ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เสียงร้องของวิหคเพลิง ที่ดังไปถึงสวรรค์เก้าชั้น (นิยายแปล) ตอนที่ 55: ความจริงที่ซ่อนอยู่



อย่างไรก็ตาม เหยา เจิ้งถิง ก็โบกมือของเขาขึ้นเพื่อบอกให้คนรับใช้ออกไป

"ซูหลาน อย่าพึ่งเอาแต่ใจ ไปพักผ่อนก่อน เจ้าต้องดูแลสุขภาพของตัวเอง "เหยา เจิ้งถิงรู้สึกเสียใจกับการเลือกก่อนหน้านี้ ในขณะที่เขาเห็นสี่องครักษ์ของฮ่องเต้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เหยาโม่ว่าน เขารู้สึกว่ามันโชคดีที่เหยา โม่ว่าน เป็นคนโง่ ดังนั้นนางอาจจะไม่สนใจในเรื่องนี้

เหยาโม่ว่าน ต้องการจะหัวเราะ ในขณะที่นางมองเหยา เจิ้นถิง ใช้ทักษะการแสดงของเขาอย่างเต็มที่ตามสถานการณ์ นางแน่ใจว่านี้เป็นโชคลาภของนางมีบิดาแบบนี้

"ท่านพ่อ!" ดวงตาของเหยา ซูหลานเต็มไปด้วยตำหนิ ขณะที่นางมองไปที่เหยา เจิ้งถิง นางโกรธมาก แล้วในขณะนี้ซูมู่จื่อ ก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับเหยาหยู ซูมู่จื่อรู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติในตอนขณะที่นางเดินเข้ามาในห้อง แต่ไม่มีทางที่นางจะถอนหลังกลับไปได้ หลังจากที่นางได้เดินเข้ามาแล้ว ดังนั้นนางจึงอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ และไม่กล้าที่จะส่งเสียงขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อนางกลายเป็นเป้าหมายของเหยา ซูหลานในทันทีเพื่อระบายความโกรธของนาง

"นางคนต่ำต้อย!" เหยา ซูหลานรีบวิ่งเข้าไป ไม่มีใครมีเวลาได้ตอบโต้ ก่อนที่นางจะเริ่มตบหน้าซูมู่จื่อ อย่างดุเดือด

"ไปให้พ้น! เจ้าอย่าได้คิดกล้าที่จะรังแกท่านแม่ของข้า! "เหยาหยู วิ่งเข้าไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากปากของมารดาของเขา แต่อวี้จื่อคว้าตัวเขาเอาไว้ ตอนนี้ฮูหยินใหญ่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นโอกาสเดียวในการรอดชีวิตก็คือการทำตัวดีๆ ต่อหน้าของเหยา ซูหลาน นางรู้ดีว่าไม่มีใครในจวนหลังนี้รวมถึงนายท่านต้องการให้นางอยู่ที่นี่ ตอนนี้เหยา ซูหลานเป็นความหวังสุดท้ายของนาง

"ท่านแม่! ฮืมๆๆ! "หยูเหยา ร้องไห้อย่างไม่ลดละและต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดของเขา แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากการจับกุมของอวี้จื่อไปได้

ใบหน้าของซูมู่จื่อ บวมและผมของนางก็อยู่ในความยุ่งเหยิงจากการโดนตบตีจากเหยา ซูหลาน แต่เหยา เจิ้นถิง ก็เพียงแค่เฝ้าดูอย่างเฉื่อยชาโดยไม่แสดงข้อบ่งชี้ใด ๆ ว่าจะเข้าไปและหยุดการกระทำนี้ลง เขารู้ดีว่าความโกรธของเหยา ซูหลานต้องได้ระบายออกกับใครบางคน  


"พี่ร้อง! ท่านตบตีแม่สามเช่นนี้ได้อย่างไร! นางทำอะไรผิด? "เหยา โม่ว่าน เฝ้ามองอย่างเยือกเย็นไปที่เหยา เจิ้งถิง จากนั้นนางก็เดินไปอยู่ข้างหน้าของซูมู่จื่อ และคว้ามือของเหยา ซูหลานขึ้นมา  

"นางทำผิดในข้อเท็จจริงที่ว่านางล่อลวงผู้ชาย! และแม้กระทั่งให้กำเนิดเด็กเหลือขอคนนี้ออกมา! เปิ่งกงกำลังสอนบทเรียนแก่นาง! เปิ่งกงจะตบตีใครก็ตามที่กล้าที่จะเข้ามาขวางทางเปิ่งกงด้วยเช่นกัน! "เหยา ซูหลานเสียสติจากอาการสูญเสียมารดา ตอนนี้นางเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งและพร้อมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

"พระสนมเหยา ... หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ ... " ซูมู่จื่อบังคับตัวเองจากการร้องไห้และยังอยู่ที่นี่ไม่ได้วิ่งหนีไปไหน แม้ว่าร่างกายของนางกำลังสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ก็ตาม นางไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ นางทำตัวอ่อนโยนและอ่อนแอ นี้เป็นวิธีที่บุคคลที่ไม่มีอำนาจควรจะทำ เพราะนั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ เมื่อเห็นซูมู่จื่อ แบบนี้เหยา โม่ว่าน ก็นึกถึงมารดาของนางเอง มารดาของนางเองก็คงจะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดเวลาด้วยเช่นกันใช่ไหม?

“ท่านแม่สามไม่ได้ทำอะไรผิด โม่ว่านเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยเช่นกัน! หากพี่รองอยากจะระบายความโกรธของท่าน เช่นนั้นท่านก็ตบตีโม่ว่านแทนเถิด! "เหยา โม่ว่านปกป้องซูมู่จื่อ นางปล่อยมือของเหยา ซูหลานและหลับตาลง เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวมาก แต่นางไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหลบไปแม้แต่น้อย

"ดี! ทุกท่านได้ยินแล้วใช่ไหม! นางเป็นคนขอร้องข้าเอง! ทุกคนที่กล้าที่จะเข้ามาขัดขวางจะถูกลงโทษ โทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเปิ่งกง! ไม่จะไม่มีประโยชน์ถึงแม้ฝ่าบาทจะเสด็จมาก็ตาม! "ในขณะที่เหยา ซูหลานพูด ความชั่วช้าก็โผล่ขึ้นมาในดวงตาสีเลือดของนางและนางก็ยกมือขึ้นอย่างทันที


เหยา โม่ว่านได้ยินเสียงฝ่ามือปะทะกับลมขึ้นอย่างชัดเจน ตบในครั้งนี้อาจจะเป็นกำลังทั้งหมดของเหยา ซูหลาน ในเงามืดหยินเซี่ย จ้องมองมาอย่างเฉียดคม นางกำลังจะเคลื่อนไหว เหยา โม่ว่านส่งสายตาบอกว่าไม่ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ มีเสียงคำรามโผล่ขึ้นมาจากด้านนอกประตู

"หยุด!" เสียงที่เยือกเย็นไปถึงกระดูกก็ดังขึ้น สิ่งแรกที่เหย่ หงอี๋ ได้เห็นเมื่อเขามาที่เรือนไม้ไผ่ คือฉากอันน่าสยดสยอง และในทันทีหลังจากนั้นเขาก็เห็น เหยา ซูหลานกำลังจะลงมือตบเหยา โม่ว่าน และหัวใจของเขาด้วยเหตุผลบางอย่างก็บีบรัดไปด้วยความเจ็บปวด

เหยา ซูหลาน ต้องหยุดลงเพียงชั่ววินาทีเดียวเท่านั้น นางไม่ได้ตั้งใจจะหยุด แต่ไม่สามารถตบลงไปได้เพราะไชอิงลากนางออกไป

"เหนียงเหนียง พระนางต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ที่ใหญ่กว่า!"ไชอิง กระซิบเบา ๆ ในหูของเหยา ซูหลาน ตอนนี้เหย่ หงอี๋ เข้ามาในห้องแล้ว ทันทีที่เขาเดินเข้ามา เขาก็ค่อยๆ ดึงเหยา โม่วานเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาราวกับสมบัติอันล้ำค่า

"ฝ่าบาท ... ฮืมๆ ... ว่านเอ้อร์ไม่ได้วางยาพิษ ... ว่านเอ้อร์ อยู่กับแม่สาม เมื่อแม่ใหญ่ ... พี่รองไม่เชื่อว่านเอ้อร์... และถึงขนาดตบตีแม่สาม ... " เหยา โม่ว่านสะอื้นไห้ราวกับคนที่หัวใจแตกสลายในอ้อมกอดของเหย่ กงอี๋  

"มันเกิดอะไรขึ้น?" ความโกรธล้นไปทั่วดวงตาที่เย็นเยือกของเหย่ หงอี๋ ในขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปที่เหยา ซูหลาน ราวกับมีด

"ฝ่าบาท พระองค์ต้องให้ความยุติธรรมหม่อมฉันนะเพคะ! มารดาของหม่อมฉันถูกวางยาพิษจนถึงแก่ความตายด้วยน้ำมือของสนมเหยา!อวี้จื่อ สามารถเป็นพยานในเรื่องได้เพคะ! "เหยา ซูหลาน เกลียดการที่เหยา โม่ว่าน ทำตัวราวกับว่านางถูกทำร้าย นางคันไม้คันมือจนแทบอยากจะวิ่งเข้าไปและฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ ที่ด้านข้างขาของอวี้จื่อ ถึงกับไร้เรียวแรงลงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางคลายการจับกุมของเหยาหยูออกและทรุดตัวลงไปคุกเข่าต่อหน้าเหย่ หงอี๋ ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ นางเพิ่งจะพยายามจะเอาอกเอาใจเหยา ซูหลาน และนางก็ไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องราวจะใหญ่โตถึงขนาดนี้

"ฉิงหลงตรวจสอบอย่างละเอียด!" นี่คือทั้งหมดที่เหย่ หงอี๋พูดขึ้นก่อนที่จะหันความสนใจกลับไปที่เหยา โม่ว่าน เขากวาดนิ้วลงบนแก้มที่เปียกชื้นของเหยา โม่ว่าน ด้วยความรัก

 "ว่านเอ้อร์ ใบหน้าที่ร้องไห้ไม่งดงามเลยแม้แต่น้อย เจิ้นไม่ชอบมัน " ในขณะที่เหย่ หงอี๋พูด เขาก็หันหลังและจากไปจากเรือนไม้ไผ่พร้อมกับเหยา โม่ว่าน ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองไปที่เหยา ซูหลาน

ในขณะนี้เหยา เจิ้งถิง ในที่สุดก็เข้าใจว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับบุตรสาวที่โง่เงาของเขามากกว่าเหยา ซูหลานเสียอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงทรงลุกขึ้นยืนสะบัดแขนเสื้อของเขา เขาเหลือบไปมองที่ศพของโตวเซียงหลัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจแล้วเขาก็จากไปโดยไม่มีคำใดๆ

เหยา ซูหลาน ถึงกับล้มลงไปที่พื้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความผิดหวังและความโกรธ เหยา โม่ว่าน! วันหนึ่งเปิ่งกงจะทำให้เจ้าตายในลักษณะที่เจ็บปวดมากยิ่งกว่าที่พี่สาวของเจ้าได้ประสบกับมัน!

เนื่องจากการตรวจสอบของฉิงหลง สาเหตุของการเสียชีวิตของโตวเซียงหลัน จึงค้นพบได้อย่างง่ายดาย อีกสองชั่วโมงต่อมาฉิงหลงจึงปรากฏตัวในห้องโถงใหญ่พร้อมหมอหลวงที่เพิ่งตรวจสอบโตวเซียงหลันซ้ำอีกครั้ง เหย่ หงอี๋ยังคงปลอบเหยา โม่ว่าน ผู้ซึ่งยังคงร้องไห้อยู่

"เกิดอะไรขึ้น?" เหย่ หงอี๋ ปล่อยให้เหยา โม่ว่าน นั่งอยู่บนหน้าขาของเขา ในขณะที่เขากวาดสายตาไปหาหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา

"ทูลฝ่าบาท ฮูหยินใหญ่ของท่านเสนาบดีเสียชีวิตจากยาพิษจริงพ่ะย่ะค่ะ ชื่อของยาพิษคือ 'ลาเอี๋ยนฉาน' ยาพิษชนิดนี้จะมีผลช้า คนที่วางยาพิษนางอาจจะเริ่มผสมสารพิษนี้ลงไปในซุปของฮูหยินใหญ่ตั้งแต่ครึ่งเดือนที่แล้ว เมื่อปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะทำให้ฮูหยินใหญ่เสียชีวิตจากอาการไอเป็นเลือด " หมอหลวงรายงานอย่างเป็นทางการ

"ฝ่าบาท กระหม่อนได้พบว่าเฉินโม่โม่ คนที่เป็นคนปรุงยาให้กับฮูหยินใหญ่มาตลอด ในเวลานี้ได้หายไปและที่อยู่ของนางไม่เป็นแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ เป็นที่ชัดเจนจากเรื่องนี้ว่านางเป็นคนที่วางยาพิษฮูหยินใหญ่พ่ะย่ะค่ะ "ฉิงหลงพูดขึ้น

"กุ้ยเฟย เจ้าได้ยินหรือไม่?"เหย่ หงอี๋ เหลือบมองไปอย่างเย็นชาที่เหยา ซูหลาน ในน้ำเสียงของเขาไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นอยู่แม้แต่น้อย

"เฉินโม่โม่หรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ทำไมนางถึงจะทำร้ายมารดาของข้า? "เหยา ซูหลานเช็ดน้ำตาของนาง ในขณะที่นางถามฉิงหลงขึ้น

"ทูลกุ้ยเฟย บุตรสาวของเฉินโม่โม่ เคยทำผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำให้ฮูหยินใหญ่เกิดไม่พอใจ ฮูหยินใหญ่สั่งให้โบยนางและขับไล่นางออกไปจวน เนื่องจากนางไม่ได้รับการรักษา นางจึงเสียชีวิตลง "ฉิงหลง พูดขึ้นอย่างไรอารมณ์

"ช่างเป็นผู้หญิงที่โหลดร้ายจริงๆ! เนื่องจากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับว่านเอ้อร์ กุ้ยเฟยเจ้าจะขอโทษว่านเอ้อร์หรือไม่? "ความโกรธที่ไม่อาจคาดเดาได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเหย่ หงอี๋ เมื่อสายตาของเขากวาดไปที่รอยนิ้วมือบนใบหน้าของเหยา โมว่าน  

"มัน ... มันเป็นเพราะพี่รองเข้าใจผิด ว่านเอ้อร์ จะไม่ตำหนิพี่รองใช่ไหม? "ดวงตาของเหยา ซูหลานเยือกเย็น แต่เนื่องจากเหย่ หงอี๋อยู่ที่นี่ นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเดินไปหาเหยา โม่ว่าน และยอมรับความผิดพลาดของนางขึ้นเบาๆ

"พี่รองเพิ่งจะสูญเสียมารดาผู้ให้กำเกิดไป ว่านเอ้อร์จะตำหนิพี่รองได้อย่างไร แต่ท่านก็ไม่ควรจะไปตบตีแม่สาม... "เหยา โม่ว่านพูดในขณะที่กลั้นสะอื้นของนางเอาไว้ เหยา ซูหลาน โกรธมาก แต่เมื่อนางได้เห็นความเยือกเย็นของเหย หงอี๋ นางก็หันกลับไปและเดินไปหาซูมู่จื่อ

"ซูหลานเข้าใจแม่สามผิดไป เพราะซูหลานรู้สึกเศร้าโศก ซูหลานหวังว่าแม่สามจะไม่ถือในเรื่องนี้ "เหยา ซูหลานลดสายตาลงและบังคับให้คำพูดเหล่านี้ออกมาระหว่างไรฟัน

"กุ้ยเฟยพูดเกินไปแล้ว หม่อมฉันไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้น" ซูมู่จื่อรีบคำนับลง ไม่กล้าที่จะแสดงความไม่สุภาพ

          "พอได้แล้ว วันนี้เป็นวันแห่งการเสียชีวิตของฮูหยินใหญ่ของท่านเสนาบดี ดังนั้นเจ้าก็ควรจะอยู่ที่นี่เพื่อแสดงความกตัญญูของเจ้า ว่านเอ้อร์ กลับไปที่วังพร้อมกับเจิ้น"เหย่ หงอี๋ ดึงเหยาโม่ว่านขึ้นและจากไป

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 30: นกกระจิบน้อยผู้ส่งฟันทอง



"นอกจากนี้” หนิง เสี่ยวเหยายังรู้สึกว่าความคิดของเธอนั้นมีเหตุผล เธอก็ยิ่งพูดมากขึ้นไปอีก "แล้วเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับอุปราช? ไม่ใช่ว่าพวกเรากำลังจะทำมันเพื่อเป็นการแสดงให้ประชาชนดูหรือ? "

นั่นก็เป็นความจริง ฝูงชนคิด เรื่องนี้ไปเกี่ยวอะไรกับอุปราช? เมื่อทุกคนเชื่อพวกเขา ใครจะไปสนใจว่าอุปราชจะรู้เรื่องนี้หรือ?

"ถ้าเมื่อนั้นอุปราชกล่าวโทษว่าท่านแม่ทัพสูงสุดทรยศต่อประเทศของเขา” หนิง เสี่ยวเหยาก็พูดขึ้น "เราจะปิดหูของเขาซะ! "

"... ... " ทุกคนเงียบ ดูเหมือนฝ่าบาทจะมีความไม่พอใจอุปราชเซี่ยมาก

"พวกเราจะทำตามวิธีนี้หรือไม่!" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น

"ทำพ่ะย่ะค่ะ!" ฟางถัง เป็นคนแรกที่ร้องตะโกนขึ้น แล้วทุกคนก็มองไปที่ซองจิน

แล้วซองจินก็ถามขึ้น “ฝ่าบาท แล้วพวกกระหม่อมต้องทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?

"ข้าจะพาท่านแม่ทัพสูงสุดไปเดินเล่นรอบๆ ถนน" หนิง เสี่ยวเหยา วางแผนไว้แล้ว "ในขณะที่สายลม นำผู้ติดตามของเจ้า - เอ๊ะ พี่ชายฟาง พวกเจ้าก็ไปด้วย และให้เสื้อผ้าที่แตกต่างกันออกไป เราจะนั่งรอและให้พวกป่าเถื่อนจากแคว้นฮูเหนือมาจับเราและฆ่าท่านแม่ทัพสูงสุด "

"มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือฝ่าบาท?" ฟางถังถามขึ้น

"แล้วเช่นนั้นเจ้ามีความคิดอื่นหรือพี่ชายฟาง?” หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น

"ไปที่หอรัญจวนบนถนนทางตะวันตกพ่ะย่ะค่ะ" ซองจินพูดขึ้น "ฝ่าบาททรงสามารถนำท่านแม่ทัพสูงสุดเข้าไปที่นั่นได้ มันเป็นที่ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมักจะไปโดยเพื่อคลุกคลีกับผู้คนที่ไม่ระบุตัวตน แคว้นฮูเหนือจะไม่คิดว่ามันน่าสงสัยมาก หากฝ่าบาทจะเสด็จไปที่นั่น พวกเขาจะคิดว่าฝ่าบาททรงพาท่านแม่ทัพสูงสุงไปผ่อนคลายเท่านั้น "

"ตกลง" หนิง เสี่ยวเหยา ตบมือของเธอ "เช่นนั้นข้าก็จะพาท่านแม่ทัพสูงสุดไปที่หอรัญจวน"

ในตอนนี้เงาพายุก็ตั้งคำถามขึ้น "ฝ่าบาท แล้วถ้าท่านแม่ทัพสูงสุดไม่ต้องการที่จะไปเล่าพ่ะย่ะค่ะ? พวกเราจะทำอย่างไร?" ท่านแม่ทัพสูงสุดลูไม่ได้ดูเหมือนคนที่มีลักษณะของคนอารมณ์ดีและเชื่อฟัง แต่หนิง เสี่ยวเหยา ไม่ได้กังวลและเพียงโบกมือขึ้น

"ไม่เป็นไร เลวร้ายที่สุดข้าก็แค่ต้องแบกเข้าไปเท่านั้น "

ฟางถัง และคนที่เหลือทั้งหมดต่างก็มีการแสดงออกแปลก ๆ บนใบหน้าของพวกเขา แบกเขาไปหรือ?

"เช่นนั้นก็แยกกันไปเตรียมตัว" หนิง เสี่ยวเหยายืนขึ้นและดื่มชาของเธอ ก่อนที่จะเช็ดริมฝีปากแล้วพูดขึ้น "การชุมนุมเลิกแล้ว พวกเราจะออกจากพระราชวังไปในคืนวันพรุ่งนี้"

"ทำไมถึงยามกลางคืนเล่าพ่ะย่ะค่ะ?" องครักษ์คนหนึ่งถามขึ้น

"เนื่องจากสายลม และคนที่เหลือยังได้รับบาดเจ็บ มันไม่ดีที่พวกเขาจะตื่นแต่เช้า” หนิง เสี่ยวเหยาอธิบายขึ้น

เงาพายุและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกซาบซึ้งอีกครั้ง

"นอกจากนี้ ใครจะไปสังหารใครบางคนในตอนกลางวันแสกๆ?" หนิง เสี่ยวเหยา พูดขึ้นไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังจะไปฆ่าซอมบี้ซะหน่อย

"... ... " ทุกคนต่างก็ไร้คำพูด ทำไมดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว?

ในทางเดิน นอกห้องโถงใหญ่แม่นมสองคนนั่งคุกเข่ารอหนิง เสี่ยวเหยาอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นเธอเดินเข้ามาพร้อมกับมือของเธอไขว่หลัง แม่นมคนหนึ่งก็รีบพูดขึ้น "ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันพายายใบ้มาช่วยฝ่าบาทสรงน้ำเพคะ"

"ยายใบ้หรือ?" หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่แม่นมที่คุกเข่าอยู่ข้างหลังคนแรก "นางพูดไม่ได้หรือ?"

ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยห้าสิบของนางรีบพยักหน้า และเปิดปากของนางเพื่อให้หนิง เสี่ยวเหยา สามารถมองเห็นได้ เธอเห็นเฉพาะส่วนที่เหลืออยู่ของลิ้นในปาก พระพันปีเซี่ย เป็นคนที่ชาญฉลาดจริงๆ ถึงขนาดหาคนใช้ที่เป็นใบ้เพื่อมาช่วยเธออาบน้ำ ด้วยวิธีนี้แม้ว่านางจะรู้ว่าร่างของเธอเป็นหญิง แม่นมผู้นี้ก็จะไม่สามารถพูดอะไรได้ ฮึ ดูเหมือนว่าแม่นมคนนี้อาจจะไม่รู้หนังสือด้วยเช่นกัน

เธอก้มลงเพื่อช่วยยายใบ้ขึ้น ก่อนที่จะบอกแม่นมอีกคนว่า "ข้ายังไม่อยากอาบน้ำ เจ้าไปช่วยจัดการให้องครักษ์มังกรพิทักษ์และหน่วยทหารม้าพิเศษอาบน้ำแทน น้ำจะต้องร้อนด้วย "

หลังจากรับคำสั่งแล้วแม่นมก็ถามขึ้น"แล้วยายใบ้คนนี้เล่าเพคะ?"
"ปล่อยนางไว้ที่นี่" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น ถ้าเธอไล่คนผู้นี้ออกไป พระพันปีก็จะจัดให้มีคนรับใช้ใบ้คนที่สองหรือคนที่สามมาแทนอีก? แล้วจะทำเรื่องให้มันเอะอะทำไม?

แม่นมพายายใบ้เดินออกไป หนิง เสี่ยวเหยาเปิดประตูห้องของเธอ ในฐานะบุคคลที่มีความสามารถในการเยี่ยวยาสิ่งที่เธอต้องทำคือกระตุ้นความสามารถของเธอไปทั่วร่างกายและทำความสะอาดสิ่งสกปรกทั้งหมดจากภายในสู่ภายนอก หนิง เสี่ยวเหยา ไม่ต้องอาบน้ำเลยด้วยซ้ำ! ตอนนี้โหลว จื่อกุ้ย กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา สายลมตอนเย็นของฤดูใบไม้ผลิพัดมาเบาๆและอ่อนโยน ในขณะที่มันพัดผมของโหลว จื่อกุ้ยและขนของหัวหน้าแมวดำเล็กน้อย ในขณะที่เขานั่งอยู่บนหน้าต่างเพื่อเฝ้าปกป้องท่านแม่ทัพสูงสุดของเขา ดวงตาสีเขียวของเขาหรี่ลงเล็กน้อย

หนิง เสี่ยวเหยาอุ้มร่างของโหลว จื่อกุ้ยขึ้นและพาเขาไปที่เตียง ก่อนที่จะดึงมาห่มมาคลุมให้กับเขาและสัมผัสหน้าผากของเขา เธอหายใจออก เขาไม่ต้องใช้เวลามากกว่าสองวัน ก่อนที่อาการบาดเจ็บของเขาจะฟื้นตัว หัวหน้าแมวดดำวิ่งไปที่เท้าของเตียงและเกาไปที่เท้าของหนิง เสี่ยวเหยาอีกครั้ง

"เจ้าก็วางแผนที่จะนอนกับเขาด้วยหรือ?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น "ตื่นได้แล้ว เจ้าเป็นผู้ชาย มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าเจ้านอนกับท่านแม่ทัพสูงสุด! "

หัวหน้าแมวดำได้พยายามที่จะขีดข่วนไปที่หน้าขาของหนิง เสี่ยวเหยา คนไม่เต็มเต็งผู้นี้ดูหมิ่นความรักของเขาที่มีต่อท่านแม่ทัพสูงสุดเกินไปแล้ว! หนิง เสี่ยวเหยาเตะหัวหน้าแมวดำไปด้านข้าง ก่อนที่มันจะกระโดดออกจากหน้าต่างเข้าไปในสวนดอกไม้

"เจ้าได้ตัดสินใจแล้วหรือยัง?" ปู่นกกระจอกยังคงยืนอยู่ที่กิ่งของต้นไม้เช่นเดียวกับก่อนหน้า

หนิง เสี่ยวเหยานั่งอยู่ใต้ต้นไม้และพยักหน้า "ฮืม พวกเราได้ตัดสินใจแล้ว เราจะทำการเคลื่อนไหวในคืนพรุ่งนี้ "

ปู่กระจอกบินขึ้นลงบนขาของหนิง เสี่ยวเหยา "แล้วเจ้าจะบอกแคว้นฮูเหนือได้อย่างไรว่าท่านแม่ทัพสูงสุดออกจากพระราชวังแล้ว?"

หนิง เสี่ยวเหยา หยิบขนมปังนึ่งออกมาจากกระเป๋าและแล้วป้อนบางส่วนให้กับปูนกกระจอก ในขณะที่เธออธิบายขึ้น "นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากจะถาม ปู่นกกระจอกเจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่ พวกเจ้าสามารถขโมยอะไรบางอย่างจากพวกป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือได้หรือไม่ "