ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล)ตอนที่ 19: ฝ่าบาทหิว


          หลังจากที่หนิง เสี่ยวเหยาออกจากห้องโถงด้านข้าง เธอก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้มันกำลังจะพลบค่ำและพระอาทิตย์เริ่มตกดินได้ย้อมสีแดงไปทั่วขอบฟ้าราวกับเปลวไฟที่ไหม้เกรียม เธอเหลือบไปเห็นกุหลายพันปีที่ลานด้านหน้า ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของมัน จนอารมณ์ของเธอดีขึ้นพอที่จะเข้าไปในตำหนักของเธอได้

          ตอนนี้ ฟางถัง และคนอื่น ๆ ได้พาหมอหลวงที่ดูอ่อนเยาว์มาเพื่อตรวจสอบการบาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย ที่ข้างเตียงมีถังน้ำและอ่างล้างหน้า น้ำในถังยังคงสะอาด แต่น้ำในอ่างล้างหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าเหล่าแม่ทัพนายพลได้ช่วยเช็ดล้างตัวของโหลว จื่อกุ้ยแล้ว การกระทำของพวกเขาที่รวดเร็วและครบถ้วน ทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชอบจากหนิง เสี่ยวเหยาไม่น้อย เธอเดินที่ข้างบนเตียงแล้วก็ยื่นคอของเธอออกไปเพื่อดูหมอหลวงที่กำลังทำแผลให้โหลว จื่อกุ้ย อยู่ในขณะนี้ ก่อนจะถามขึ้น "อาการบาดเจ็ดของท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นอย่างไรบ้าง?"

          เมื่อหมอหลวงได้ยินเสียงพูดของหนิง เสี่ยวเหยา เขาก็ไม่กล้าหันหลังกลับมาและมองไปที่เธอ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ต้องทำความเคารพ แต่ตอนนี้ยังมีดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา!

          ฟางถัง หันใบดาบออกเล็กน้อยก่อนที่จะตะโกนขึ้น "ฝ่าบาทกำลังถามเจ้าอยู่!"

          "เรียนฝาบาท แผลของท่านแม่ทัพสูงสุดดูรุนแรงมาก แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต" หมอหลวงหนุ่มตอบ ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และนับตั้งแต่ที่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครเคยจ่อดาบไว้ที่คอของเขามาก่อน ในเวลาเดียวกันเขาก็อยากรู้อยากเห็น ทุกคนกล่าวว่าโหลว จื่อกุ้ย ถูกทรมานจากการถูกตัดชิ้นเนื้อออกไปถึง 20 ถึง 30 ชิ้นบนแท่นประหาร ก่อนที่จะถูกกินโดยประชาชนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลของเขากลับไม่รุนแรงเท่าที่เขาคาดเอาไว้ แม่ทัพสูงสุดโหลวดูเหมือนจะได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์หรือผู้ประหารชีวิต และแม้แต่ตระกูลโหลวทั้งหมดที่อยู่ข้างเขา

          "เช่นนั้นก็ดีแล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น ก่อนจะพบเก้าอี้วางอยู่แล้วก็นั่งลงแล้ววางชามซุปไว้บนโต๊ะ เธอสั่งแม่ทัพขึ้น "พวกเจ้า คนไหนก็ได้ไปหาห้องครัว? ทำไมเราไม่ไปหาอาหารเพื่อเติมกระเพาะอาหารของเราก่อน?" ซุปหวานอร่อย แต่ก็ไม่ได้หยุดความหิวได้!

          เหล่าแม่ทัพนายพลต่างก็เต็มไปด้วยความเงียบ หนึ่งในนั้นจึงถามขึ้น "ถ้าหากว่าฝ่าบาททรงหิว ทำไมไม่สั่งให้พวกเขาซานชวน(นำอาหารเข้ามา)เล่าพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าใครในวังกล้าที่จะไม่รับใช้ฮ่องเต้แล้ว? "

          "ซานชวนคืออะไร?" หนิง เสี่ยวเหยา ถามขึ้น เธอได้ยินมาว่าคนก่อนหน้าที่โลกจะแตกจะสั่งอาหารที่ภัตตาคาร แต่ซานซวนมีความหมายเช่นเดียวกับการสั่งอาหารหรือไม่?

          แม่ทัพนายพลจ้องมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา หมอหลวงกั๋วก็อยากจะมองไปที่ฮ่องเต้ที่พูดถ้อยคำที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมา แต่เขาไม่กล้า เพราะยังมีดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา...

          แม่ทัพนายพลแลกเปลี่ยนสายตากันและกันเพื่อแบ่งปันความคิด

ฝ่าบาทพึ่งจะขึ้นนั่งบนบังลังก์ได้ไม่นาน

          ในอดีตเขาเคยอาศัยอยู่ในที่อาณาเขตของอุปราชเซี่ย

          วันนี้เป็นวันที่สามที่ฝ่าบาทได้นั่งบังลังก์ของฮ่องเต้

          เขาคงจะไม่คุ้ยเคยกับการเป็นฮ่องเต้ เพราะเขาใช้คำแทนตัวเองว่า "ข้า" แทนตัวเองมาตลอด

          ใช่แล้ว ไม่ใช่ฮ่องเต้ทั้งหลายควรจะแทนตัวเองว่าเจิ้นหรอกหรือ

          แม่ทัพนายพลคำนับลงไปต่อหน้าหนิง เสี่ยวเหยาก่อนจะพูดขึ้น"กระหม่อมจะไปนำอาหารมาให้ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ"

          "ฟังดูดี" หนิง เสี่ยวเหยาพยักหน้าอย่างเร่งรีบ

          "... ... " คนที่เหลือของเหล่าแม่ทัพนายพลพูดขึ้นในใจ สารเลวเอ้ย พวกเขาลืมที่จะโค้งคำนับต่อหน้าฮ่องเต้อีกครั้งแล้ว

          อาหารถูกสั่งออกไป หลังจากนั้นก็รอให้ห้องเครื่องได้ปรุงเสร็จและนำมาที่ตำหนักของฮ่องเต้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น หนิง เสี่ยวเหยา รอที่จะกินอาหารแต่รออยู่นานแต่อาหารก็ยังไม่มาสักที จากนั้นเธอก็ไม่สามารถนั่งสงบได้อีกต่อไปและยืนขึ้นเพื่อเดินไปที่เตียง ตอนนี้ หมอหลวงกั๋ว ได้พันแผลที่บาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย เสร็จแล้ว เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เห็นผ้าพันแผลคลุมที่หัวไหล่ของเขา เธอก็พูดขึ้น "เจ้าสามารถอยู่กับข้าได้ในตอนนี้ เพื่อที่เจ้าจะสามารถรักษาท่านแม่ทัพสูงสุดได้ตลอดเวลา เจ้าคิดอย่างไร?"

          หมอหลวงกั๋วถึงกลับตกลงทันทีโดยไม่คิด ลืมไปเลยเรื่องที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็สามารถฝ่าฝืนราชโองการได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการออกจากตำหนักของฮ่องเต้ และถูกจับกุมโดยคนของพระพันปีในทันที! ถ้าพระพันปีและอุปราชบังคับให้เขาทำสิ่งที่คาดไม่ถึงกับท่านแม่ทัพสูงสุด เขาต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? เขาไม่เชื่อว่าท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวจะทรยศต่อแคว้นนี้ แต่เขาและครอบครัวไม่สามารถต่อสู้กับพ่อลูกตระกูลเซี่ยได้!

          "ฝ่าบาท" หมอหลวงกั๋วบอกกับหนิง เสี่ยวเหยาขึ้น "กระหม่อมต้องการที่จะเขียนใบสั่งยาสำหรับท่านแม่ทัพสูงสุดพ่ะย่ะค่ะ"

          “เช่นนั้นก็ไปเถอะ ไปได้" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ข้าไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับการบาดเจ็บของเขาแล้ว ดังนั้นเจ้าก็ช่วยเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุ่งร่างกายของเขาแทนก็แล้วกัน"

          "กระหม่อมจะทำตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ" หมอหลวงกั๋ว ตอบในขณะที่เขาเหลือบมองไปที่ฟางถัง

          หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่ดาบในมือของฟางถัง ที่ยังคงจ่ออยู่ที่คอของหมอหลวงกั๋ว และตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้เห็นอะไรได้อีก ดังนั้นเธอจึงบอกฟางถังขึ้น "ทำดีกับเขาหน่อย"

          แล้วฟางถังก็เก็บดาบของเขาลงและพูดขึ้น "ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปเป็นเพื่อนท่านหมอเพื่อรับยาพ่ะย่ะค่ะ"

          "ดีๆ ไปเถอะ พวกเจ้าทุกคนสามารถออกไปได้ ข้าคนเดียวก็พอแล้วที่จะดูแลแม่ทัพสูงสุด"หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นอีก "พวกเจ้าทุกคนไปล้างมือ พวกเราจะเริ่มมื้ออาหารในภายหลัง "


          คราวนี้แม่ทัพนายพลทุกคนให้ความเคารพต่อหนิง เสี่ยวเหยามากขึ้น และในขณะที่พวกเขาก้มศีรษะลงเพื่อทำความเคารพและจากไปพร้อมกับหมอหลวงกั๋ว