เมื่อมีลมพัดขึ้นมาอีกหนึ่ง มันก็พัดเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของพระพันปีออกไป
ภายใต้สายตาของทุกคนที่อยู่ที่นั่น มันถูกพัดเข้าไปในโคมไฟที่ตั่งอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งของความสูงของมนุษย์
ผ้าลินินสัมผัสกับเปลวไฟและกลายเป็นกองขี้เถ้าขึ้นทันที หนิง เสี่ยวเหยา ยิ้มกว้างขึ้น
นี่เป็นเรื่องดี พยานหลักฐานได้ถูกทำลายไปแล้ว พระพันยืนตัวตรงและจ้องมองมาที่หนิง
เสี่ยวเหยา
หนิง เสี่ยวเหยารู้ว่าพระพันปีอยากจะกัดเธอให้ตายไปในทุกนาที
แต่เธอก็ไม่กลัว ถ้านางมีความกล้าจริงๆนางก็ควรเปลี่ยนเป็นซอมบี้ก่อน แล้วค่อยมากัดเธอ!
โหลว จื่อกุ้ย ยังคงยืนอยู่ด้วยการสนับสนุนจากสองแม่ทัพ
ในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำขึ้น "ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะได้ทำความความปรารถนาครั้งสุดท้ายของคนตายสำเร็จแล้ว
ดังนั้นราชโองการจึงถูกเรียกกลับไป"
ฟางถัง และคนที่เหลือถึงกับพูดไม่ออก
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ค้นพบว่าท่านแม่ทัพของพวกเขาก็เล่านิทานเป็นด้วย ดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพของพวกเขามีสามารถที่จะเล่านิทานได้
เสนาบดีและขุนนางคนอื่นๆ ต่างก็มองตากันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้กลายเป็นเรื่องตลกระหว่างแม่กับลูกไปแล้ว!
"เสด็จพ่อของเจิ้น
เพียงได้ทิ้งสิ่งนี้ไว้เพื่อให้ระลึกถึงเขา" หนิง เสี่ยวเหยา เป็นตัวอย่างของคนทั่วไปที่แสดงความฉลาดของพวกเขาแม้ว่าจะหลังจากที่ได้รับชัยชนะแล้วก็ตาม
"ท่านควรจะรักษาราชโองการเอาไว้ให้ดี มันเป็นของที่ระลึกอย่างดี ไม่มีเสนาบดีคนไหนได้เห็นมัน
ดังนั้นพวกเขาอาจจะกล่าวหาว่าเจิ้น สร้างเรื่องขึ้นมาในตอนนี้? "
"พวกกระหม่อมไม่กล้า"เสนาบดีและขุนนางที่เหลือรีบคุกเข่าลงไปอีกครั้ง
ใครจะกล้ากล่าวหาว่าฮ่องเต้โกหก?
พระพันปีถึงกับได้ลิ้มรสเลือดในปากของนาง
ในขณะที่บังคับให้มีรอยยิ้มออกมา "เรื่องเช่นนี้ ฝ่าบาทควรจะบอกอัยเจียให้เร็วกว่านี้"
หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นทันที
"โอ้ การสินพระชนของเสด็จพ่อ ทำให้เจิ้นเกิดความเศร้าโศกมากเกินไป สมองของข้าก็เลยไม่ค่อยดี
ดังนั้นข้าก็เลยลืมที่จะพูดถึงมัน"
พระพันปีเกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดใส่หน้าหนิง
เสี่ยวเหยว ที่หนิง เสี่ยวเหยา พูดคำเหล่านี้ออกมา มันยังเป็นคำพูดของมนุษย์อยู่หรือไม่?!
"เอาล่ะ
พวกเจ้าทั้งหมดกลับไปได้แล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาบอกกับเจ้าหน้าทั้งหลาย "พวกเจ้ายังจะมาทำอะไรอยู่ที่นี่
หรือพวกเจ้าต้องการให้เจิ้นเชิญพวกเจ้ามากินอาหารค่ำด้วย?"
ไม่มีเสนาบดีหรือขุนนางคนไหนรู้วิธีที่จะตอบคำพูดของหนิง
เสี่ยวเหยา ถ้าพวกเขาบอกว่าฝ่าบาทอย่าทรงล้อพวกเขาเล่น เขาก็ยังดูจริงจังในขณะที่เขาพูด
แต่ถ้าหากบอกว่าฝ่าบาทไม่ได้ล้อพวกเขาเล่น แล้วใครในกลุ่มพวกเขาจะกล้าที่จะขอให้เขาปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนั้น? พวกเขาไม่ได้ป่วยขนาดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเสียหน่อย?
"หรือพวกเจ้าต้องการให้ข้าเชิญพวกเจ้ามากินอาหารด้วยจริงๆ?" หนิง เสี่ยวเหมามองไป เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย! เหยี่ยวน้อยขี้เกียจที่จะจิกหัวของหนิง
เสี่ยวเหยาที่ใช้คำว่า ข้า อีกครั้งแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เสนาบดีตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทำความเคารพแล้วพูดขึ้นทันที
"กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
คนแล้วคนเล่า เสนาบดีและขุนนางคนอื่นๆ
ต่างก็ออกไป ไม่ว่าอำนาจของราชสำนักจะตกไปอยู่ในมือพ่อและลูกตระกูลเซี่ยหรือไม่
ดูเหมือนว่าจะต้องโต้แย้งกันอีกครั้ง ตอนนี้โหลว จื่อกุ้ย กำลังยืนอยู่ข้างฮ่องเต้
และอาจจะมีอีกใบหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้ในที่ชุมนุมภายในอีกเวลาสามวันที่จถึงนี้
พระพันปีสั่งให้แม่นมไล๋ ช่วยพานางออกไปทางประตูของคุกหลวง
เมื่อ โหลว จื่อกุ้ย เสียชีวิตจากพิษภายในอีกสามวัน นางต้องการจะดูว่าหนิง
เสี่ยวเหยา จะสามารถสร้างคลื่นใด ๆ ได้เพียงแค่มีหน่วยมังกรพิทักษ์สามถึงสี่ร้อยคนเท่านั้น
หนิง เสี่ยวเหยาไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่เธอเฝ้ามองพระพันปีเซี่ยจากไป แต่กลับวิ่งเข้าไปในลานเพื่อคลายพันธนาการให้พับมังกรพิทักษ์
"ไปช่วยเร็ว" โหลว
จื่อกุ้ยบอกฟางถัง และส่วนที่เหลือในขณะที่เขานั่งลงไปบนบันไดใต้ชายคา
เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา ไปถึงมังกรพิทักษ์
ในที่สุดเธอก็ได้ตระหนักว่าทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลย เพราะปากของพวกเขาถูกปิดไว้ด้วยผ้า
เหยี่ยวน้องส่งเสียงร้องและบินวนอยู่เหนือชายหนุ่มที่ยังคุกเข่าอยู่ที่หน้ากลุ่ม ก่อนจะบินลงไปถูกหัวของมันกับใบหน้าของชายคนนั้น
หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกหดหู่เล็กน้อยกับฉากตรงหน้า เหยี่ยวตัวนี้ทิ้งเธอไปทันทีอย่างง่ายดาย
มันไม่มีความลังเลอยู่เลยหรือ? มันทิ้งเธอไปหลังจากที่ใช้เธอเสร็จแล้วหรือ?
"ไปทำงาน" ฟางถัง สั่งขันทีที่อยู่ด้านข้าง
จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนไม่กี่คนอย่างพวกเขาจะสามารถปลดปล่อยทหารจำนวน 300 คนได้
หนิง เสี่ยวเหยา ดึงผาออกมาจากปากของเงาพายุ
และโยนมันทิ้งไปก่อนที่จะถามว่า "เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?"
เงาพายุและมังกรพิทักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขาทั้งหมด
กำลังจิตใจล่องลอยและไม่รับรู้อะไร จิตใจของพวกเขายังคงล่องลอยอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดไม่เป็นอะไร
หลังจากมีเท้าข้างหนึ่งของพวกเขาได้วางลงไปในหลุมฝังศพแล้ว
เหยี่ยวน้อยที่ยืนอยู่บนไหล่ของเงาพายุ
กำลังซาบซึ้งก่อนจะร้องขึ้น "ขอบคุณฝ่าบาท ข้าจะจับกระต่ายจำนวนมากมายให้ท่าน
"
"ไว้ชีวิตกระตายเถอะ" หนิง
เสี่ยวเหยา กระซิบขึ้น มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะถือกระต่ายไปรอบๆ? ให้เงินข้าแทนดีกว่าน้องชายเหยี่ยวน้อย!
เงาพายุ ยังคงอยู่ในโลกของเขาก่อนจะถามขึ้น
“อ-อะไร?”
"ไม่มีอะไร ฮ่าฮ่า" หนิง
เสี่ยวเหยา หัวเราะขึ้นในขณะที่เธอดึงเขาขึ้นและวางมือไว้บนร่างของเขา
การสัมผัสเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่รู้ว่าชายผู้นี้ถูกทรมานมา
แต่อาการบาดเจ็บไม่มากพอที่จะทำร้ายกระดูกและกล้ามเนื้อของเขา เขาจะสบายดี หลังจากกลับมาฟื้นตัวอีกสองสามวัน
หลังจากยืนด้วยตัวเองได้เงาพายุก็มองไปที่ หนิง เสี่ยวเหยาอย่างว่างเปล่า
ในขณะที่เธอช่วยเงาฟ้าร้องและเงาสายฟ้าที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเขา หลังจากที่หนิง
เสี่ยวเหยาช่วยดึงเงาสายฟ้าขึ้น แล้วเงาสายฝน ก็รีบวิ่งเข้ามาและคุกเขาลงไปเสียงดังกระหน่ำขึ้น
หนิง เสี่ยวเหยา
รีบกระโดดไปด้านข้างและพูดขึ้น "ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า"
เงาสายฝนที่คุกเขารีบดึงเงาพายุให้กลับมามีสติอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะรีบคุกเขาลงไปทันที เงาฟ้าร้องและเงาสายฟ้า ที่ถูกช่วยขึ้นมาโดยหนิง
เสี่ยวเหยาก็รีบคุกเขาลงไปทันที ก่อนที่เงาพายุจะคำนับศีรษะลงไปอย่างหนักที่พื้นดินในขณะที่เขาพูดว่า
"กระหม่อมเงาพายุ ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!"
มังกรพิทักษ์ทุกคนต่างก็ทำตามเพื่อขอบคุณหนิง
เสี่ยวเหยา ที่ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ มีทหาร 300 คนกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอในเวลาเดียวกัน
ไม่มีสถานที่ใดที่จะให้หนิง เสี่ยวเหยาหลบหนีได้ เธอได้แต่ยิ้มออกมาอย่างอึดอัดใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น "ไม่จำเป็นต้องมากพิธี มันเป็น..มันเป็นสิ่งที่ควรจะทำอยู่แล้ว"