ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 22:1 เหยี่ยวขอความช่วยเหลือ/


          หนิง เสี่ยวเหยา กระโดดข้ามกำแพงออกจากตำหนักของฮ่องเต้ และยืนอยู่ข้างนอกเพื่อดมกลิ่นของอากาศ เธอไม่อาจจับกลิ่นไอของห้องครัวได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่เตะกำแพงด้วยความไม่พอใจ เพราะเธอใช้กำลังมากเกินไปกำแพงก็เลยสั่นสะเทือนขึ้นสองครั้ง ก่อนที่ก้อนทรายและก้อนหินจะตกลงมาจากด้านบน หนิง เสี่ยวเหยา ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงงจนกระทั่งเธอเห็นว่าผนังยังคงเหมือนเดิม เธอถึงได้ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอจะทำอย่างไรถ้าพวกเขาทำให้เธอต้องจ่ายเงินสำหรับค่ากำแพงที่พัง?

          หนิง เสี่ยวเหยาลูบท้องของเธอ ก่อนจะตัดสินใจที่จะเดินไปรอบ ๆ เธอคงจะหาอะไรกินได้ ในพระราชวังที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้

          ในเวลาเดียวกัน อุปราชเซี่ย กำลังยืนอยู่บนเส้นทางที่อยู่ใกล้กับตำหนักของฮ่องเต้ กับแสงในตอนเย็นทำให้ชายคาโค้งขึ้นไปสู้ขอบฟ้า กระเบื้องเคลือบของสันหลังคายื่นออกไปเหนือท้องฟ้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกจมอยู่ในความมืด ห้องบรรทมเหล่านี้ของฮ่องเต้และฮองเฮาก็มีอยู่ผ่านมาราชวงศ์แล้วราชวงศ์เล่า ต่อเนื่องกันมาจนถึงตระกูลหนิง ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้านายของมัน มันก็มักจะยืนสูงอย่างโดดเด่นและสง่างามอยู่เสมอ

          "ท่านมหาอุปราช" หัวหน้าขันทีรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเขา ก่อนที่จะคำนับและพูดด้วยเสียงต่ำขึ้น "บ่าวผู้ต่ำต้อยคำนับท่านมหาอุปราชขอรับ"

          "โหลว จื่อกุ้ย เป็นอย่างไรบ้าง?" อุปราชถามขึ้น

          หัวขันทีส่ายหัว "ฝ่าบาทให้เขาพักอยู่ในห้องบรรทม บ่าวผู้นี้จึงไม่ทราบอย่างแน่ชัดกับอาการใดๆ ของเขาขอรับ "

          "คนเหล่านั้นจากกองกำลังทหารม้าพิเศษ ก็ถูกปล่อยให้อยู่ที่ตำหนักโดยฝ่าบาทหรือ?" อุปราชเซี่ยถามขึ้นอีกครั้ง

          "ขอรับ" หัวหน้าขันทีพูดขึ้น “แม่ทัพนายพลเหล่านั้นไม่อนุญาตให้บ่าวผู้นี้เข้าไปในห้องบรรทม บ่าวผู้นี้จึงไม่ได้พบฝ่าบาทและไม่รู้ว่านี่เป็นคำสั่งของฝ่าบาทหรือไม่ โอ้ท่านมหารอุปราช แม่ทัพนายพลเหล่านั้นได้พาหมอหลวงเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย ด้วยขอรับ "

          อุปราช มั่นใจว่าโหลว จื่อกุ้ย จะตายภายในสามวัน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าเขาจะมีหมอหรือไม่ เขาเพียงแค่พูดขึ้น "ถ้าพวกเขาต้องการยา ก็จัดหามันให้พวกเขา ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการทั้งหมด อย่าทำให้ฝ่าบาทโกรธ "

          หัวหน้าขันทีรีบคำนับ "ขอรับ บ่าวผู้นี้เข้าใจแล้วขอรับ"

          "ในสามวันต่อจากนี้ เป็นการเข้าท้องพระโรงครั้งแรกของฝ่าบาทในราชสำนัก" อุปราชเซี่ยพูดขึ้นอีก "ข้าจะไปพบกับฝ่าบาทที่นั่น เจ้าต้องเตรียมการทั้งหมดให้เรียบร้อย "

ขอรับขันทีพยักหน้าอย่างเข้าใจ

          อุปราชเซี่ย ยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น ในขณะที่เขามองไปที่ตำหนักของฮ่องเต้ ที่สูงตระหง่าน เขายอมรับว่าเขาคิดผิดเกี่ยวกับเรื่องของหนิงหยู แต่นางก็ไร้เดียงสาเกินไป ถ้านางจะพึ่งพาโหลว จื่อกุ้ย เพื่อปลดปล่อยตัวเอง แต่ในอีกสามวันต่อจากนี้เมื่อโหลว จื่อกุ้ย ก็จะเสียชีวิตจากพิษ เขาอยากจะเห็นการแสดงออกของหนิงหยูจริงๆ เมื่อนางนั่งอยู่ในท้องพระโรงหลังจากที่นางสูญเสียความพยายามไปอย่างไร้ค่า นางจะเผชิญกับขุนนางที่ทั้งหมดและบุตรชายของฮ่องเต้คนอื่นๆ ที่พลาดโอกาสที่จะได้รับบัลลังก์ไปอย่างไร

          หัวหน้าขันทีเห็นอุปราชเซี่ยจากไป ในขณะเดียวกันหนิง เสี่ยวเหยาที่ยืนอยู่หลังเสาหินบนถนน ขุดนิ้วมือของเธอลงไปในฝ่ามือของเธอ เธอต้องไปที่ท้องพระโรงในอีกสามวันหรือ? เธอรู้สึกมึนงงอีกครั้งแล้ว ท้องพระโรงคืออะไร? เธอไม่เข้าใจอะไรเลย!

          หลังจากที่อุปราชเซี่ย จากไปหัวหน้าขันทีก็ยืนตรงขึ้นและชี้ไปทางทิศทางของตำหนักของฮ่องเต้ และขันทีที่ใกล้ๆ ก็รีบวิ่งไปหาเขา

          "อย่ารบกวนในตำหนักของฮ่องเต้อีกต่อไป บอกทุกคนให้กลับไป" หัวหน้าขันทีบอกกับคนอื่น ๆ "อะไรก็ตามที่เหล่าทหารพวกนั้นต้องการก็ให้พวกเขาไป เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมในท้องพระโรงของฝ่าบาทในเวลาสามวันด้วย"

          ขันทีคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

          หนิง เสี่ยวเหยาหรี่ตามองไปที่หัวขันที ผู้ชายคนนี้ได้ส่งคนไปเฝ้าดูเธอด้วยหรือเปล่า? เธอจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขได้อย่างไรถ้าเขายังมีตัวตนอยู่? เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ก้อนหินที่ทำหน้าที่เป็นที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ จริงๆแล้วมันเป็นโคมไฟยาว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้สินพระชนไปเมื่อเร็วๆนี้ พระราชวังจึงไม่อนุญาตให้มีการจุดไฟให้สว่างสไหวมากนัก ตอนนี้แท่นโคมไฟนี้ไม่มีเทียนอยู่ จึงดูเหมือนก้อนหินขนาดยักษ์ในสายตาของหนิง เสี่ยวเหยา

          หัวหน้าขันทีพูดขึ้นทันที "ทุกคนกลับไป ข้าจะไปพบพระพันปี”

          ขันทีหนุ่มคำนับส่งหัวขันทีออกไป เมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้และเข้ามาใกล้มากขึ้น หนิง เสี่ยวเหยา ก็ยื่นมือออกไปและผลักก้อนหินที่อยู่ข้างๆเธอ แรงผลักของเธอทำให้ขาพังทลายไปกว่าครึ่งและครึ่งบนสุดก็ล้มไปลงบนศีรษะของขันทีอย่างแม่นย่ำ ทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นทันที เขาตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวช ก่อนที่จะเป็นลมใต้กองซากปรักหักพัง ทำให้คนอื่นหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

          หนิง เสี่ยวเหยา ปัดฝ่ามือของเธอแล้วพูดขึ้น "เขาบาดเจ็บและหมดสติไปแล้ว พาเขาไปที่ห้องโถงของพระพันปีเพื่อรักษาบาดแผลของเขา อ่า...พวกเจ้าทุกคนสามารถอยู่ดูแลเขาได้ที่นั่น ไม่จำเป็นต้องกลับมาอีก "

          ขันทีจ้องมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา คนที่ยืนตัวตรงอยู่

          "พวกเจ้ากำลังทำอะไร? พวกเจ้าต้องการที่ทำร้ายข้าหรือ? "

          หนิง เสี่ยวเหยาไม่ใช่ฮ่องเต้ที่เติบโตมาตามกฎ ดังนั้นคำพูดของเธอจึงฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่ากับพระพันปีเซี่ย แต่ถึงกระนั้นขันทีก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่นเธอ พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นและคำนับต่อเธออย่างหวาดกลัว ราวกับว่าจะไม่สามารถรักษาศีรษะของพวกเขาเอาไว้ได้ หนิง เสี่ยวเหยาขยับไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการคำนับของพวกเขาและมองไปที่หัวขันทีที่ฝังอยู่ใต้ก้อนหิน ศีรษะของเขาเป็นแผลเปิดออก  ขาซ้ายหัก มือขวากระดูกหักออกมาจนเห็นได้จัด หนิง เสี่ยวเหยา เกาหัวของเธอ เธอใช้พลังมากเกินไปหรือเปล่าถึงได้ทำให้เขาอยู่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นนี้

          หนิง เสี่ยวเหยาไอขึ้น ก่อนจะพูดขึ้น "ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการที่ทำร้ายข้า เช่นนั้นก็ไปช่วยเขา"

          ขันทีลุกขึ้นกลับมามีสติและวิ่งไปที่หัวหน้าขันที พวกเขายืนอยู่ข้างร่างที่ไม่มีชิ้นดีของเขาและไม่รู้จะทำอย่างไร

          "ยกก่อนหินออก" หนิง เสี่ยวเหยาบอกพวกเขาขึ้น ขันทีรีบยกก่อนหินออก หนิง เสี่ยวเหยา กำลังจะจากไปแต่แล้วเธอก็หันกลับไปถามขึ้น "มีใครสามารถบอกข้าได้ไหมว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน?"

          "... ... " ขันทีคิดในใจ การเรียกห้องเครื่องของราชวงศ์เป็น "ห้องครัว" แบบธรรมดา เป็นคำพูดธรรมดาที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาตั้งแต่เข้าสู่พระราชวัง ขันทีคนหนึ่งยกมือขึ้นเพื่อชี้ทิศทาง ในขณะที่เขาสั่นไปด้วยความกลัว ส่วนขันทีคนอื่น ๆ ก็สั่นเหมือนกันในขณะที่ยกก้อนหินออก ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกลัวฮ่องเต้ เพราะเขาพูดไม่รู้เรื่องและร่างติดอยู่กับพระพันปีในทันทีที่เข้าวังมา ถ้ามีอะไรเขาจะดูขี้ขลาดมากยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก แต่ตอนนี้ ฮ่าๆๆ ขันทีต้องพูดว่า แค่มองดูผลงานที่เกิดขึ้นกับหัวหน้าของพวกเขาก็พอแล้ว หนิง เสี่ยวเหยา ไม่สามารถรู้ความคิดของพวกเขาได้และขอบคุณขันทีที่ชี้ทาง ก่อนที่จะวิ่งไปที่ห้องเครื่อง

          "ฝ่าบาทพูดขอบใจกับข้าด้วย" ขันทีตกตะลึงจากคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยา เขาแทบจะไม่สามารถเชื่อได้ในขณะที่เขาบอกเพื่อนของเขา


          "... ... " ขันทีคนอื่น ๆ ไม่อาจเชื่อได้เช่นกัน!