หลงยุค (นิยายแปล ฮาเร็ม ) ตอนที่ 4 : ใครทำเจ้า..


         
          ฉับพลันบทเพลงที่แสนจะไพเราะหากแต่บนไว้ด้วยเศร้าก็ดังมาเข้าหูของโม่ชิงหลี่ ทำให้นางได้นอนเพียงแค่นิดเดียว แต่ถึงอย่างไรเสียเจียงซือ อย่างนางก็ไม่จำเป็นต้องนอนนานๆ นางก็สามารถอยู่ได้ นอกจากนี้เจียงชือที่มีอายุเกือบหนึ่งร้อยปีเช่นโม่ชิงหลี่ นางแทบไม่จำเป็นจะต้องนอนเลยด้วยซ้ำ

            โม่ชิงหลี่เปิดเปลือกตาคู่งามขึ้นช้าๆ นางได้ยินเสียงร้องของบทเพลง ในสายตาของนางนั้นเห็นเป็นร่องรอยของการกระหายเลือดกระจายออกมา แม้แต่เองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

            โม่ชิงหลี่เปิดประตูห้องออกไป นางเดินตามเสียงบทเพลงออกไปเรื่อยๆ  หยูเหยายืนแอบอยู่ตรงทางเดิน แล้วก็แอบตามโม่ชิงหลี่ไปอย่างเงียบเชียบ นางเห็นองค์หญิงหกกำลังเดินตรงไปยังทิศทางที่สนกสี่อาศัยอยู่ หยูเหยาไม่สามารถที่จะหยุดความสงสัยของนางในตอนนี้เอาไว้ได้ ไม่ใช่ว่าองค์หญิง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ทรงแสนที่จะเกลียดชังที่ปรึกษาสี่หรอกหรือ และไม่อนุญาตให้ที่ปรึกษาสี่ร้องเพลงอีกเป็นต้นมา ขนาดเอ่ยถึงชื่อของเขานางยังมีอารมณ์ได้ แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่องค์หญิงหกได้ยินเสียงบทเพลงของที่ปรึกษาสี่ ทำไมนางถึงได้มีอาการที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ได้

             มองจากระยะไกล โม่ชิงหลี่ก็สามารถที่จะเห็นชายผู้เป็นต้นกำเนิดของบทเพลง เขาสวมใส่ชุดสีดำทั้งชุด ท่าทางสง่างาม ผมดำเงางามปกคลุ่มไปทั่วแผ่นหลังและปกปิดช่วงดวงตาของเขาไว้พอดี ภายใต้จมูกคมคือริมฝีปากบางมันกำลังโค้งขึ้น เผยให้เห็นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ และตอนนี้มันได้หายไปอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงเพลงที่ไพเราะนุ่มหูที่ถูกท่ายทอดออกจากสถานที่แห่งนี้เช่นกัน

            “หยูเหยา เขาคือใคร” โม่ชิงหลี่กำลังค้นหาข้อมูลต่างๆ จากความทรงจำของร่างกายที่นางมาอาศัยอยู่อย่างรวดเร็ว นางพยายามรวบรวมข้อมูล ทั้งหมด ที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้ แต่น่าเสียดาย ความทรงจำภายในจิตใต้สำนึกของร่างกายนี้มีมากเกินไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือในตอนนี้โม่ชิงหลี่ไม่สามารถที่จะใช้พลังที่มาจากความเป็นเจียงซือของนางได้อย่างที่นางต้องการ เพราะทุกครั้งที่นางใช้พลังวิเศษของนาง ร่างกายของนางจะอ่อนแอลง ดังนั้น หากมีทางเลือกอื่น โม่ชิงหลี่ก็ไม่อยากที่จะใช้พลังของนางอย่างบุ่มบ่ามไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น

            ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่องค์หญิงหกถาม หยูเหยาถึงกลับมองไปที่นางด้วยสายตาโง่งม มันจะเป็นไปได้หรือที่องค์หญิงหกจะจดจำที่ปรึกษาสี่ไม่ได้

            “ว่าอย่างไร” โม่ชิงหลี่เห็นการแสดงออกที่ว่างเปล่าของหยูเหยา นางยังรอคออย่างทดทน

            หยูเหยารีบตอบทันที ด้วยน้ำเสียงความเคารพนอบน้อม

            “องค์หญิง เขาคนนั้น ก็คือที่ปรึกษาสี่ เฟิง เฉิงหลิง เพคะ”

            เฟิง เฉิงหลิง......” โม่ชิงหลี่พึมพาขึ้นเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับลูบหน้าท้องไปมา ตอนนี้นางหิว หิวมาก โม่ชิงหลี่รีบตรงไปยังทิศทางที่เฟิง เฉิงหลิงยืนอยู่อย่างรวดเร็ว นางไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองได้ ท้องของนางร้องเสียงดังขึ้นอย่างไม่อาย นางกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก เหมือนคนที่ทนอดอยากมาเนินนาน “เจ้า เจ้าช่างน่ากินเสียจริง”

          เฟิง เฉิงหลิง ได้ยินเสียงผิดปกติใกล้กับบริเวณที่เขายืนอยู่ เขารู้ได้ทันทีว่ามีคนกำลังมา เขาหุบยิ้มลง หยุดการร้องเพลงของเขา พร้อมกับก้มหน้าลง ก่อนจะถามออกไป

            “นั่นใคร”  

          “ท่านผู้นี้คือองค์หยิงหก” หยูเหยายืนอยู่ข้างๆ ของโม่ชิงหลี่ แนะนำอย่างรู้หน้าที่ มองดูโม่ชิงหลี่ที่เอาแต่จองมองเฟิง เฉินหลิง ตาแทบจะไม่กระพริบ หากแต่ก็ไม่ได้เผยอารมณ์ใดๆ ออกมาให้เห็น หากแต่ภายในนางโม่ชิงหลี่นางกำลังแอบถอนหายใจ มันเหมือนกับว่าในเรื่องเกี่ยวกับความรักขององค์หญิงหกผู้นี้ พวกเขาช่างโชคร้ายยิ่งนัก เช่นเหตุการณ์ก่อนหน้า และตอนนี้ที่ปรึกษาสี่ขององค์หญิงหกผู้นี้ก็กำลังจะพบกับความหายะเช่นกัน

            ทันทีที่เฟิง เฉินหลิงได้ยินคำพูดประโยคนี้ “องค์หญิงหก” ไหล่ของเขาก็สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้แสดงถึงความไร้มารยาทใดๆ ออกมา แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเช่นกัน

            “เฟิง เฉิงหลิง” โม่ชิงหลี่กล่าวขึ้นต่อชายที่อยู่ตรงหน้าของนางในตอนนี้ แถมยังเดินใกล้เข้าไปอีกนิด

            “เสียงบทเพลงของเจ้า ช่างไพเราะยิ่งนัก”

            เฟิง เฉิงหลิง ถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินในสิ่งที่องค์หญิงหกกล่าวต่อเขา “ เสียงบทเพลงของเจ้า ช่างไพเราะยิ่งนัก” ใบหน้าของเขายกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มันละรีบลดลงไปเช่นเดิม นี่ก็คงจะเป็นอีกวิธี ที่นางจะมาเยาะเย้ยเขาสินะ 

            ในเสี้ยววินาทีที่เขายกใบหน้าของเขาขึ้นนั้นเอง โม่ชิงหลี่ถึงกับตะลึง บนใบหน้าดั่งเดิมที่มันดูละเอียดอ่อนและงดงาม หากตรงดวงตาที่ควรจะมีดวงตาสุกสว่างสดใส ยามเมื่อมองมันกลับเป็นหลุมสองหลุม ลึกและจมลงด้านใน เสื้อผ้าของโม่ชิงหลี่ถูกลมที่ไม่มีใครรู้ที่มาพลัดไหวราวกับคลื่นน้ำ ทั่วรางของโม่ชิงหลี่เกิดพลังงานที่น่ากลัวแพร่ออกมาทันที หากแต่การแสดงออกบนใบหน้าของนางในตอนนี้ มันมากพอที่จะเขย่าขวัญผู้คนได้มากที่สุด หยูเหยารีบก้าวไปให้ห่างจากโม่ชิงหลี่อีกสองสามก้าว เนื่องจากนางสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แพร่ออกมาจากตัวของโม่ชิงหลี่ มันเยือกเย็นจนเข้าไปถึงกระดูกภายในของนางเลยทีเดียว

            “ผู้ใดทำเจ้า” น้ำเสียงเย็นชาที่มีร่อยรอยของความโกรธอยู่ในนั้นถามขึ้น

            เฟิง เฉิงหลีงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไม่แพ้กัน

            “ท่านย่อมรู้ดี”

            “ผู้ใดทำเขา” โม่ชิงหลี่มองผ่าน เฟิง เฉิงหลิงไป นางหันกลับไปมองที่ หยูเหยาแทน ดวงตาทั้งสองของนางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธที่แทบจะบรรยายไม่ได้

ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นท์ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น