ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

เสียงร้องของวิหคเพลิง(นิยายเปล) ตอนที่ 60: ละครที่ดีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว



          "เลือด ... เลือดมากเหลือเกิน ... อ่า ... น่ากลัว ... ฝ่าบาท! ว่านเอ้อร์ กลัวเลือด ... "เหยา โม่ว่าน ไม่ได้สนใจคำพูดของเหยา ซูหลานแม้แต่น้อย ในขณะที่นางกอดเหย่ หงอี๋ เอาไว้และร้องไห้เหมือนน้ำพุแตก

          "ว่านเอ่อร์ไม่ต้องกลัว! พวกเจ้ามัวแต่ยืนทำอะไรอยู่!? รีบไปจัดการกับคราบเลือดเหล่านี้เสีย! "เมื่อเหย่ หงอี๋ เห็นว่าโฉมงามเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของเขาสั่นเหมือนใบไม้ในสายลม ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปและเขาเริ่มขุ่นเคืองต่อคนรับใช้ขึ้นทันที

          บนที่นอน ดวงตาที่งดงามของเหยา ซูหลาน แทบจะมีเลือดไหลออกมาในขณะนี้ริมฝีปากของนางก็ไม่มีสีแม้แต่น้อย นิ้วที่เรียวเล็กของนางจับผ้าห่มเอาไว้อย่างแน่นหนา และความไม่พอใจก็เต็มไปหมดในดวงตาของนาง มันเป็นความจริงที่ว่านี่เป็นแผนการ แต่นางก็ยังสูญเสียลูกของนางจริงๆ นางรู้สึกราวกับว่ากำลังมีเข็มทิ่มแทงท้องของนางและร่างกายของนางอยู่ในสถานะที่อ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับเหยา โม่ว่าน ไม่ใช่ว่านางหรอกหรือที่จะต้องการได้การดูแลมากกว่า!?

          ที่ด้านข้าง ฮว้าน ฉ่าย ปิดปากนางลงอีกครั้ง และเริ่มตั้งข้อสังเกตอย่างเงียบๆ ว่าเหยา โม่ว่านช่างมาได้ทันเวลาพอดี มันเป็นเรื่องที่ดีที่นางยังไม่ได้นำเรื่องของเหยา โม่ว่านขึ้นมาพูด ฝ่าบาทดูเหมือนจะโปรดปรานคนโง่ผู้นี้มากดังนั้นถ้านางลากเหยา โม่ว่านเข้ามาในสถานการณ์นี้ สถานการณ์ก็อาจจะแย่ลง โชคดีที่หลักฐานที่นางรู้ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเมื่อท่านพ่อมาถึงนางจะสามารถทำให้เหยา ซูหลาน รู้สึกเสียใจอย่างที่นางไม่เคยคิดมาก่อน

          เหยา โม่ว่าน เริ่มหยุดร้องไห้ทันทีที่นางกำนัลในพระราชวังได้เปลี่ยนชุดนอนที่เปื้อนเลือดทั้งหมดแล้ว ก่อนจะวิ่งไปที่นั่นทันที

          "พี่รอง ท่านคงต้องเจ็บปวดมาก ๆ ?" ใบหน้าที่ซีดเซียวของเหยา โม่ว่าน  ทำให้คนเกิดความรู้สึกสงสารเมื่อทุกคนเห็นมัน แต่ในสายตาของเหยา ซูหลาน มันดูน่ารังเกียจมาก

          "แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร!?" เหยา ซูหลาน ถากถางกลับ โดยความแค้นที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

          "มันต้องเจ็บมาก ๆ " เหยา โม่ว่าน ยกมือขึ้นจับหน้าท้องของเหยา ซูหลาน ในขณะนั้นแสงไฟจางๆ พระพริบขึ้นชั่วครู่ในสายตาของนาง ในตำหนักเย็น เมื่อนางกอดจงเอ้อร์ นางรู้สึกเจ็บปวดมาก มันราวกับว่ามีก้อนน้ำแข็งนับไม่ถ้วนตกลงมาจากฟากฟ้าและเชื่อมโยงไปถึงร่างของนาง ซึ่งแต่ละอันจะนำพาความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนรับได้

          "เอามือของเจ้าออกไป!" เหยา ซูหลาน ปัดมือของเหยา โม่ว่านออกไปด้วยความขยะแขยง ในขณะที่นางกำลังจะผลักเหยา โม่ว่าน คนโง่เขลาผู้นี้ออกไป นางก็รู้สึกถึงแสงที่เยือกเย็นจากสายตาของเหย่ หงอี๋ และรีบระงับความต้องการของนางลง

          "พี่รอง ... " เหยา โม่ว่าน มองไปทางเหยา ซูหลาน อย่างไร้เดียงสา แต่ในวินาทีต่อมานางก็ถูกดึงกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเหย่ หงอี๋อีกครั้ง  

          "ฝ่าบาท พระองค์ต้องนำความยุติธรรมมาให้บุตรที่ตายไปของหม่อมฉันนะเพคะ!" เหยา ซูหลาน เช็ดน้ำตาของนางด้วยความเศร้าโศก ในขณะที่นางแจ้งเป็นการย้ำเตือนขึ้น

          "ใครก็ได้เข้ามาและนำตัวสนมเฉินไปตำหนักเย็น!" เหย่ หงอี๋ รีบกลับมาได้สติหลังจากที่เขาเหยา ซูหลานแจ้งเตือนเขาก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็นขึ้น ในขณะที่ฮว้าน ฉ่าย กำลังจะเปิดปากของนางเพื่อโต้แย้งอัน ปิงซาน ก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก

          "ฝ่าบาทแม่ทัพฝ่ายซ้ายฮว้าน เฮิ๋ง มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อได้ยินเรื่องนี้ฮว้าน ฉ่าย ก็รู้สึกผ่อนคลายลง เหยา ซูหลาน ผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงมองไปทาง เหย่ หงอี๋ ในขณะที่ประกายแห่งความนึกคิดส่งผ่านสายตาของนางออกไป เหตุการณ์นี้พึ่งจะเกิดขึ้นเพียงไม่นานมานี้เอง แล้วข่าวดังกล่าวได้แพร่ออกไปข้างนอกแล้วหรือ?         

          "ปล่อยให้เขาเข้ามา" ไม่มีทางที่เหย่ หงอี๋เองจะไม่แปลกใจ แต่ฮว้าน เฮิ๋ง อยู่นอกตำหนักและตอนนี้เขาก็ไม่มีเหตุผลที่สมควรที่จะส่งเขากลับไป ไม่นานนักชายวัยกลางคนที่มองดูน่าจะมีอายุประมาณห้าสิบปี ใส่ชุดทหารก็เดินเข้าไปในตำหนักปุบผาพิสุทธิ์

          "กระหม่อมฮว้าน เฮิ๋ง ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟย สนมเฉินพ่ะย่ะค่ะ!" เสียงของเขามีประสิทธิภาพและสะท้อนด้วยความแข็งแกร่ง หนึ่งสามารถบอกได้จากน้ำเสียงของเขาว่าคนผู้นี้มีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่สูงมากและความกำลังภายในที่ลึกซึ้ง

          "ลุกขึ้นได้ ท่านแม่ทัพฮว้าน ท่านมาได้เวลาพอดี เรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เจิ้นปวดศีรษะเป็นอย่างมาก! " ฮว้าน เฮิ๋ง มาได้ในเวลาที่เหมาะสมในการจัดการเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาไม่สามารถเปิดเผยไพ่ตายของเขาได้

           "ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้ฝ่าบาททรงหนักพระทัยเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?" ฮว้าน เฮิ๋ง เป็นคนที่มีความคิดความอ่าน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็เลือกที่จะรออย่างเงียบ ๆ และรอให้เหย่ หงอี๋ พูดขึ้นมาก่อน ในขณะที่เหย่ หงอี๋กำลังจะเปิดปากพูด อัน ปิงซาน ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

          "ฝ่าบาท ท่านเสนาบดีมาขอเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ" ในขณะที่อัน ปิงซาน เหลือบมองผู้คนที่อยู่ภายในห้องนี้ แสงที่ดำมืดก็กระพริบผ่านดวงตาของเขา ดูเหมือนว่าจะมีละครฉากใหญ่ขึ้นในวันนี้

          "ให้เข้ามา" เหย่ หงอี๋ ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณ หลังจากผ่านไปสักพัก เหยา เจิ้นถิง ก็เดินเข้ามา

          “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟ้ย สนมเฉินและสนมเหยาพ่ะย่ะค่ะ ...” เหยา เจิ้นถิง อดทนอย่างมากกับทุกคำถามที่เขามีและทำความเคารพคนที่อยู่ในห้องพัก ทั้งหมดที่เขาได้ยินคือพระสนมกุ้ยเฟย รู้สึกไม่ดีนักและต้องการพบเขา อย่างไรก็ตามจากรูปลักษณ์ของสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ดูเหมือนเรื่องจะไม่ธรรมดาแล้ว

          "ฝ่าบาทแม้แต่โอรสสวรรค์ก็ยังต้องได้รับการลงโทษเช่นเดียวกับคนทั่วไป ถ้าเขากระทำความผิด แม้ว่าพระสนมเฉินจะเป็นไข่มุกในมือของท่านแม่ทัพฮว้าน เฮิ๋ง และยังเป็นสนมคนโปรดของฝ่าบาท แต่ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ได้สังหารสายเลือดมังกรที่อยู่ในท้องของหม่อมฉัน ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงลงโทษนางอย่างเหมาะสม แล้วหม่อมฉันจะทนกับความสูญเสียครั้งนี้ได้อย่างไร? "เหลา ซูหลานทำลายบรรยากาศอันแปลกประหลาดภายในตำหนักขึ้น ในขณะที่นางเริ่มร้องไห้อย่างเศร้าโศกอีกครั้ง

          แม่ทัพฮว้าน ท่านคงได้ยินแล้ว เนื่องจากความอิจฉา สนมเฉินจึงได้ใส่สรั่น ลงไปในน้ำซุปของกุ้ยเฟย และทำให้กุ้ยเฟย ต้องสูญเสียบุตรในครรภ์ของนางไป เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ดังนั้นแม้ว่าเจิ้น จะมีประสงค์ที่จะยกโทษให้สนมเฉิน แต่เจิ้นก็ไม่สามารถละเลยกฎหมายได้” เหย่ หงอี๋ พูดขึ้นอย่างฉะฉาน ทำให้คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความชอบธรรมและสง่างาม ในขณะที่เขามองไปทางฮว้าน ฉ่าย ด้วยการแสดงออกที่ขัดแย้งกัน

          ที่ด้านข้างเหยา เจิ้นถิง รู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาที่ไม่สามารถอ่านได้ของเขาได้หันไปทางเหยา ซูหลาน ก่อนที่จะมองไปที่เหยา โม่ว่านที่อยู่ในอ้อมแขนของเหย่ หงอี๋ ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้เกิดขึ้นในดวงตาของเขา

          เหยา โม่ว่าน รู้ว่าบิดาที่ยอดเยี่ยมของนางกำลังอยู่ในระหว่างการประเมินตำแหน่งลูกสาวของเขา ที่อยู่ในใจของฮ่องเต้ เพื่อที่จะตัดสินใจว่าใครที่ควรจะทำดีด้วยเพื่อประโยชน์ในอนาคต

          "ฝ่าบาททรงกล่าวได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ถ้าสนมเฉินมีความผิดจริงจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่นางจะต้องเผชิญหน้ากับบทลงโทษ กระหม่อมจะไม่ขอร้องให้ฝ่าบาทต้องหนักพระทัยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงการใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่ถูกไม่ควรพ่ะย่ะค่ะ”ฮว้าน เฮิ๋ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่เขากำกำปั้นของเขาแน่น

          "เจิ้น ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว หมอหลวงได้ตรวจพบสรั่นอยู่ในน้ำซุปของสนมเฉิน ที่นำมาให้กุ้ยเฟย แม้กระทั่งตอนนี้ชามก็ยังวางอยู่บนโต๊ะ สนมเฉินไม่มีทางปฏิเสธเรื่องนี้ได้ "เหย่ หงอี๋ พูดขึ้นอย่างจริงจัง  

          "ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสนมเฉิน เป็นคนที่เพิ่มสรั่นลงไป อาจจะมีใครบางคนทำอะไรบางอย่างกับน้ำซุปนี้ก่อนที่จะมาถึงมือของกุ้ยเฟย หรือบางทีอาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับน้ำซุปนี้ หลังจากที่สนมเฉินนำมันเข้ามาแล้วก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท "ฮว้าน เฮิ๋ง วิเคราะห์อย่างใจเย็น คำพูดของเขาทุกคำตรงประเด็นมาก

          "ถึงแม้ว่าจะมีใครทำอะไรบางอย่างกับน้ำซุปนี้ก่อนที่มันจะมาถึงมือของกุ้ยเฟ้ย แต่มันก็มาจากห้องเครื่องของสนมเฉิน เพราะฉะนั้นสนมเฉินจึงต้องรับผิดชอบ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้!" เหยา ซูหลานพูดขึ้นในขณะที่เช็ดน้ำตาของนาง

          "ดังนั้นจึงมีเพียงหนึ่งความเป็นไปได้ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งก็คือว่ามีคนจงใจใส่ร้ายสนมเฉินเพื่อกำจัดภัยคุกคาม! ฝ่าบาทควรลงโทษบุคคลผู้นี้เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศที่สกปรกของผู้คนนี้ไหลเวียนอยู่ในพระราชวังที่ศักดิ์สิทธิ์นะพ่ะย่ะค่ะ "ฮว้าน เฮิ๋ง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง เมื่อมองไปทางเหยา ซูหลานด้วยรอยยิ้ม ในเวลาเพียงไม่กี่ประโยค เขาก็สามารถชี้หัวหอกไปยังทางเหยา ซูหลานได้แล้ว

          เหยา โม่ว่าน เฝ้าดูทั้งหมดในขณะที่อยู่ภายในอ้อมกอดของเหย่ หงอี๋ ในขณะนี้ถ้าเหยา เจิ้นถิง ก้าวออกมาพูดไม่กี่ประโยคเพื่อเหยา ซูหลาน สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยก็จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เหยา เจิ้นถิง กลับยังคงเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้แสดงเจตนาที่จะปกป้องลูกสาวของเขาแม้แต่น้อย เหยา โม่ว่าน ได้คาดการณ์ว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้เอาไว้แล้ว แม้ว่าเนื้อและเลือดของตัวเองกำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของนางอยู่ในสายลมของทะเลทราย เขาก็ยังจะสามารถห่วงใยความปลอดภัยของตัวเองก่อนอย่างไม่แย่แส

          "แม่ทัพฮว้าน เฮิ๋ง ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน แม้จะมีหลักฐานที่แน่ชัดเช่นนี้ แต่ท่านกลับพยายามที่จะกล่าวหาข้าด้วยเหตุผลที่ไร้เหตุผลเพื่อช่วยสนมเฉินอย่างนั้นหรือ? ท่านทำให้ฝ่าบาทและข้าผิดหวังอย่างแท้จริง! "เหยา ซูหลานทนทุกข์ทรมานในช่องท้องของนาง ในขณะที่นางตำหนิเขาด้วยความโกรธ นางมองไปทางด้านข้างที่ซึ่งบิดาของนางกำลังเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ จากนั้นก็มองไปที่เหย่ หงอี๋ที่กำลังกอดเหยา โม่ว่านอยู่และรู้สึกตกตะลึงกับความรู้สึกที่ว่านางเป็นเพียงคนเดียวที่สู้ศึกครั้งนี้เพียงลำพัง อย่างไรก็ตามลูกศรถูกยิงออกไปแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะสู้ต่อไปเท่านั้น

          "กระหม่อมเพียงตัดสินเรื่องตามพื้นฐานของความจริง ฝ่าบาทกระหม่อมทรงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นบนพื้นผิว มีการแผนงานที่ซับซ่อนไว้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! "ฮว้าน เฮิ๋ง จับมือเข้าด้วยมือในขณะที่เขายกระดับเสียงของเขาขึ้น 

          “โอ้? แล้วแผนงานที่ซับซ่อนที่ท่านแม่ทัพฮว้าน เฮิ๋งพูดคืออะไร "ดูเหมือนว่าฮว้าน เฮิ๋ง จะยังคงสงบอยู่จากสิ่งที่เหย่ หงอี๋เห็น แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าสถานการณ์จะหลุดออกจากการควบคุมของเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ในทางกลับกันประกายแห่งความเคารพได้กระพริบผ่านในสายตาของเหยา โม่ว่าน ตามที่คาดไว้สำหรับผู้ที่เป็นถึงแม่ทัพ เขาสามารถนำเหย่ หงอี๋ให้ เข้าสู่กับดักได้โดยใช้ประโยคง่ายๆเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น

          "กระหม่อมบังอาจที่จะขอให้ฝ่าบาทโปรดทรงอนุญาตให้กระหม่อมสามารถค้นตำหนักของพระสนมกุ้ยเฟยด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ถ้าเกิดว่าพระสนมกุ้ยเฟยเป็นผู้ที่ใส่สรั่น ลงในอาหารของตัวเองเพื่อใส่ร้ายสนมเฉิน เช่นนั้นหลักฐานก็คงจะยังไม่ถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ "ฮว้าน เฮิ๋ง ประกาศขึ้นเสียงดัง ในขณะที่เขาพูดเขาเหลือบมองดูบุตรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักอันอ่อนโยน