ฟางถัง ไม่คิดว่าจดหมายเหล่านั้นจะถูกอุปราชปลอมขึ้นมา
และอธิบายถึงข้อสันนิษฐานและเหตุผลทั้งหมดของเขา
ในที่สุดเขาก็จบลงด้วยเสียงที่น่ารังเกียจ "กระหม่อมแน่ใจได้ว่าแคว้นฮูเหนือต้องการที่จะเห็นท่านแม่ทัพสูงสุดกลายเป็นเนื้อสับ"
หนิง เสี่ยวเหยา ถอนหายใจด้วยอารมณ์
หลังจากได้ยินประวัติศาสตร์ระหว่างท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวและแคว้นฮูเหนือ "น่าจะเป็นเช่นนั้น
แม่ทัพสูงสุดโหลวถึงขนาดสังหารบิดาของท่านข่าน ดังนั้นความแค้นของพวกเขาต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก
"
"กระหม่อมเพียงหวังว่าวันหนึ่งแม่ทัพของราชวงศ์โยงหนิงจะสามารถเหยียบย่ำราชวงศ์ฮูเหนือและฆ่าคนเผ่าม่านเหล่านั้นได้!"
ฟางถังพูดอย่างโหดเหี้ยมขึ้น
“… …” หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับไร้คำพูด เขาไม่ได้เพียงต้องการที่จะฆ่าทั้งครอบครัว
แต่ทั้งชนเผ่าเลยหรือ
หลังจากที่เสร็จสิ้นการละบายออกถึงความเกลียดชังของเขา
ใบหน้าของฟางถังก็ขมขื่นขึ้นอีกครั้ง "ฝ่าบาท แล้วพวกเราจะเรียกคืนความบริสุทธ์ของท่านแม่ทัพสูงสุดได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?"
หนิง เสี่ยวเหยา เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
"มันเป็นปัญหาจริงๆ"
ฟางถัง ผลักประตูตำหนักมังกรให้เปิดออกเพื่อหนิง
เสี่ยวเหยา และพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความศรัทธา "ฝ่าบาททรงฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก
กระหม่อมเชื่อว่าฝ่าบาทจะสามารถทำมันได้พ่ะย่ะค่ะ "
หนิง เสี่ยวเหยา มองอย่างจริงจังในขณะที่เธอพยักหน้า
"ให้ข้าคิดให้รอบคอบก่อน" เนื่องจากปัญหาอยู่ที่นี่แล้ว มันจำเป็นต้องมีใครบางคนแก้ปัญหา
หนิง เสี่ยวเหยาพยายามรวบรวมตัวเองเพื่อสู้เพื่อเด็กกำพร้าที่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างท่านแม่ทัพสูงสุด
ปัจจุบันองครักษ์มังกรพิทักษ์กำลังนั่งอยู่บนพื้น
บนลานด้านหน้าตำหนักมังกร เมื่อพวกเขาเห็น หนิง เสี่ยวเหยา
พวกเขารีบเร่งที่จะยกย่องและทำความเคารพขึ้นทันที
"กิน" หนิง เสี่ยวเหยา
โบกมือขึ้น "มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธที่จะกินเมื่อมีอาหาร กินให้อิ่มและให้พี่ชายฟาง
นำมาเพิ่มเติมถ้าไม่เพียงพอ"
"... ... " ฟางถังถึงกับพูดไม่ออก
เขาเป็นคนส่งอาหารแล้วหรือตอนนี้? นอกจากนี้ยังเป็นพี่ชายฟางอีก?
ตอนนี้หนิง เสี่ยวเหยา อิ่มแล้วเธอก็มีกำลังที่จะรักษาผู้อื่น
เธอเลือกไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและจับไปที่ศีรษะตรงนี้บ้าง จับไปที่หัวไหล่ที่ตรงนั้นบ้าง
และภายในกะพริบตาเธอก็เปลี่ยนแผลที่รุนแรงเป็นแผลที่ธรรดาได้ องครักษ์มังกรพิทักษ์รู้สึกว่าบาดแผลของพวกเขาหยุดเจ็บปวด
แต่ก็ไม่มีผู้ใดเห็นว่ามันเป็นความสามารถที่เหนือธรรมชาติ พวกเขาเพียงคิดว่าพวกเขาอายุยังน้อยความเจ็บปวดจึงหายไปได้อย่างรวดเร็วและหมอหลวงกั๋ย
ก็ได้ให้ยาที่ดีแก่พวกเขา
โหลว จื่อกุ้ย ยังอยู่ในห้องโถงของตำหนัก
แต่ไม่ได้นอนบนเตียงมังกร เขาครึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆม้านั่งยาวอยู่ข้างหน้าต่าง มีขนมปังนึกอยู่ในมือของเขาแม้ว่าเขาจะไม่มีความอยากอาหารและไม่รู้สึกหิว
แต่เขายังคงบังคับตัวเองให้กิน เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
และไม่มีเวลาที่จะมาเสียไปกับการรักษาบาดแผลของเขา เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา
เปิดประตูเข้ามา โหลว จื่อกุ้ย ก็เพิ่งจะกินขนมปังหนึ่งไปครึ่งเดียว
สายตาของเธอทำให้เขาสำลัก หนิง เสี่ยวเหยา สำรวจโหลว จื่อกุ้ย
จากประตูและตัดสินว่าตอนนี้เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำ
เธอยืดหน้าอกของเธอและเดินไปที่โซฟาก่อนจะทักทายเขาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอื่นอยู่ที่นี้
"ท่านแม่ทัพสูงสุด ขนมปังหนึ่งอร่อยหรือไม่?"
"... ... " โหลว
จื่อกุ้ยถึงกับไร้คำพูด ผู้หญิงคนนี้ยังมีอารมณ์ที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องขนมปังหนึ่งกับเขาอีกหรือ?
หัวหน้าแมวดำ กระโดดลงจากไหล่ของหนิง
เสี่ยวเหยา และลงไปที่โซฟา เขาไม่กล้าแตะต้องโหลว จื่อกุ้ย แต่นั่งลงไปใกล้ๆ เขาให้มากที่สุด
แมวบนต้นอู๋ถงข้างนอกต่างส่งเสียงเชียร์ขึ้น
หนึ่งในนั้นคือแมวลายเสือที่หนิง
เสี่ยวเหยาไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้ที่พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลขึ้น "เจ้านาย ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะได้ดมกลิ่นน้ำมันหอมของท่านแม่ทัพสูงสุดเสียที"
หนิง เสี่ยวเหยาเงียบ
แมวตัวนี้เคยรู้หรือไม่ว่ากลิ่นน้ำมันหอมคืออะไร?
ความคิดของโหลว จื่อกุ้ยไม่ได้อยู่ที่สัตว์
เขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้สังเหตุเห็นหัวหน้าแมวดำด้วยซ้ำ ในขณะที่เขาพูดกับซองจินและคนอื่นๆ
"พวกคุณทุกคนออกไปได้ ไปหาอะไรกินซะ"
หนิง เสี่ยวเหยา พูดกับซองจินขึ้นด้วย
“เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่? ค้นห้องที่ว่างเปล่าสำหรับสายลม และทหารส่วนที่เหลือ ถ้าพวกเขายังตากลมอยู่ในลานด้านหน้า
พวกเขาจะป่วยเอาได้ "
ใบหน้าขาวใสของซองจินแตกออกเป็นรอยยิ้ม
ในขณะที่เขาโค้งคำนับ "กระหม่อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่จำเป็นต้องรับคำสั่งของข้า
แค่ช่วยข้าก็พอ" หนิง เสี่ยวเหยา ยิ้มกว้าง ๆขึ้น หัวหน้าแมวดำ
ยกอุ้งเท้าขึ้นเพื่อปิดตาเอาไว้ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยังดูเป็นคนโง่อยู่ดี รอยยิ้มของซองจินเปลี่ยนมาแข็งขึ้น
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าคำพูดฝ่าบาทเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง
“ไปได้แล้ว” โหลว จื่อกุ้ยเตือนขึ้น ซองจินและคนที่เหลือออกไป
หนิง เสี่ยวเหยาก็มองไปที่จานที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ โซฟาและเอื้อมมือออกไปหยิบมันขึ้นมา
ก่อนจะกัดไปเพียงครั้งเดียวครึ่งหนึ่งของขนมปังนึ่งก็หายไปทันทีที่โหลว จื่อกุ้ยเงยหน้าขึ้นมองหนิง
เสี่ยวเหยากิน
หนิง เสี่ยวเหยา กินข้าวมาก่อนหน้านี้
ตอนนี้เธอได้ลิ้มรสมขนมปังนึ่งเธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา"นี่หรือคือขนมปังนึ่ง
มันอร่อยจริงๆ"
โหลว จื่อกุ้ย ยกมือขึ้นเพื่อกระตุ้นให้หนิง
เสี่ยวเหยา กินให้มากๆ หนิง เสี่ยวเหยา ไม่เข้าใจและถามขึ้น"อะไร?"
โหลว จื่อกุ้ย จับหน้าผากของเขา ก่อนที่จะพูดคำสองคำออกมาอย่างเย็นชา
"กินให้มากๆ"
"โอ้" หนิง
เสี่ยวเหยาไม่สารมารถอ่านการแสดงออกของเขาได้เลย แต่แล้วก็พูดขึ้น "เช่นนั้นท่านก็กินด้วยเหมือนกัน"
โหลว จื่อกุ้ยกินขนมปังนึ่งส่วนที่เหลือจนหมด
ในฐานะทหาร เขาไม่สามารถเลือกอาหารที่หรูหราได้ ตราบเท่าที่มันกินได้ เขาก็จะกลืนลงไปในกระเพาะอาหารของเขา
แต่คืนนี้ขนมปังนึ่งจากห้องเครื่องในพระราชวังทำให้เขาเข้าใจคำว่า ‘ยากที่จะกลืน’
เป็นอย่างไร หนิง เสี่ยวเหยากินขนมปังนึ่งไปสองอันแล้ว ในขณะที่โหลว
จื่อกุ้ยเพิ่งจะกินขนมปังนึ่งของเขาหมด เธอหยิบขนมปังนึ่งที่กำลังร้อนๆ ขึ้นมาและยัดมันไว้ในมือของเขา
ก่อนจะพูดขึ้น "กินอีกหน่อย ยังมีขนมปังนึ่งอีกมากมาย"
"เจ้ามีคำพูดที่ต้องการจะพูดกับข้าหรือไม่"
โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น
ปากของหนิง เสี่ยวเหยา เต็มไปด้วยขนมปังนึ่งในขณะที่เธอตอบขึ้น
"มีอะไรอีกหรือ? สายลมและคนอื่นๆ ก็ปลอดภัยแล้วในตอนนี้ "
"เจ้ากำลังแย่งชิงอำนาจของราชสำนักอยู่!"
โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
หนิง เสี่ยวเหยา กลืนขนมปังนึ่งของเธอและกัดอีกครึ่งหนึ่งระหว่างนิ้วมือของเธอในขณะที่เธอพูดด้วยเสียงที่ต่ำขึ้น
"ตอนนี้ข้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? แม้ว่าข้าต้องการที่จะคืนมัน
มันไม่มีใครที่จะส่งคืนให้แล้ว "
ริมฝีปากของโหลว จื่อกุ้ย โค้งขึ้นในขณะที่เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็นขึ้น
หนิง เสี่ยวเหยา ยัดอีกครึ่งหนึ่งของขนมปังนึ่งลงในปากของเธอ
แก้มของเธอพองขึ้นในขณะที่เธอให้สัญญากับโหลว จื่อกุ้ย "เอาจริงๆ นะ ข้าไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้
ข้าสาบาน ถ้าข้าโกหกเช่นนั้นก็ขอให้ข้าเป็นลูกสุนัข "
"เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กอายุสามขวบหรืออย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น
“ฮืม?” หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ฟางถังบอกว่าท่านอายุ
22 ปีในปีนี้"
"อย่าทำเป็นโง่!" โหลว
จื่อกุ้ยเริ่มโกรธขึ้น
หนิง เสี่ยวเหยา รีบลูกหน้าอกของโหลว
จื่อกุ้ย "อย่าโกรธ ท่านยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ลองพูดกันดีๆ ถ้าพวกเรามีเรื่องที่จะพูดกัน
"
โหลว จื่อกุ้ยหายใจเข้าลึก ๆ
"เอามือของเจ้าออกไป"
หนิง เสี่ยวเหยา ดึงมือของเธอกลับไปเงียบๆ
ในขณะที่หัวหน้าแมวดำ ร้องขึ้น "เหมียว ท่านแม่ทัพสูงสุดไม่ชอบเจ้า เจ้าควรไปหาคนอื่น
"
หนิง เสี่ยวเหยาจับหัวหน้าแมวดำขึ้นโดยการจับที่คอของเขาและโยนเขาออกไปนอกหน้าต่าง
โหลว จื่อกุ้ยเห็นเช่นนั้นก็ถามขึ้น "เจ้าเลี้ยงแมวตัวนี้หรือ?"
หัวหน้าแมวดำ ตะโกนจากนอกหน้าต่างขึ้น
"นี่มันทักษะอะไรที่เจ้าใช้ในการกลั่นแกล้งแมว? ถ้าเจ้ามีความกล้าหาญพอก็จงคืนความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุดมา!"เหล่าแมวต่างก็ส่งเสียงร้องขึ้นเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับเจ้านายของพวกมัน
ทุกตัวต่างก็เรียกหนิง เสี่ยวเหยา ว่าคนไม่เต็มเต็งอีกครั้ง
หนิง เสี่ยวเหยานั่งลงไปข้างโหลว
จื่อกุ้ย แล้วพูดขึ้น "เราได้ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยกันแล้ว ... "
"เจ้าหมายความว่าอย่างไรม้วนตัวอยู่ในผ่าห่ม?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น
"หมายความว่าพวกเราได้ขึ้นเตียงด้วยกันแล้ว”
หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นอีก “ข้านอนกับท่านแล้ว เข้าใจไหม?"
ใบหน้าของโหลว จื่อกุ้ย
เปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้ง
"ข้าไม่ใช่คนที่เลี่ยงความรับผิดชอบ
แน่นอนข้าจะดูแลเรื่องของท่านเอง ดังนั้นอย่ากลัวไปเลยท่านแม่ทัพสูงสุด
ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน "