ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 21:ท่านแม่ทัพสูงสุดและผู้ปกครองที่น่าชัง


          ไม่นานโหลว จื่อกุ้ย ก็กินซุปโสมหวานลงในท้องครึ่งหนึ่ง ตอนนี้หนิง เสี่ยวเหยา พอใจมาก เธอรีบเช็ดริมฝีปากของเขาและพูดว่า "เจ้ารู้สึกดีขึ้นไหมหลังจากได้กินอะไรไปบ้างแล้ว? เมื่อเจ้าป่วยเจ้าต้องฟังคนอื่น" ดังนั้นหลังจากพูดจบหนิง เสี่ยวเหยา ก็ยกชามขึ้นและกินครึ่งที่เหลือลงไป

          "ผู้ปกครองที่น่าชัง" โหลว จื่อกุ้ย กัดฟันและสาปแช่งหนิง เสี่ยวเหยาขึ้น อีกครั้ง หลังจากที่รู้ว่าเขาถูกหลอกราวกับคนโง่
 
          หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกอับอายพร้อมกับก้มหน้าลง

          โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นจากหน้าอกของเขาในทันที หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นร้อนและสถานที่บางแห่งก็รู้สึกว่ามันมีเพิ่มขนาดขึ้นจนรู้สึกเจ็บ "เจ้า.. เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน โหลว จื่อกุ้ย คว้าไปที่มือของหนิง เสี่ยวเหยาในทันที
  
          "ฮืม?" หนิง เสี่ยวเหยา สูญเสียการควบคุมชามซุปของเธอ ในขณะที่โหลว จื่อกุ้ย คว้ามือเธอไว้ จึงทำให้ชามว่างเปล่าปะทะเข้ากับพื้นทันที

          ในช่องว่างของประโยคทั้งสองนี้ ร่างกายของโหลว จื่อกุ้ย รู้สึกราวมันถูกเผาด้วยไฟ แม้แต่ดวงตาของเขาก็ยังแดง หนิง เสี่ยวเหยา เต็มไปด้วยความงงงวยอย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น! เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกไฟไหม้?

          แม้ว่าโหลว จื่อกุ้ย จะถูกจับให้ดูตัวและเกือบจะแต่งงานไปแล้วถึงหกครั้ง แต่สามคนแรกที่มาจากตระกูลเก่าแก่ ก็ได้เสียชีวิตจากความเจ็บป่วยหรือการเสียชีวิตอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ และสามคนต่อมาก็มาจากครอบครัวสามัญ เพื่อที่จะให้ลูกชายคนที่สี่ของตระกูลโหลว อย่างน้อยก็ได้มีฮูหยินรองหรือสนมไว้บ้างสองหรือสามคน แต่ผู้หญิงทุกคนก็เจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวันแต่งงานเช่นเดียวกันหมด หลังจากการตายของทั้งหกคน ก็ไม่มีครอบครัวใดที่ต้องการขายลูกสาวเพื่อหากำไรและให้แต่งงานเข้ามาในตระกูลโหลวอีก เนื่องจากตระกูลโหลวรังเกียจครอบครัวเหล่านั้น เพราะแผนการดังกล่าว และเนื่องจากครอบครัวที่ดีไม่ต้องการให้ลูกสาวพวกเขาแต่งงานเข้ามา และเนื่องจากบิดาและพี่น้องของตระโกลว ทุกคนต่างก็เสียชีวิตในสนามรบก่อนที่ภรรยาของพวกเขาจะเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ท่านแม่ทัพสูงสุดของเมืองอันหย่วน ไม่เคยลิ้มรสความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมาก่อน

          โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกเพียงว่าร่างกายของเขาถูกจับให้อยู่ท่ามกองกลางไฟที่กำลังเผาไฟเขาทั้งเป็น นี้ไม่ดีไปกว่าการถูกหั่นเป็นชิ้นบาง ๆให้ไปสู่ความตายเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกร้อนและแห้งผาก โหลว จื่อกุ้ย ยกมือเพื่อที่จะเกาไปที่ผิวหนังของเขา

          "อย่า" หนิง เสี่ยวเหยา รีบกดมือของเขาลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่สามารถถลกหนังตัวเองทั้งเป็นได้

          เลือดเริ่มไหลออกจากจมูกของโหลว จื่อกุ้ย

          ในช่วงกลางของการรักษาตัวเอง หนิง เสี่ยวเหยา ก็ได้รีบไปรักษา "พิษ" ของ โหลว จื่อกุ้ย ด้วยเช่นกัน แต่การแพร่กระจายของสารพิษนั้นเร็วเกินไปดังนั้นขาของเธอจึงอ่อนแรง ก่อนที่เธอจะล้มลงไปบนตัวของโหลว จื่อกุ้ย แสงสีเขียวจาง ๆ วูบวาบอยู่ในฝ่ามือของเธอ ในขณะที่หนิง เสี่ยวเหยาใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย

          ดูเหมือนว่ามันเป็นกลิ่นของหญ้าและต้นไม้อีกครั้งแล้ว โหลว จื่อกุ้ย คิดขณะที่เขาจับหนิง เสี่ยวเหยาเอาไว้ ที่สำคัญมากไปกว่านั้น โหลว จื่อกุ้ยจำกลิ่นหอมที่เคยทำให้เขาหลงใหลมาก่อน เขาผลิกตัวกลับและกดหนิง เสี่ยวเหยาเอาไว้ใต้ร่างของเขาในทันที

นี่คืออะไร....

          คำสามคำนี้เป็นคำสุดท้ายที่ปรากฏในความคิดของหนิง เสี่ยวเหยา ก่อนที่เธอจะสูญเสียความคิดที่มีเหตุผลทั้งหมดไป

          ผ้าม่านลูกปัดที่แขวนอยู่บนเตียงมังกรเปลี่ยนจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงไปสู่ความเงียบสงบ เพียงแค่ในช่วงของระยะเวลาที่ใช้ในการดื่มชาครึ่งถ้วย หนิง เสี่ยวเหยา กำลังฟังเสียงการหายใจที่หนักหน่วงของโหลว จื่อกุ้ย และพูดคำที่โง่เขลาออกมาจากประสบการณ์ทางการแพทย์ของเธอ “อย่าปล่อยให้มันมีน้ำหนักในหัวใจของเจ้า มันเป็นเรื่องง่ายที่จะตื่นเต้นในครั้งแรก แต่มันจะนานขึ้นเมื่อเจ้ามีประสบการณ์ที่มากขึ้น "

          ดวงตาของโหลว จื่อกุ้ย จดจ่ออยู่ที่หนิง เสี่ยวเหยา ดวงตาสีแดงที่เกิดขึ้นจากยาของเขาค่อยๆเลือนหายไปและกลับมาเป็นสีดำปกติอีกครั้ง เมื่อความกดดันของเขาได้รับการปลดปล่อยแล้ว ด้วยท่าทางที่อ่อนล้าของเขาก่อนหน้าเขาก็กลับมาเป็นตื่นตัวและเต็มไปด้วยความโกรธ หนิง เสี่ยวเหยา รีบปิดหูของเธอขึ้นทันที ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องที่เขาใช้เวลานานแค่ไหนหรือไม่!? ในโลกที่กำลังจะแตกบุคคลใดก็ตามที่พบคนที่ตัวเองถูกใจพวกเขาก็จะหาสถานที่และม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยกัน มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในโลกที่ความตายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ การใช้วิถีชีวิตแบบคนเจ้าสำราญ และหาความสุขให้ตำเองในขณะที่พวกเขาทำได้เป็นเรื่องปกติ แต่หนิง เสี่ยวเหยา ไม่พบใครที่ถูกตาเธอในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา เธอไม่คิดว่าการนอนหลับร่วมกันเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คิดว่าส่วนไหนของโหลว จื่อกุ้ย น่ารังเกียจ และที่มากไปกว่านั้นเธอจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเพศของเธออย่างไร หลังจากที่เขาค้นพบว่าเธอเป็นผู้หญิง เขาจะฆ่าเธอทันทีหรือไม่?!

          สายตาของโหลว จื่อกุ้ย มองจากใบหน้าของเธอลงไป ก่อนที่เขาจะดึงเสื้อผ้าของเธอออก ในขณะที่เขาฉีกเสื้อผ้าออก ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวก็เต็มไปด้วยความงึนงง นี้จะเป็นไปได้อย่างไร

          หนิง เสี่ยวเหยา ตะกายและเตรียมพร้อมที่จะหลบหนี ในเมื่อเธอไม่สามารถหลอกเขาได้อีกต่อไป เธอคงจะต้องหนีไปก่อน! แต่โหลว จื่อกุ้ย ก็เอื้อมมือจับเธอเอาไว้

          "เจ้า เจ้าเป็นผู้หญิงหรือ?" เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาดัง ๆ แต่กลับถามนางด้วยเสียงที่ต่ำขึ้นแทน

          หนิง เสี่ยวเหยา ได้มองต่ำลงไปยังร่างที่เปลือยเปล่าของโหลว จื่อกุ้ย และโหลว จื่อกุ้ย เองก็มองตามสายตาของนางไป ก่อนที่จะเห็นจุดสีแดงของเลือดบนเตียงมังกร แล้วใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีซีดจาง ๆขึ้น จากนั้นเขาก็จับผ้าคลุมและห่อตัวนางไว้ข้างในทันที

          หนิง เสี่ยวเหยา ชี้ไปที่ไหล่ของโหลว จื่อกุ้ย และพูดขึ้น "ไหล่ของเจ้ามีเลือดออกอีกครั้งแล้ว" แม้ว่าการกระทำของพวกเขาจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่มันก็รุนแรงราวกับอยู่ในสนามรบ แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังคงหนีบขาของเธออยู่

          "เงียบ!" โหลว จื่อกุ้ย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ

          "โอ้ " หนิง เสี่ยวเหยา ปิดปากของเธอ

          โหลว จื่อกุ้ย เว้นระยะห่าง ในขณะที่เขานอนลง หลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เขากำลังรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง หนิง เสี่ยวเหยา ลุกขึ้นจากเตียงนอน ในขณะที่ถูกห่อไปด้วยผ้าคลุมเตียงและเดินไปหาเสื้อผ้า กางเกงของเธอดูสกปรกและเสื้อก็ถูกฉีกขาด แม้แต่ผ้าผูกหน้าอกของเธอก็ได้ถูกฉีกขาดไปครึ่งหนึ่งโดยผู้ชายคนบนเตียง หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกยินดีที่ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลว ได้ฉีกเสื้อผ้าของเธอเท่านั้นและไม่ได้ฉีกตัวเธอไปด้วย

          โหลว จื่อกุ้ย ค่อยๆหันศีรษะไปมองหนิง เสี่ยวเหยา ตอนนี้นอกหน้าต่างเริ่มมืดแล้วและโคมไฟในห้องก็ไม่สว่างมาก หนิง เสี่ยวเหยา ยืนอยู่ในความมืด ในขณะที่เธอใส่เสื้อผ้าของเธออย่างงุ่มง่ามและสั่นเทา ทำให้โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกสงสาร แต่หลังจากสภาพจิตใจของเขาที่จมดิ่งจง เขาก็บังคับให้ตัวเองสงบลง มีความลับบางอย่างที่ต้องเปิดเผย ก่อนที่ผู้คนจะค้นพบมันและสืบสาวหาเรื่องราวทั้งหมดได้

          หนิงหยู เป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่เติบโตขึ้นมาจากอาณาเขตของอุปราชเซี่ยและพระพันปี หลังจากที่นางขออนุญาตออกจากพระราชวังและกลับไปเยี่ยมบ้านบิดามารดาของนาง นางก็บอกว่าได้พบกับพระภิกษุสงฆ์และพระภิกษุสงฆ์ก็บอกว่านางและลูกน้อยควรเว้นระยะห่างของพวกเขา ดังนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงปล่อยให้หนิงหยูเติบโตขึ้นในอาณาเขตของอุปราช ก่อนที่เขาจะกลายเป็นฮ่องเต้ เขาไม่เคยก้าวเข้ามาในพระราชวังแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้เมื่อเขาคิดย้อนกลับไป ตอนนั้นพระสนมเซี่ยได้ตั้งท้องเจ็ดเดือน ก่อนที่นางจะใช้ทุกวิธีเพื่อที่จะออกจากวังและไปเยี่ยมครอบครัว ถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่อร่างกายของนางก็ตาม จากนั้นนางก็คลอดก่อนกำหนดคลอดและอาการสาหัส แถมยังได้พบกับพระภิกษุสงฆ์อาวุโสผู้หนึ่ง ในท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่หมากของพ่อลูกตระกูลเซี่ย เพื่อให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนลูกสาวของฮ่องเต้ให้กลายเป็นลูกชายของฮ่องเต้ได้

          ผู้หญิงจะกลายเป็นฮ่องเต้ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าหนิงหยูจะครองราชสมบัติได้สักระยะ แต่เมื่อหนิงหยินเติบโตขึ้น นางก็กลายเป็นหมากที่ไร้ประโยชน์ พ่อลูกตระกูลเซี่ย จะปล่อยให้ภัยพิบัติเช่นนี้มีตัวตนอยู่ได้อย่างไร?

          โหลว จื่อกุ้ยขมวดคิ้วของเขา ถ้าเขาโยนหนิงหยูออกไปและเปิดเผยนางในตอนนี้เขาจะทำลายพระพันปีและทั้งตระกูลเซี่ยได้ นั้นจึงจะเป็นการแก้แค้นให้กับองค์รัชทายาท แต่เขาลังเลเมื่อเห็นภาพเงาที่โดดเดี่ยวที่เคลื่อนไหวอยู่ในความมืด

          หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จ หนิง เสี่ยวเหยาก็ไม่กล้าหันกลับมามองโหลว จื่อกุ้ย แต่พึมพำขึ้น "ข้าอยากออกไปหาความสงบและเงียบสักหน่อย"

          "ว่าอย่างไรนะ?" โหลว จื่อกุ้ยได้ยินนางไม่ชัด

          หนิง เสี่ยวเหยา อยู่ตรงหน้าหน้าต่างเพียงไม่กี่ก้าว เธอก็เปิดมันออกและกระโดดออกไปด้านนอก ตอนนี้ท่านแม่ทัพสูงสุดรู้ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิง เขายิ่งจะรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เมื่อนึกถึงการเสียชีวิตอย่างไม่เป็นธรรมขององค์รัชทายาท ถ้าเธอไม่อยากถูกทำร้ายจนตาย เธอต้องหนี!

          "... ... " ในขณะที่โหลว จื่อกุ้ย เห็นหนิง เสี่ยวเหยา กระโดดออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกับกระต่าย เขาก็รู้สึกช่วยไม่ได้ที่จะถอยหายใจออกมา

          "คนไม่เต็มเต็งเปลี่ยนเสื้อผ้าของนาง!" นกกางเขนตัวเมีย เห็นหนิง เสี่ยวเหยาจากตรงต้นไม้ก็กางปีกออกมาแล้วร้องขึ้น

          "นางมีกลิ่นเหมือนว่านางพึ่งจะทำเรื่องไม่ดีมา" หัวหน้าแมวดำตะโกนขึ้น "คนไม่เต็มเต็งผู้นี้รังแกท่านแม่ทัพสูงสุดของข้า!"

          "... ... " หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก เจ้าอ้วนปุกปุยสีดำคิดว่าเขาเป็นสุนัขหรืออย่างไร? เดี๋ยวก่อน หนิง เสี่ยวเหยา จ้องมองไปแมวสี่ตัวที่นั่งอยู่บนเตียงดอกไม้ แมวขนยาวบอกว่าอย่างไรนะตอนที่อยู่ห้องโถงด้านข้าง? ชามสองใบนั้นมีสีที่แตกต่างกันไม่ใช่หรือ? แมวสามารถมองเห็นเฉพาะสีดำ ขาวและสีเทาไม่ใช่หรือ?

          "หรือว่าคนไม่เต็มเต็งจะเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพสูงสุดไปแล้ว " นกกระจอกพูดขึ้น

          หัวหน้าแมวดำ จ้องมองอย่างเกลียดชังไปที่หนิง เสี่ยวเหยา

          หนิง เสี่ยวเหยากระโดดกลับไปที่หน้าต่าง ตรงหน้าคือโหลว จื่อกุ้ย ที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง เธอพบชามที่หล่นลงมาที่ใต้เตียง มันไม่ได้แตกดังนั้นเธอจึงคว้ามันก่อนที่จะกระโดดออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง แมวทั้งสี่ยังคงหมอบอยู่บนเตียงดอกไม้ ยกเว้นตอนนี้ทั้งสี่กำลังจ้องมองด้วยความเกลียดชังมาทางเธอแทนที่จะมีเพียงหัวหน้าแมวดำ

          "พูด" หนิง เสี่ยวเหยา ส่งชามกับแมวสีขาวที่มีขนยาว "ชามใบนี้สีอะไร?"

          โดยไม่มีความลังเล แมวสีขาวขนยาวพูดขึ้น "สีแดง"  

          ชีวิตมันก็ยากมากอยู่แล้วเท่าที่เป็นอยู่
  
          หนิง เสี่ยวเหยา ทุบชามสีครามทันที เธอหลงเชื่อแมวตาบอดสีหรือนี่! แมวทุกตัวตื่นตะลึงกับการกระทำของเธอ แมววิ่งเข้าไปในพุ่มดอกไม้ แม้ว่าพวกเขาไม่ได้คิดถึงไอคิวของหนิง เสี่ยวเหยา แต่พวกเขารู้ในฐานะแมวว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่อันตราย หนิง เสี่ยวเหยา เดินคอตกออกไปจากลาน เธอควรจะต้องไปหาบางสิ่งบางกินก่อน เพื่อเติมท้องของเธอให้อิ่ม

          เมื่อร่างของเธอหายตัวไป แมวตัวน้อยก็ถามหัวหน้าแมวดำขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุดจะแต่งงานกับคนไม่เต็มเต็งหรือไม่?"

          ทำไมท่านแม่ทัพสูงสุดต้องแต่งงานกับคนไม่เต็มเต็ง? หัวหน้าแมวดำแสดงความไม่พอใจของเขา นับตั้งแต่ที่ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวได้ช่วยชีวิตเขาไว้ให้พ้นจากการถูกเหยียบย่ำของม้า เมื่อห้าปีก่อน หัวหน้าแมวดำก็ได้ปฏิบัติต่อท่านแม่ทัพสูงสุดว่าเป็นผู้มีพระคุณและเป็นบุคคลที่ดีที่สุดในโลก แม้กระทั่ง เจี้ยว เจี้ยว แมวเปอร์เซียตัวเมียที่อยู่ในที่ทำงานของขุนนางระดับสูงก็ไม่เหมาะสำหรับท่านแม่ทัพสูงสุด คนไม่เต็มเต็งหนิงหยู ผู้นี้ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนกับเจี้ยว เจี้ยว และไม่ฉลาดเท่าไรนัก ดังนั้นคนไม่เต็มเต็งอย่างนางจะมาเหมาะกับท่านแม่ทัพสูงสุดได้อย่างไร!

          ในขณะนี้พังพอนที่เงียบสงบมาตลอดก็ได้เวลาพูดขึ้น "ไม่มีใครรู้เลยหรือ?"

          " สุดยอดอมตะ พวกเราจำเป็นต้องรู้อะไรหรือ" หัวหน้าแมวดำถามขึ้น?

          พังพอนสีเหลืองกระพริบตาที่เหมือนถั่วของเขาและพูดขึ้น "คนไม่เต็มเต็งสามารถเข้าใจคำพูดของพวกเราได้ ตอนนั้นนางพึ่งจะคุยกับเจ้าขาวน้อย "

          สัตว์เล็ก ๆ ในลานต่างก็มีเต็มไปด้วยความตกตะลึง มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ !

          "ฝ่าบาท" ฟางถัง ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนและเคาะในขณะที่ในมือของเขามีกล่องอาหารอยู่

          บนเตียงมังกรโหลว จื่อกุ้ย กำลังนวดขมับของเขา

          หลังจากเรียกฝ่าบาทดังขึ้นสองสามครั้ง แล้วไม่มีการตอบรับ ฟางถังก็ร้องขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุด?"

          โหลว จื่อกุ้ย ปกปิดตัวเองด้วยผ้าคลุมและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นว่ากลิ่นของสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้นบนเตียงลดลงบ้างแล้ว เขาจึงตอบขึ้น "เข้ามา"

          ฟางถังเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากข้างใน เขาก็กำลังจะวิ่งเข้าไป ก่อนจะได้ยินเสียงของโหลว จื่อกุ้ย ดังขึ้น แล้วเขาจึงรีบผลักประตูให้เปิดออกและก้าวเข้าไปข้างใน ก่อนจะเห็นโหลว จื่อกุ้ย เงยหน้าขึ้นในขณะยืนอยู่ข้างประตู

          ฟางถัง ยังถือกล่องอาหารไว้ในมือ ในขณะที่เขาตรวจสอบสภาพของโหลว จื่อกุ้ย ก่อนจะถามขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุดฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่หรือขอรับ?"

          "เขากระโดดออกนอกหน้าต่างไปแล้ว" โหลว จื่อกุ้ย ตอบขึ้น

          แม่ทัพหนุ่มฟางถังเต็มไปด้วยความเงียบ ทำไมฝ่าบาทต้องกระโดดออกไปนอกหน้าต่างด้วย?

มีอะไรหรือไม่?” โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

          ฟางถัง รีบยกกล่องอาหารขึ้นมาให้โหลว จื่อกุ้ย ดู "ท่านแม่ทัพสูงสุด ห้องเครื่องทำข้าวต้มมาให้ท่าน พวกเขายังทำตุ๋นซุปหวานมาให้เป็นพิเศษด้วย ขอรับ"


          หัวคิ้วของโหลว จื่อกุ้ย ขมวดขึ้น ซุปหวานตอนนี้สำหรับเขาไม่มีอะไรดีนอกจากประสบการณ์ที่ไม่ดี!