ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 26: กองกำลังที่จงรักภักดีต่อฝ่าบาทหนิง


เมื่อมีลมพัดขึ้นมาอีกหนึ่ง มันก็พัดเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของพระพันปีออกไป ภายใต้สายตาของทุกคนที่อยู่ที่นั่น มันถูกพัดเข้าไปในโคมไฟที่ตั่งอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งของความสูงของมนุษย์ ผ้าลินินสัมผัสกับเปลวไฟและกลายเป็นกองขี้เถ้าขึ้นทันที หนิง เสี่ยวเหยา ยิ้มกว้างขึ้น นี่เป็นเรื่องดี พยานหลักฐานได้ถูกทำลายไปแล้ว พระพันยืนตัวตรงและจ้องมองมาที่หนิง เสี่ยวเหยา

หนิง เสี่ยวเหยารู้ว่าพระพันปีอยากจะกัดเธอให้ตายไปในทุกนาที แต่เธอก็ไม่กลัว ถ้านางมีความกล้าจริงๆนางก็ควรเปลี่ยนเป็นซอมบี้ก่อน แล้วค่อยมากัดเธอ!

โหลว จื่อกุ้ย ยังคงยืนอยู่ด้วยการสนับสนุนจากสองแม่ทัพ ในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำขึ้น "ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะได้ทำความความปรารถนาครั้งสุดท้ายของคนตายสำเร็จแล้ว ดังนั้นราชโองการจึงถูกเรียกกลับไป"

ฟางถัง และคนที่เหลือถึงกับพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ค้นพบว่าท่านแม่ทัพของพวกเขาก็เล่านิทานเป็นด้วย ดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพของพวกเขามีสามารถที่จะเล่านิทานได้ เสนาบดีและขุนนางคนอื่นๆ ต่างก็มองตากันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้กลายเป็นเรื่องตลกระหว่างแม่กับลูกไปแล้ว!

"เสด็จพ่อของเจิ้น เพียงได้ทิ้งสิ่งนี้ไว้เพื่อให้ระลึกถึงเขา" หนิง เสี่ยวเหยา เป็นตัวอย่างของคนทั่วไปที่แสดงความฉลาดของพวกเขาแม้ว่าจะหลังจากที่ได้รับชัยชนะแล้วก็ตาม "ท่านควรจะรักษาราชโองการเอาไว้ให้ดี มันเป็นของที่ระลึกอย่างดี ไม่มีเสนาบดีคนไหนได้เห็นมัน ดังนั้นพวกเขาอาจจะกล่าวหาว่าเจิ้น สร้างเรื่องขึ้นมาในตอนนี้? "

"พวกกระหม่อมไม่กล้า"เสนาบดีและขุนนางที่เหลือรีบคุกเข่าลงไปอีกครั้ง ใครจะกล้ากล่าวหาว่าฮ่องเต้โกหก?

พระพันปีถึงกับได้ลิ้มรสเลือดในปากของนาง ในขณะที่บังคับให้มีรอยยิ้มออกมา "เรื่องเช่นนี้ ฝ่าบาทควรจะบอกอัยเจียให้เร็วกว่านี้"

หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นทันที "โอ้ การสินพระชนของเสด็จพ่อ ทำให้เจิ้นเกิดความเศร้าโศกมากเกินไป สมองของข้าก็เลยไม่ค่อยดี ดังนั้นข้าก็เลยลืมที่จะพูดถึงมัน"

พระพันปีเกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดใส่หน้าหนิง เสี่ยวเหยว ที่หนิง เสี่ยวเหยา พูดคำเหล่านี้ออกมา มันยังเป็นคำพูดของมนุษย์อยู่หรือไม่?!

"เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งหมดกลับไปได้แล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาบอกกับเจ้าหน้าทั้งหลาย "พวกเจ้ายังจะมาทำอะไรอยู่ที่นี่ หรือพวกเจ้าต้องการให้เจิ้นเชิญพวกเจ้ามากินอาหารค่ำด้วย?"

ไม่มีเสนาบดีหรือขุนนางคนไหนรู้วิธีที่จะตอบคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยา ถ้าพวกเขาบอกว่าฝ่าบาทอย่าทรงล้อพวกเขาเล่น เขาก็ยังดูจริงจังในขณะที่เขาพูด แต่ถ้าหากบอกว่าฝ่าบาทไม่ได้ล้อพวกเขาเล่น แล้วใครในกลุ่มพวกเขาจะกล้าที่จะขอให้เขาปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนั้น? พวกเขาไม่ได้ป่วยขนาดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเสียหน่อย?

"หรือพวกเจ้าต้องการให้ข้าเชิญพวกเจ้ามากินอาหารด้วยจริงๆ?" หนิง เสี่ยวเหมามองไป เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย! เหยี่ยวน้อยขี้เกียจที่จะจิกหัวของหนิง เสี่ยวเหยาที่ใช้คำว่า ข้า อีกครั้งแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

เสนาบดีตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทำความเคารพแล้วพูดขึ้นทันที "กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"

คนแล้วคนเล่า เสนาบดีและขุนนางคนอื่นๆ ต่างก็ออกไป ไม่ว่าอำนาจของราชสำนักจะตกไปอยู่ในมือพ่อและลูกตระกูลเซี่ยหรือไม่ ดูเหมือนว่าจะต้องโต้แย้งกันอีกครั้ง ตอนนี้โหลว จื่อกุ้ย กำลังยืนอยู่ข้างฮ่องเต้ และอาจจะมีอีกใบหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้ในที่ชุมนุมภายในอีกเวลาสามวันที่จถึงนี้

พระพันปีสั่งให้แม่นมไล๋ ช่วยพานางออกไปทางประตูของคุกหลวง เมื่อ โหลว จื่อกุ้ย เสียชีวิตจากพิษภายในอีกสามวัน นางต้องการจะดูว่าหนิง เสี่ยวเหยา จะสามารถสร้างคลื่นใด ๆ ได้เพียงแค่มีหน่วยมังกรพิทักษ์สามถึงสี่ร้อยคนเท่านั้น หนิง เสี่ยวเหยาไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่เธอเฝ้ามองพระพันปีเซี่ยจากไป แต่กลับวิ่งเข้าไปในลานเพื่อคลายพันธนาการให้พับมังกรพิทักษ์

"ไปช่วยเร็ว" โหลว จื่อกุ้ยบอกฟางถัง และส่วนที่เหลือในขณะที่เขานั่งลงไปบนบันไดใต้ชายคา

เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา ไปถึงมังกรพิทักษ์ ในที่สุดเธอก็ได้ตระหนักว่าทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลย เพราะปากของพวกเขาถูกปิดไว้ด้วยผ้า เหยี่ยวน้องส่งเสียงร้องและบินวนอยู่เหนือชายหนุ่มที่ยังคุกเข่าอยู่ที่หน้ากลุ่ม ก่อนจะบินลงไปถูกหัวของมันกับใบหน้าของชายคนนั้น หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกหดหู่เล็กน้อยกับฉากตรงหน้า เหยี่ยวตัวนี้ทิ้งเธอไปทันทีอย่างง่ายดาย มันไม่มีความลังเลอยู่เลยหรือ? มันทิ้งเธอไปหลังจากที่ใช้เธอเสร็จแล้วหรือ?

"ไปทำงาน" ฟางถัง สั่งขันทีที่อยู่ด้านข้าง จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนไม่กี่คนอย่างพวกเขาจะสามารถปลดปล่อยทหารจำนวน 300 คนได้

หนิง เสี่ยวเหยา ดึงผาออกมาจากปากของเงาพายุ และโยนมันทิ้งไปก่อนที่จะถามว่า "เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?"

เงาพายุและมังกรพิทักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขาทั้งหมด กำลังจิตใจล่องลอยและไม่รับรู้อะไร จิตใจของพวกเขายังคงล่องลอยอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดไม่เป็นอะไร หลังจากมีเท้าข้างหนึ่งของพวกเขาได้วางลงไปในหลุมฝังศพแล้ว

เหยี่ยวน้อยที่ยืนอยู่บนไหล่ของเงาพายุ กำลังซาบซึ้งก่อนจะร้องขึ้น "ขอบคุณฝ่าบาท ข้าจะจับกระต่ายจำนวนมากมายให้ท่าน "

"ไว้ชีวิตกระตายเถอะ" หนิง เสี่ยวเหยา กระซิบขึ้น มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะถือกระต่ายไปรอบๆ? ให้เงินข้าแทนดีกว่าน้องชายเหยี่ยวน้อย!

เงาพายุ ยังคงอยู่ในโลกของเขาก่อนจะถามขึ้น “อ-อะไร?

"ไม่มีอะไร ฮ่าฮ่า" หนิง เสี่ยวเหยา หัวเราะขึ้นในขณะที่เธอดึงเขาขึ้นและวางมือไว้บนร่างของเขา การสัมผัสเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่รู้ว่าชายผู้นี้ถูกทรมานมา แต่อาการบาดเจ็บไม่มากพอที่จะทำร้ายกระดูกและกล้ามเนื้อของเขา เขาจะสบายดี หลังจากกลับมาฟื้นตัวอีกสองสามวัน หลังจากยืนด้วยตัวเองได้เงาพายุก็มองไปที่ หนิง เสี่ยวเหยาอย่างว่างเปล่า ในขณะที่เธอช่วยเงาฟ้าร้องและเงาสายฟ้าที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเขา หลังจากที่หนิง เสี่ยวเหยาช่วยดึงเงาสายฟ้าขึ้น แล้วเงาสายฝน ก็รีบวิ่งเข้ามาและคุกเขาลงไปเสียงดังกระหน่ำขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา รีบกระโดดไปด้านข้างและพูดขึ้น "ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า"

เงาสายฝนที่คุกเขารีบดึงเงาพายุให้กลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะรีบคุกเขาลงไปทันที เงาฟ้าร้องและเงาสายฟ้า ที่ถูกช่วยขึ้นมาโดยหนิง เสี่ยวเหยาก็รีบคุกเขาลงไปทันที ก่อนที่เงาพายุจะคำนับศีรษะลงไปอย่างหนักที่พื้นดินในขณะที่เขาพูดว่า "กระหม่อมเงาพายุ ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!"


มังกรพิทักษ์ทุกคนต่างก็ทำตามเพื่อขอบคุณหนิง เสี่ยวเหยา ที่ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ มีทหาร 300 คนกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอในเวลาเดียวกัน ไม่มีสถานที่ใดที่จะให้หนิง เสี่ยวเหยาหลบหนีได้ เธอได้แต่ยิ้มออกมาอย่างอึดอัดใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น "ไม่จำเป็นต้องมากพิธี มันเป็น..มันเป็นสิ่งที่ควรจะทำอยู่แล้ว"

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 25:2 ราชโองการ

พระพันปีเซี่ยรู้สึกเหมือนหนิง เสี่ยวเหยากำลังหงุดหงิดกับความต้องการอันไร้เหตุผลโดยการทำท่าเหมือนคนงี่เง่า ในขณะที่หนิง เสี่ยวเหยารู้สึกว่าเธอไม่มีความสามารถในการสื่อสารกับพระพันปีเซี่ยได้ พระพันปีลดศีรษะลงไปมองดูที่ชามที่อยู่ในฝ่ามือของหนิง เสี่ยวเหยา

"ไม่เป็นไร" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ถึงแม้ว่าท่านจะปัดชานนี้ทิ้ง มันก็ยังมีอีกหลายใบ ข้าเพียงแค่ไปรับมาจากพวกเขาแล้วก็ดื่มมันเท่านั้น"

"แล้วเช่นนั้นหรือฝ่าบาทต้องการที่จะบังคับให้อัยเจียผู้นี้ตายหรือ”น้ำตาของพระพันปีเริ่มกลับมาใหม่ “ด้วยการขัดราชโองการเช่นนี้ และบังคับให้อัยเจียต้องตาย แล้วฝ่าบาทจะเผชิญหน้ากับผู้คนในโลกนี้ได้อย่างไร"

หนิง เสี่ยวเหยา ยกชามขึ้นเพื่อสูดดม เธอไม่อยากคุยกับพระพันปีผู้นี้อีกต่อไป

"ฝ่าบาทยังคงยืนยันความต้องของพระองค์อยู่อีกหรือ?" พระพันปีถามขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยายังคงเงียบ

บรรยากาศในลานเปลี่ยนกลับมาซบเซามากขึ้น บรรดาเจ้าหน้าที่กำลังยืนอยู่ต่างก็ก้มศีรษะของพวกเขาลงต่ำ กำลังมองดูตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาไม่ได้โง่และเข้าใจดีสำหรับฮ่องเต้ว่ามันจะหมายความว่าอย่างไรถ้าหน่วยมังกรพิทักษ์ถูกแทนที่ด้วยคนของตระกูลเซี่ย แต่เนื่องจากมีราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนอยู่ในมือเช่นนี้ ฝ่าบาทจะสามารถต่อต้านและปกป้องชื่อเสียงของพระองค์ในฐานะบุตร และเขาจะสามารถช่วยเหล่าทหารมังกรพิทักษ์จำนวนสามถึงสี่ร้อยคนในเวลาเดียวกันได้อย่างไร?

"คนไม่เต็มเต็งจะทำสำเร็จหรือไม่" หัวหน้าแมวดำถามพังพอนสุดยอดอมตะขึ้นอย่างจริงจัง "เจ้าคิดว่าอย่างไร"

พังพอนสุดยอดอมตะตอบขึ้น "ข้าก็ไม่รู้"

ลานที่ได้รับการเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สีดำ ถูกครอบงำโดยลมในเวลากลางคืน ในขณะที่เดี๋ยวก็มีเสียงแมวร้องขึ้น เดี๋ยวก็พังพอนร้องขึ้น ทำให้คนที่อยู่ในความหวาดกลัวจนตัวสั่น

 “ฝ่าบาท”โหลว จื่อกุ้ยเรียกขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยามองไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจำได้ว่าท่านแม่ทัพสูงสุดโหลว ได้เรียกเธอว่า 'ฝ่าบาท' หลังจากที่ลังเลใจอยู่เล็กน้อย เธอเดินขึ้นไปและถามขึ้น "มีอะไร?"

โหลว จื่อกุ้ย ลดเสียงของเขาลง "มันจะไร้ประโยชน์ ถึงแม้ว่าเจ้าจะข่มขู่นางด้วยความตายของเจ้า เมื่อเจ้าตาย มังกรเหล่านั้นก็จะไม่สามารถหนีความตายได้เช่นกัน "

"ทำไมจะไม่ได้?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น

"เพราะพวกเขาบังคับให้ฮ่องเต้ต้องดื่มยาพิษ พวกเขาจะถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยเหตุผลแบบนี้ "โหลว จื่อกุ้ยอธิบายขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา เหลือบมองไปที่พระพันปี และปล่อยลมหายใจออกมา "เจ้าไม่ต้องห่วง พระพันปีผู้นี้ไม่สามารถฆ่าข้าได้ นางจะทำอย่างไรเมื่อข้าตาย? "

"แต่ตอนนี้นางไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ได้" โหลว จื่อกุ้ยตอบขึ้น "หลังจากปลอมราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนแล้ว นางจะสั่งให้ยกเลิกราชโองการได้อย่างไร?"

ปากหนิง เสี่ยวเหยา ถึงกับเปิดกว้าง มีความยุติธรรมในเรื่องนี้หรือไม่? ในท้ายที่สุดเธอก็ต้องเป็นคนที่ทำลายสมองของเธอเพื่อคิดหาทางออกให้กับพ่อและลูกคู่นี้หรือ

เมื่อมันมาถึงจุดนี้พระพันปีก็เริ่มร้องไห้ออกเบา ๆ อีกครั้ง ขันทีและนางกำนัลต่างก็เริ่มร้องไห้ราวกับว่าพวกเขาถูกรังแก

"ฝ่าบาท" เสนาบดีก้าวออกมาและคำนับลงไป ก่อนที่จะพูดขึ้น "เสนาบดีผู้นี้บังอาจถามฝ่าบาท เมื่อไรพวกเราจะปฏิบัติตามราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ?"

โหลว จื่อกุ้ย พูดขึ้นเบา ๆ ว่า "ถ้าไม่มีทางที่จะพิสูจน์ได้ว่าราชโองการถูกปลอมแปลงขึ้นมาหรือไม่ เจ้าก็เพียงแค่พูดว่ามันเป็นของปลอมเท่านั้น"

เหยี่ยวน้อยจิบลงมาบนหัวของหนิง เสี่ยวเหยาเบาๆ ก่อนจะร้องขึ้น "ถ้าไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้แล้ว? พวกเราก็รุมทำร้ายผู้หญิงไม่ดีคนนั้นเลยดีหรือไม่! "

หนิง เสี่ยวเหยา ลูบปีของเหยี่ยวน้อย แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ... เธอจ้องไปที่ราชโองการปลอมในมือของขันที ปลอม  ปลอม ... คนตัวเล็ก ๆ ในหัวใจของหนิง เสี่ยวเหยว กำลังตระโกนอยู่ที่ผนัง แม้ว่าเธอรู้ว่ามันเป็นของปลอม แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ หากไม่มีหลักฐาน นี่มันเหตุผลอะไร? ใครสามารถอธิบายเหตุผลเหล่านี้ให้เธอฟังได้บ้าง

เดี๋ยวก่อน ปลอมหรือ

หนิง เสี่ยวเหยา หัวเราะขึ้นเบา ๆ ถ้าพระพันปีสามารถทำของปลอมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นได้ แล้วทำไมเธอจะสร้างของปลอมขึ้นมาในฐานะฮ่องเต้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ได้ล่ะ?

"มันไม่ใช่ว่าข้า ... "

เหยี่ยวน้อยจิกลงมาที่หัวของหนิง เสี่ยวเหยาอีกครั้ง

ใบหน้าของหนิง เสี่ยวเหยา บูดเบี้ยวจากความเจ็บปวด แต่เธอก็เปลี่ยนคำพูดของเธอทันที "ไม่ใช่ว่าเจิ้น ไม่ต้องการที่จะทำตาม ... "

"เสด็จพ่อ" โหลว จื่อกุ้ย เตือนเธอด้วยเสียงต่ำ "นั่นคือเสด็จพ่อของเจ้า"

เธอสามารถพูดคุยในแบบธรรดาได้หรือไม่?! หนิง เสี่ยวเหยาดึงคอเสื้อของเธอไว้ด้วยความรำคาญ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้น "ไม่ใช่ว่าเจิ้น จะไม่ต้องการทำตามราชโองการของเสด็จพ่อ แต่เป็นเพราะเสด็จพ่อของเจิ้น ได้ทิ้งราชโองการเอาไว้ให้เจิ้นอีกฉบับ หลังจากที่ได้เขียนเกี่ยวกับการฝังหน่วยมังกรพิทักษ์ทั้งหมดไปแล้ว พระองค์ก็ได้เปลี่ยนความคิดและปล่อยให้มังกรเหล่านี้ได้มีชีวิตอยู่อย่างดี เพื่อให้พวกเขาสามารถฆ่าซอมบี้เพื่อประเทศนี้ โอ้! ข้าหมายความว่าเพื่อให้พวกเขาสามารถรับใช้แคว้นนี้ได้ต่อไป "

ความวุ่นวายเกิดขึ้นตามคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยา เจ้าเพิ่งจะเข้าไปในพระราชวังหลังจากที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชน เจ้าจะมีราชโองการไว้ในมือของเจ้าได้อย่างไร?

หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกได้ถึงบางอย่างอยู่รอบตัวเธอ แต่ก็ไม่พบอะไร ดังนั้นเธอจึงยื่นมือออกไปหาโหลว จื่อกุ้ย "ก่อนที่เจิ้นจะมาที่นี่ ท่านแม่ทัพสูงสุดได้เก็บรักษาราชโองการไว้แทนเจิ้น ท่านแม่ทัพสูงสุดส่งราชโองการที่เสด็จพ่อมอบให้เจิ้นมา”

“…” โหลว จื่อกุ้ยถึงกับพูดไม่ออก

"... .. " เหล่าแม่ทัพนายพลของหน่วยทหารม้าพิเศษ และอิงเฟิงก็ไร้คำพูดเช่นกัน

พระพันปีเซี่ยมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยาอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพูดขึ้น “โอ้? มีเรื่องเช่นนั้นด้วยหรือ? เช่นนั้นขอให้ฝ่าบาทโปรดนำราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนออกมาด้วยเถิด "

หนิง เสี่ยวเหยา กวักมือเรียกโหลว จื่อกุ้ยด้วยนิ้วของเธอ

โหลว จื่อกุ้ย ดึงเอาผ้าเช็ดลินินสีเทาออกมาจากแขนเสื้อของเขาและวางไว้ในมือของหนิง เสี่ยวเหยา
  
( ̄;เหล่าแม่ทัพนายพลและอิงเฟิงต่างก็มีสีหน้า

หนิง เสี่ยวเหยา รับผ้าเช็ดหน้าและเดินไปยังพระพันปีเซี่ย ศีรษะของเธอยกสูงในขณะที่เธอตบลงไปบนมือของพระพันปีและพูดขึ้น "นี้คือราชโองการของเสด็จพ่อของเจิ้น"

พระพันปีเซี่ง มองผ้าเช็ดหน้าลินินในฝ่ามือของนาง เจ้าสามารถหาซื้อมันได้ด้วยเหรียญทองแดงที่ร้านค้าในตลาดทั่วไป

หนิง เสี่ยวเหยาส่งชามในมือของเธอให้กับขันทีคนเดียวกัน ก่อนที่จะพูดขึ้น "ชามนี้เย็นแล้ว เอาชามที่ร้อนมาให้เจิ้นแทน"

มือของพระพันปีเซี่ยถึงกับสั่น

"เร็วเข้า" หนิง เสี่ยวเหยา เร่งขันทีคนที่ตัวสั่นเพราะความกลัวในขณะที่เขามองไปที่พระพันปีเซี่ย

พระพันปีเซี่ยรู้ว่านางอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ นางยังคงมีลูกชายและสมาชิกของตระกูลของนางที่จะต้องนึกถึง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถตายได้ แต่ลูกสาวที่อยู่ต่อหน้าของนางเห็นได้ชัดว่ากำลังใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงนี้ ในขณะที่นางไม่มีอะไรที่จะตอบโต้กับนางกลับได้ เพราะสิ่งเดียวกันที่สามารถขมขู่หนิง เสี่ยวเหยาได้ ก็คือสิ่งที่สามารถขมขู่นางได้ นั่นก็คือความตายของหนิงหยินและตระกูลเซี่ย

"หม่อมฉันน้อมรับราชโองการเพคะ" พระพันปีเซี่ยประกาศขึ้นเสียงดัง ในขณะที่นางยกผ้าเช็ดหน้าลินินสีเทาไว้เหนือศีรษะของนาง


ผู้ชนะอย่างหนิง เสี่ยวเหยา ยืนตัวตรงอยู่ต่อหน้าพระพันปีเซี่ย เธอมั่นใจว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าเศร้าของพระพันปี

วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 25: ผ้าเช็ดหน้า


" ไร้สาระสิ้นดี!" โหลว จื่อกุ้ย พ้นลมออกมาทันที ถ้าร่างกายของเขาดีสักหน่อย เขาก็จะตีก้นหนิง เสี่ยวเหยาไปแล้วเพื่อเป็นการสั่งสอน ฟางถัง ซ่งจิน และคนอื่น ๆ ทั้งหมดยังคงเงียบ ท่านแม่ทัพสูงสุดของพวกเขากำลังบ้าไปแล้วหรือ? หนิง เสี่ยวเหยา เองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เขาจะเคารพเธอแบบฮ่องเต้สักหน่อยไม่ได้หรือ?

"เจ้า ... " โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาระเบิดออกมา เขาไม่ต้องการที่จะสาปแช่ง แต่ความคิดที่ว่าหนิง เสี่ยวเหยา จะถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะทำให้หัวใจของเขาเผาไหม้ไปด้วยความโกรธ เขาไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เขารู้ว่ามันทำให้เขาโกรธมาก!

หนิง เสี่ยวเหยาจ้องมองไปที่เขาอย่างว่างเปล่า เจ้าอะไร? ถ้ามีบางอย่างที่จะพูดก็รีบพูดมา เธออยากจะช่วยชีวิตคนจะแย่อยู่แล้ว

จากมุมของพระพันปีมันเหมือนกับว่าหนิง เสี่ยวเหยายืนพิงไหล่ของโหลว จื่อกุ้ย ด้วยการยืนอยู่บนธรณีประตูเช่นนั้น ปากของนางดูเหมือนจะทาบอยู่บนลำคอของโหลว จื่อกุ้ยอีกด้วย ตำแหน่งเช่นนี้ใกล้ชิดเกินไป มือของนางงอขึ้นเป็นกำปั้น จนนางรู้สึกเจ็บปวดจากฝ่ามือของนาง เมื่อนางยกมือขึ้น นางพบว่าปลายเล็กของนางได้เจาะลงไปในผิวหนังของนางแล้ว

"ฝ่าบาท" พระพันปีปล่อยมือของนาง ก่อนจะพูดขึ้น "พระองค์ต้องการเก็บราชโองการชองฮ่องเต้พระองค์ก่อนไว้หรือไม่?"

ได้ยินคำพูดของนาง หนิง เสี่ยวเหยา ก็หันหลับไปและเตรียมที่จะทำตามแผนของเธอแต่แล้ว โหลว จื่อกุ้ย ก็พูดขึ้นทันที "เจ้าไม่สามารถถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกได้"

มุมปากของหนิง เสี่ยวเหยาถึงกับกระตุก ทำไมจะไม่ได้?!

“ฝ่าบาท” พระพันปีเซี่ยตระโกนขึ้นอีกครั้ง

หนิง เสี่ยวเหยาเดินเข้าไป แม้ว่าเธอจะกินราชโองการนี้เขาไปในขณะนี้ แต่มันก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ผู้หญิงคนนี้คงจะทำให้มั่นใจว่าทุกคนในที่นี่กำลังมองดูอยู่ หนิง เสี่ยวเหยา ยัดราชโองการไว้ในอ้อมแขนของขันทีที่อยู่ด้านหลังของพระพันปี ก่อนจะเดินไปข้างหน้าของมารดาของเธอและพูดด้วยการกระซิบใส่หูของนางขึ้น "ท่านไม่สามารถฆ่าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้"

คำพูดของหนิง เสี่ยวเหยา เปรียบได้กับการที่บอกพระพันปีว่านางรู้ว่าราชโองการนี้เป็นของปลอม พระพันปีเซี่ย เหลือบมองไปที่คนไม่กี่คนที่อยู่ด้านหลังของโหลว จื่อกุ้รวมทั้งอิงเฟิง ก่อนที่จะตอบกลับโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนใบหน้าของนางแม้แต่น้อย "อัยเจียตั้งใจที่จะฆ่าพวกเขาในวันนี้ แล้วฝ่าบาทวางแผนที่จะทำอะไรเพื่อต่อต้านอัยเจียเล่า? "

"ไม่มีอะไร" หนิง เสี่ยวเหยา ลูบจมูกของเธอ "ถ้าท่านฆ่าพวกเขา ข้าก็จะฆ่าตัวตาย"

ดวงตาของพระพันปีเซี่ย จู่ๆ เปิดกว้างขึ้นทันที

หนิง เสี่ยวเหยา ยืนอยู่ราวกับนักเลง ในขณะที่เธอเกาหัวของเธอในขณะที่ใช้ความคิด จากนั้นเธอก็หันออกไปและเรียกขันทีที่ถือถาดยาพิษมา "เจ้ามานี่"

ขันทีไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของฮ่องเต้และเดินไปยังฝั่งของหนิง เสี่ยวเหยา หนิง เสี่ยวเหยา เอื้อมมือออกไปหยิบชามยาพิษมาก่อนจะพูดขึ้น "มันยังร้อนอยู่ ดี บังเอิญข้าก็ชื่นชอบที่จะดื่มอะไรร้อนๆ อยู่พอดี ชามนี้ก็น่าจะใช้ได้ "

ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก พระพันปี ไม่สามารถเอื้อมมือออกไปและฉกฉวยสิ่งของที่เป็นของฮ่องเต้ออกมาได้ ดังนั้นน้ำตาของนางจึงไหลออกมาในขณะที่นางพูดขึ้น "ฝ่าบาท พระองค์ฟังคนอื่นยุยงส่งเสริมมาหรือ? นี่เป็นราชโองการของเสด็จพ่อของพระองค์จริงๆ"

"ฮึ! แล้วใครบอกว่ามันไม่ใช่" หนิง เสี่ยวเหยาตอบขึ้น

“แล้วเช่นนั้น พระองค์…”

"รีบเร็วเข้าและปล่อยพวกเขาไป ไม่อย่างนั้นข้าจะดื่ม"

พระพันปีเริ่มรู้สึกเสียใจว่าทำไมนางถึงให้กำเนิดลูกสาวที่ไม่เหมือนลูกสาวเช่นนี้!

"ท่านจะปล่อยหรือไม่ปล่อยพวกเขาไป?" หนิง เสี่ยวเหยา เงยหน้าขึ้นก่อนที่จะได้เห็นพระพันปีกำลังร้องไห้

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" พระพันปี ถามในขณะที่นางร้องไห้
ถ้าหนิง เสี่ยวเหยา ไม่รู้ตอนจบของเรื่องนี้ เธออาจจะแพ้น้ำตาของพระพันปีไปแล้ว เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนจะร้องไห้ได้งดงาม ดูอ่อนโยนและอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน "มันไม่ถูกต้องที่จะฆ่าคนอย่างไม่ไตร่ตรองเช่นนี้" หนิง เสี่ยวเหยา พยายามอธิบายเหตุผลขึ้น “ชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า ทำไมท่านถึงไม่รักมัน? "

พระพันปี ยิ้มอย่างเยือกเย็นขึ้น ชีวิตของมนุษย์มีค่ามากขนาดไหน? เพื่อที่จะกลายเป็นที่โปรดปรานในวังหลัง นางต้องสังหารฮ่องเต้ วางยาพิษรัชทายาทและนั่งบนบัลลังก์ในฐานะพระพันปี เลือดในมือของนางมากพอที่จะย้อมสีตัวเองให้เป็นสีแดงได้เป็นสิบครั้ง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้มันเป็นแม่น้ำ "ราชโองการก็อยู่ที่นี่ หรือว่าฝ่าบาทวางแผนจะขัดราชโองการ? ฝ่าบาท บุตรชายในราชวงศ์ก่อนหน้านี้ทั้งหมดและขุนนางนับไม่ถ้วน ทุกคนต่างจับตาดูพระองค์อยู่ ฝ่าบาทเพิ่งจะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์และไม่สามารถทำผิดพลาดได้ในขณะนี้ อัยเจียต้องอุ้มครรภ์เป็นเวลาสิบเดือนก่อนที่จะคลอดพระองค์ออกมา แล้วเช่นนี้อัยเจียผู้นี้ได้ไปทำร้ายฝ่าบาทตอนไหน? "

"... ... " หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก นางพูดมาราวกับว่ามันเป็นความจริง ผู้หญิงคนนี้เป็นราชินีภาพยนตร์จริงๆ

"ฝ่าบาท อัยเจียผู้นี้จะตามหาบุคคลที่คอยยุแยงพระองค์ให้ได้" พระพันปียกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตา "อัยเจียผู้นี้จะถามคนผู้นั้น ว่าอะไรคือแรงจูงใจของเขา!"

 “เช่นนั้นก็ใช้เวลาของท่านค้นหาต่อไป” หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ตอนนี้ก็รีบปล่อยพวกเขาไปได้แล้ว ข้าหิว ดังนั้นมาจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นท่านก็สามารถกลับไปดูแลลูกชายของท่านได้ ในขณะที่ข้าก็กลับไปกินข้าว "

พระพันปีเซี่ยจู่ๆ ก็ก้าวถอยหลังไปและคว้ามือของหนิง เสี่ยวเหยาเอาไว้ ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงที่ต่ำ "เจ้าต้องการที่จะต่อต้านน้องชายตัวน้อยของเจ้าหรือ?"

ฮึ? หนิง เสี่ยวเหยา คิดว่าพระพันปีเซี่ย ได้ข้อสรุปเร็วเกินไป ทั้งหมดนี้มันไปเกี่ยวอะไรกับหนิงหยิน?

"เจ้า" พระพันปีถึงกับพูดติดขัดขึ้น "เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?"


"ช่วยชีวิตคน" หนิง เสี่ยวเหยาปัดมือพระพันปีออกและพูดได้อย่างจริงจังขึ้น "มิฉะนั้นแล้วทำไมข้าจะต้องปรากฏตัว? เพื่อที่จะทำตัวโง่ๆ หรือ? "

วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 24:2 คมดาบหรือชีวิตมนุษย์?

"ช้าก่อน" หนิง เสี่ยวเหยา ยกมือขึ้น "ข้า ไม่ใช่ เจิ้นยังไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าเริ่ม ใครกันแน่ที่เป็นฮ่องเต้? "

ด้วยคำพูดของเธอ ทำให้ขันทีไม่กล้าที่จะเดินต่อไป พระพันปีสามารถออกคำสั่งกับพวกเขาได้ แต่พวกเขาในฐานะขันทีก็ไม่อาจละเลยฮ่องเต้ได้เช่นกัน

พระพันปีเซี่ยควบคุมลมหายใจของนางก่อนจะพูดขึ้น "ฝ่าบาทนี่เป็นราชโองการของฮ่องเต้" จากนั้นนางก็ยกมือซ้ายขึ้น ขันทีรีบนำราชโองการสีเหลืองอร่ามมาวางไว้ในมือของนางทันที

"ฝ่าบาทต้องการที่จะทอดพระเนตรหรือไม่?" พระพันปีถามหนิง เสี่ยวเหยา คนที่คว้ามันไว้โดยปราศจากคำพูด ราชโองการเต็มไปด้วยตัวอักษรจีนแบบดั้งเดิมที่ทำให้หัวของเธอเริ่มวิงเวียน แต่จากการคาดเดาและสมองที่พัฒนาแล้วของเธอทำให้เธอเข้าใจข้อความนี้ นี่เป็นราชโองการที่สั่งให้มังกรพิทักษ์ถูกฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับคนตาย ที่ตรงปลายสุดของผ้าซาตินสีเหลืองอร่ามเป็นตราประทับสีแดง รูปแบบของตราประทับเป็นสิ่งที่หนิง เสี่ยวเหยาไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เธอคิดว่านี่เป็นตราประทับหยกแห่งโอรสสวรรค์

"ฝ่าบาทมีข้อคัดค้านหรือไม่?"พระพันปีถามขึ้น

หัวสมองของหนิง เสี่ยวเหยา เต็มไปด้วยความคิด พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับชีวิตและความตายเร็วขนาดนี้เลยหรือ? ดูเหมือนว่านี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น โอ้ใช่แล้ว เธอพึมพำในขณะที่เธอเหลือบมองตัวเอง ยังมีอีกหนึ่งวิธีเธอจะถอดเสื้อผ้าของเธอออก!

"ฝ่าบาทควรจะมายืนอยู่ฝังของอัยเจีย" พระพันปีเซี่ยยื่นมือออกไปหาหนิง เสี่ยวเหยา ภายใต้แสงจันทร์ ผิวที่คล้ายกับหยกสีขาว นิ้วมือปกคลุมไปด้วยปลอกเงินฝังด้วยทองคำและหยกหรูหรา

หนิง เสี่ยวเหยา วางมือลงไปบนคอเสื้อของเธอเตรียมที่จะทำตามแผนของเธอ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกดังออกมาจากนอกประตู "นี่คือโหลว จื่อกุ้ย"

คนที่เธอพึ่งกลิ้งไปมาบนผ้าห่มได้มาอยู่ที่นี่แล้ว แม้ว่าเธอจะขาดหลักการทางจริยธรรมไปบ้าง แต่แก้มของหนิง เสี่ยวเหยา ก็ยังคงแดงขึ้น เหยี่ยวน้อยบินขึ้นไปจากไหล่ของเธอผ่านกำแพงขึ้นไป บินเป็นวงกลมก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งด้วยแล้วร้องขึ้น "เป็นท่านแม่ทัพสูงสุด"

"ใครที่เป็นคนรับผิดชอบอยู่ภายใน?" เสียงของของโหลว จื่อกุ้ย พูดขึ้นอีกครั้ง "พวกเจ้าจะเปิดประตูได้หรือไม่?"

หัวใจของพระพันปีเต็มไปด้วยความรังเกียจ ถ้าหนิง เสี่ยวเหยา ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ตอนนี้นางก็คงจะมีโอกาสที่จะกำจัดโหลว จื่อกุ้ย และหน่วยมังกรพิทักษ์ไปแล้ว! แทนที่จะต้องรอสามวันเพื่อให้ยาพิษเข้าสู่ร่างกายของเขา นางต้องการให้โหลว จื่อกุ้ย ตายในทันที หนิง เสี่ยวเหยา เห็นว่าไม่มีใครเคลื่อนไหวที่จะไปเปิดประตูให้โหลว จื่อกุ้ย ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปทำเอง หลังจากประตูทองแดงขนาดใหญ่ถูกเตะและชกจนเสียรูปร่างไปโดยความแข็งแรงของเธอ บานพับของมันได้เริ่มแตกลงแล้ว เมื่อเธอดึงประตูให้เปิดออกด้วยกำลังของเธอ พวกมันก็ล้มลงกับพื้นในทันที เป็นอีกครั้งพื้นดินใต้เท้าของพวกเขาสั่นสะเทือน ฝุ่นจากประตูที่ล้มลงไปเข้าไปในคอของหนิง เสี่ยวเหยาทันที

"แค๊กๆๆๆ" หนิง เสี่ยวเหยา ไอเอาสิ่งสกปรกที่ได้ลอยเข้าไปในปากของเธอออก

โหลว จื่อกุ้ย มองไปที่ประตูที่ล้มลงไป แล้วก็มองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา แม้ว่าเขาจะไม่อยากจำอะไรก็ตาม แต่เขาก็นึกถึงช่วงเวลาแห่งความปีติที่เขาเพิ่งได้รับมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถูกต้องเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันเป็นความสุขแม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุของการกระทำของเขาก็ตาม ศีรษะของเขาลดลงเล็กน้อยเพื่อปกปิดการแสดงออกที่ซับซ้อนบนใบหน้าของเขา

พระพันปีใช้โอกาสนี้ในการออกคำสั่งขึ้นทันที "พวกเราไม่ควรพลาดเวลาที่เหมาะสมในการส่งพวกเขาออกเดินทางได้"

หนิง เสี่ยวเหยาได้มีเวลาพูดคุยกับฟางถังและคนอื่น ๆ ที่ทำความเคารพอยู่และยังไม่มีเวลาที่จะถามเกี่ยวกับชายหนุ่มที่คุกเข่าลงไปบนพื้นในทันทีที่เห็นเธออยู่ข้างประตู เธอหันกลับมาและตะโกนขึ้น "ห้ามใครเคลื่อนไหวทั้งนั้น!"

เหล่าขันทีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อยาพิษของหน่วยมังกรพิทักษ์กำลังงงงวยทำอะไรไม่ถูก พวกเขาต้องรับฟังคำสั่งของพระพันปี แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านฮ่องเต้ได้เช่นกัน พวกเขาควรทำอย่างไรดี?

ในขณะเดียวกันทหารทุกคนที่อยู่ในลานของคุกหลวง ต่างก็กำลังแกล้งทำเป็นว่าพวกเขาไม่มีตัวตน พวกเขามีทางแทรกแซงเรื่องระหว่างลูกกับแม่ได้หรือ จะอย่างไรก็ตามหัวใจของพวกเขาก็เห็นได้ชัดเจนจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นว่าพระพันปีเซี่ยและฮ่องเต้ไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบลูกผู้ชายและมารดาทั่วไป

น้ำเสียงของพระพันปีเซี่ยเริ่มความรุนแรงขึ้น ในขณะที่นางตะโกนขึ้น"ฝ่าบาท"

แม่ทัพสองคนช่วยพยุงโหลว จื่อกุ้ยขึ้น ในขณะที่ยืนอยู่นอกประตูเพื่อพูดกับหนิง เสี่ยวเหยาในน้ำเสียงที่ต่ำ "ถ้าเจ้าสามารถช่วยพวกเขาได้ในคืนนี้ พวกเขาจะเป็นดาบที่คมในมือของเจ้าในอนาคต”

หนิง เสี่ยวเหยา หันกลับมาและกรอกตาให้เขา "ดาบคมอะไร? นั้นเป็นชีวิตของมนุษย์ ถึงแม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็ต้องช่วยชีวิตพวกเขาให้ได้”

อิงเฟิงคุกเขาลงไปบนพื้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังอยากจะร้องไห้ เพียงแค่คำพูดเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เขาก็เต็มใจที่จะใช้ชีวิตของเขาเพื่อปกป้องหนิง เสี่ยวเหยาแล้ว แต่โหลว จื่อกุ้ยไม่ได้หวั่นไหวง่ายๆ ขนาดนั้น บางทีคนผู้นี้อาจจะห่วงใยชีวิตผู้คนจริงๆ หรือบางทีนางอาจจะกำลังพยายามเอาชนะใจของพวกเขาด้วยการช่วยชีวิตพวกเขา เพราะนี้คือหนึ่งในความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้แล้ว

"แล้วเจ้ามีแผนที่จะช่วยพวกเขาอย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้นอย่างใจเย็น

หนิง เสี่ยวเหยา ยืนอยู่ที่ประตูสูงและกระซิบในหูของโหลว จื่อกุ้ย "ถ้าไม่มีอะไรได้ผล ข้าก็จะถอดเสื้อผ้าของข้าออก เมื่อความลับของข้าถูกเปิดเผย พระพันปีก็จะตายด้วยเหมือนกัน ฮ่าๆ”


โหลว จื่อกุ้ยที่สงบมาตลอดเวลา ถึงกับสะดุ้งอีกครั้งโดยคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยา นางพึ่งจะพูดว่าอย่างไรนะ ถอดเสื้อผ้าของนางออกหรือ?เคยมีหญิงสาวที่ไหนถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะบ้าง?

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 24:1 คมดาบหรือชีวิตมนุษย์?


"นั่นคือนายของข้า!" เหยี่ยวน้องกระพือปีของมัน ในขณะที่มันเต้นอยู่บนไหล่ของหนิง เสี่ยวเหยา ใบหน้าของหนิง เสี่ยวเหยาถูกกระแทกอย่างหนักถึงสองครั้งด้วยการกระพือปีกของเหยี่ยวจนกระทั่งเกือบจะตกลงไปจากกำแพง

"สงบลงก่อนๆ" หนิง เสี่ยวเหยา ปกคลุมใบหน้าของเธอ ในขณะที่เธอพูดขึ้นด้วยเสียงที่ต่ำ "ตอนนี้เราต้องสงบลงก่อน!" ทุกคนที่อยู่ในลานต่างก็คุกเข่าและสวมชุดสีดำ เธอจึงไม่สามารถบอกได้ว่าใครคืออิงเฟิง

"ฝ่าบาท?" พระพันปีลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและเดินออกมาจากใต้กำแพง นางยืนอยู่ที่ด้านบนของบันไดและมองมาที่หนิง เสี่ยวเหยา

"โฮ่งๆๆๆ " เหยี่ยวน้อยส่งเสียงร้องขึ้น ก่อนจะพูดขึ้น "ผู้หญิงไม่ดี! ข้าต้องการที่จะจิกนางให้ตายไปเลย! "

         หนิง เสี่ยวเหยา คว้าไปที่ตัวเหยี่ยวน้อย ก่อนที่มันจะตรงเข้าไป "พวกเราจะใจเย็นลงหน่อยไม่ได้หรือ? คนพวกนั้นถือธนูและลูกศรเตรียมเอาไว้แล้ว เจ้าต้องการที่จะกลายเป็นเม่นหรืออย่างไร ? ข้ายังไม่สามารถฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าทำได้หรือ? "

“โฮ่งๆๆๆ…” เหยี่ยวมองอย่างไม่พอใจ

"อย่าร้อง" หนิง เสี่ยวเหยาทำได้เพียงจับเขาไว้เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะปากเหยี่ยวนั้นแหลม ดังนั้นมันจึงไม่สามารถปิดกั้นเสียงของเขาไว้ได้

"ฝ่าบาท?!" พระพันปีเซี่ยร้องขึ้นอีกครั้ง เสียงของนางนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

หนิง เสี่ยวเหยาจับเหยี่ยวเอาไว้และกระโดดลงมาจากกำแพง นางกำนัลและแม่นมที่เห็นการก้าวกระโดดของนางจากกำแพงสูงสามเมตรทั้งหมดต่างก็ร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว พระพันปีเองก็กลัวเช่นกัน หนิงหยูไม่สามารถตายได้ในขณะนี้! แต่ดวงตาของนางก็ส่องประกายขึ้นอย่างน่ากลัวเมื่อนางเห็นหนิง เสี่ยวเหยาลงมาถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย ก่อนหน้านี้พระพันปีไม่เชื่อ แต่หลังจากที่ได้เห็นหนิง เสี่ยวเหยาลงมาถึงพื้นได้อย่างเงียบเชียบด้วยดวงตาสองข้างของนาง  นางก็เชื่อว่าลูกสาวคนนี้ของนาง ไม่เพียงแต่รู้วรยุทธเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอีกด้วย

หนิง เสี่ยวเหยาลูบหัวของเหยี่ยวน้อย ก่อนจะพูดขึ้น"สงบลงก่อน เจ้า สามารถเริ่มการต่อสู้ได้หลังจากที่ข้าเริ่มต้นแล้วเท่านั้น "

"เมื่อไหร่ที่ฝ่าบาทวางแผนที่จะเริ่มต้นการต่อสู้เล่า?" เหยี่ยวน้อยถามขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา อุ่นมือที่ยังคงปวดของเธอและพูดขึ้น "เราควรจะพูดกันด้วยเหตุผลก่อน ถ้าไม่ได้ผลเราค่อยต่อสู้”หนิง เสี่ยวเหยา เห็นการจ้องมองมาของพระพันปีไม่ค่อยดีนัก เมื่อเธอได้เห็นว่าพระพันปีฆ่าลูกสาวของตัวเองเธอก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไร้ความปรานี แต่การเสียชีวิตที่ไม่ดีของหนิงหยูก็เกิดจากความอ่อนแอของนางด้วยเช่นกัน เธอเปลี่ยนเทียนกับตัวเองในขณะที่ตัดสินความผิดของคนอื่น แต่ตอนนี้สิ่งที่หนิง เสี่ยวเหยารู้สึกต่อพระพันปีคือความน่ารำคาญ ในโลกที่กำลังจะแตก สมาชิกในกองทัพเหมือนเธอได้ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายและเสียสละตัวเอง เช่นการเสียสละเพื่อให้มนุษย์ได้มีโอกาสอยู่รอด ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้? ใช้คำโกหกของนางเพื่อจบชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายร้ายชีวิตอย่างนั้นหรือ? ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าให้อภัยอย่างที่สุด!

การฆ่าซอมบี้ไม่จำเป็นต้องมีแผนการหรืออุบายใด ๆ และไม่มีใครสอน หนิง เสี่ยวเหยา ว่าจะซ่อนความต้องการของเธอเอาไว้อย่างไร ดังนั้นความรู้สึกของเธอจึงถูกเขียนขึ้นไว้ทั่วใบหน้าของเธอ นิ้วมือของพระพันปี ขุดลงไปในฝ่ามือของนาง หนิงหยูมีกลิ่นไอสังหารตรงเข้ามาที่นาง ลูกสาวของนางต้องการให้นางตายหรือ!

"พวกเจ้าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ" หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่คนในลาน ไม่ถือว่าเธอเป็นคนโง่เขลาใช่ไหม? เธอเคยเห็นในวิดีโอของคนที่แต่งกายด้วยชุดโบราณมาก่อนแล้ว เจ้าจะต้องคุกเข่าเมื่อได้เห็นฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ!
"หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ" แม่มนไล๋ เป็นคนแรกที่ตอบสนองและคุกเข่าลงไปต่อหน้า หนิง เสี่ยวเหยา

ทุกคนที่อยู่ในลานดูเหมือนจะตื่นจากความฝัน ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลง เพื่อทำความเคารพด้วยการขอให้เธอมีอายุยื่นหมื่นปีหมื่นๆ ปี หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่พระพันปีเซี่ย เช่นเดียวกันเหยี่ยวน้อย คนที่เตรียมตัวที่จะบินเข้าไปหาในทุกขณะเพื่อที่จะจิกไปทั่วใบหน้าของนาง

หัวหน้าแมวดำผู้ที่คลานผ่านหลุมสุนัขมาพร้อมกับพังพองสุดยอดอมตะ และตอนนี้ก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นกุหลาบพันปี ก่อนที่จะถามขึ้น "คนไม่เต็มเต็งกับเหยี่ยวน้อยกำลังทำอะไรอยู่?"

พังพอนสุดยอดอมตะกรอกตาของเขา ก่อนที่จะตะโกนขึ้น "นี่เป็นมารดาทางสายเลือดของเจ้าและเจ้าต้องการให้นางคุกเข่าอย่างนั้นหรือ? ตื่นได้แล้ว!"

“…” หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก

"ฝ่าบาท" พระพันปีพูดขึ้น "ท่านราชครูได้คำนวณวันนี้ขึ้นมาเพื่อส่งมังกรพิทักษ์เพื่อไปรับใช้ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฝ่าบาทก็มาส่งพวกเขาด้วยหรือ? "

"ทำความเคารพนางซะ"พังพอนที่มีชื่อว่าสุดยอดอมตะตะโกนขึ้น คำพูดของเขาสำหรับมนุษย์มันก็เป็นเพียงเสียงไอเท่านั้น

"นั่นเสียงอะไร?" พระพันปีถามขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา ยืนตัวตรงขึ้นทันที ให้เธอทำเคารพผู้หญิงคนนี้หรือ? เธอยอมตายซะดีกว่า! หนิง เสี่ยวเหยายกมือขึ้นเพื่อยับยั้งขันทีที่กำลังเตรียมตัวมองหาพังพอนอมตะ ก่อนจะพูดขึ้น "ตอนนี้มันใช่เวลาที่ต้องกังวลเรื่องดังกล่าวหรือ"

 “เช่นนั้น ความหมายของฝ่าบาทคือ?"พระพันปีเซี่ยถามขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่ทหารที่ที่ยืนอยู่ด้านซ้ายและขวาก่อนจะพูดขึ้น"ข้า ... "

พังพอนอมตะตะโกนออกมาอีกครั้ง "เจ้าต้องเรียกตัวเองเจิ้นนะเจิ้น!"

พลธนูชี้คันธนูของพวกเขาไปที่พังพอนที่อยู่หลังต้นไม้และยกมือขึ้นเพื่อยิง

"ว่างธนูของพวกเจ้าลง!" หนิง เสี่ยวเหยา ตะโกนขึ้น ในขณะที่เธอชี้ไปที่ผลธนูที่กำลังจะยิงออกไป เหยี่ยวน้อยจิกลงไปที่หัวของหนิง เสี่ยวเหยาในขณะที่เธอพูดขึ้นอีกครั้ง "ฟังข้า เจ้า ... "

เหยี่ยวน้อยยังคงจิกลงไปที่หัวของหนิง เสี่ยวเหยาอีกครั้ง

"เจิ้นสั่งให้วางสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้าลง"หลังจากที่หนิง เสี่ยวเหยาพูดจบ พลธนูก็ลดคันธนูลง แต่มันก็ยังคงมีลูกศรอยู่ข้างใน ชายวัยกลางคนสวมชุดทหารเดินไปข้างหน้าสองก้าวและโค้งคำนับต่อหนิง เสี่ยวเหยาและพระพันปี

"ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมพระพันปี ธูปหอมได้เผาจนหมดแล้ว พวกเราสามารถส่งมังกรพิทักษ์ให้ออกเดินทางของพวกเขาได้แล้วในตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ "

หนิง เสี่ยวเหยา มองไปข้างหลังนายทหารอย่างไม่ตั้งใจ ตรงที่แท่นยาวสำหรับเผาธูปตั่งอยู่ เตาธูปนั้นเต็มไปด้วยขี้เถ้า

"อันเจีย(พระพันปีผู้นี้)เข้าใจแล้ว" พระพันปียกมือขึ้นแล้วสะบัดเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดกับมังกรพิทักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น "เมื่อพวกเจ้าพบฮ่องเต้พระองค์ก่อน จงรับใช้พระองค์ให้เป็นอย่างดี"


ขันทีเดินนำหน้าขึ้นไปเพื่อเตรียมตัว และตามด้วยกลุ่มของขันทีที่ต่างก็เดินเข้าไปยังหน่วยมังกรพิทักษ์ และขันทีแต่ละคนก็ถือถาดซึ่งบนถาดคือถ้วยลายครามที่เต็มไปด้วยยาพิษ

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 23:2 มังกรพิทักษ์จะถูกฝังตามคำสั่งของฮ่องเต้

ซองจิน เดินไปทางด้านข้างของโหลว จื่อกุ้ย และก้มลงไปพูดด้วยเสียงที่ต่ำ "ในเมื่อพระพันปีบอกว่าเป็นราชโองการของฮ่องเต้ เช่นนั้นมันยอมต้องมีอยู่จริง นอกจากนี้ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ แต่กลับได้ครองบังลังก์แล้ว ดังนั้นตราประทับหยกก็ต้องอยู่ที่พระพันปีอย่างแน่นอน ท่านแม่ทัพสูงสุดถ้าพวกเราต่อต้านราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อน จุดจบก็จะเป็นโทษประหารชีวิตเท่านั้น "

"แม้ว่าข้าจะต้องการช่วยใครสักคน แต่คนเพียงไม่กี่คนอย่างพวกเราจะทำอะไรได้ ที่จะสามารถพาพวกเขาทั้งหมดออกจากคุกหลวง" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้นอย่างเงียบ ๆ

ซองจินส่ายหัวและสูดลมหายใจเข้า ตอนนี้พวกเขาก็มีปัญหาในการช่วยตัวเองอยู่มากแล้ว แล้วจะไปนับอะไรกับการช่วยคนอื่น

"มังกรเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนโดยบิดาของข้า ท่านแม่ทัพสูงสุดคนเก่า" ใบหน้าของโหลว จื่อกุ้ย เปลี่ยนเป็นซีดลงอย่างผิดปกติ ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขากับมังกรเหล่านี้ก็คือเพื่อนฝึกหัดของแม่ทัพคนเดียวกัน

ซองจินส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว "ท่านแม่ทัพสูงสุด หากท่านไม่มีความอดทนในเรื่องเล็ก ๆ ท่านจะทำการใหญ่ได้อย่างไร ฝ่าบาทยังพระเยาว์นัก เขาสามารถช่วยท่านได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีครั่งที่สอง "

เงาสายฝน ไม่สามารถได้ยินคำพูดของโหลว จื่อกุ้ย และซองจิน ได้อย่างชัดเจน แต่ก็พยุงตัวเองขึ้นโดยพนักว่างแขนของเก้าอี้และลุกขึ้นอย่างสั่นคลอน เขาโค้งคำนับต่อโหลว จื่อกุ้ย และพูดขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุด เงาสายฝนขอตัวก่อนงขอรับ"

ฟางถังถามขึ้นอย่างรวดเร็ว "เจ้ากำลังจะไปที่ไหน?"

เงาสายฝน ยิ้มแล้วตอบขึ้น "กลับไปที่คุกหลวงขอรับ"

"เจ้าต้องการที่จะกลับไปตายหรือ?" ฟางถังยื่นมือออกไปเพื่อที่จะดึง อิงเฟิงกลับมา

"ถ้าข้ามีชีวิตอยู่ ข้าก็ไม่สามารถช่วยพี่น้องของข้าให้มีชีวิตอยู่ได้และข้าก็ไม่สามารถดึงท่านแม่ทัพสูงสุดให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ด้วยเช่นกัน" อิงเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้น "ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ตามลำพังได้"

โหลว จื่อกุ้ย กำลังจะพูดเมื่อพื้นดินที่อยู่ใต้พวกเขาก็สั่นขึ้น

"แผ่นดินไหวหรือ?" แม่ทัพสองสามคนร้องขึ้น มันเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว บรรยากาศข้างนอกยังคงดำเดินต่อไปอย่างปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ทางตะวันตกเฉียงใต้" แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเพียงในกระพริบตา แต่โหลว จื่อกุ้ย ก็ยังสามารถชี้จุดที่เกิดเหตุได้

ได้ยินเช่นนี้อิงเฟิงก็อุทานขึ้น"ทิศทางของคุกหลวง?"
ที่หน้าประตูของคุกหลวง หนิง เสี่ยวเหยา ลูบมือที่เจ็บปวดของเธอที่ตีไปที่ประตู ประตูนี้แข็งเกินไป เธอเตะและทุบพอที่จะทำให้แผ่นดินสั่นไหว แต่มันก็ยังไม่พังลงมา!

เหยี่ยวบินวนอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะลงไปบนไหล่ของหนิง เสี่ยวเหยา "ฝ่าบาท มีคนอยู่ข้างใน"

"ข้ารู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน" หนิง เสี่ยวเหยา ตระโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจ "ข้าสามารถได้ยินเสียงหายใจของพวกเจ้าทั้งหมด!" เธอยังคงชกไปที่หน้าประตูในขณะที่เธอตะโกนขึ้นอีก "ข้าคือฮ่องเต้ เจ้ากล้าที่จะปฏิบัติต่อข้าเหมือนข้าตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ข้าจะสั่งฆ่าทั้งครอบครัวของพวกเจ้า! ได้ยินหรือไม่? ทั้งครอบครัวของเจ้า! "

พังพองเหลืองอยู่ข้างหนิง เสี่ยวเหยา ในขณะที่เขาพูดขึ้น "นั้นเขาเรียกว่าเก้าชั่วโคตร”

"โอ้ใช่ ข้าจะสั่งประหารเก้าชั่วโคตรของพวกเจ้า เปิดประตู! "หนิง เสี่ยวเหยา เริ่มเตะอีกครั้ง ประตูทองแดงเริ่มยุบตรงหน้าที่หนิง เสี่ยวเหยาเตะและชก แต่แม้ว่ามันจะดูบิดเบี้ยว มันก็ไม่ล้มลง
"พระพันปี" ในคุกหลวง แม่นมไล๋คนสนิท คำนับลงไปด้วยความหวาดกลัวต่อผู้ที่นั่งอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่ต่ำ "เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้วนะเพคะ" แม้ว่าพระพันปีจะเป็นมารดาของฝ่าบาทแต่พระนางก็ไม่อาจจะดูหมิ่นเกียรติของฮ่องเต้ได้

พระพันปีได้สั่งให้คนของนางปล่อยให้อิงเฟิงหลบหนี และจัดให้มีพลธนู 500 คนรออยู่ในคุกหลวง นางรู้ดีว่าโหลว จื่อกุ้ย ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากกว่าที่จะมาได้ แต่นางกำลังรอให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขาปรากฏตัวขึ้นแทน ถ้าพวกเขาขัดราชโองการของฮ่องเต้ โหลว จื่อกุ้ย ก็ไม่อาจจะหนีความตายไปได้ หรือไม่ว่าจะอย่างไร พระพันปีเซี่ยก็ได้พิจารณาแล้วว่านางจะไม่สูญเสียอะไร ถ้าโหลว จื่อกุ้ย จะไร้หัวใจและไม่ยอมช่วยอะไรเลย แต่กับการวางแผนทั้งหมดของนาง นางไม่เคยคาดหวังว่าฝ่าบาทจะมาแทน!

เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เห็นว่าประตูยังไม่เปิดแม้ว่าจะหลังจากที่เธอขู่ว่าจะฆ่าครอบครัวพวกเขาไปแล้ว เธอก็ตัดสินใจที่จะใช้ผนังแทน หัวหน้าแมวดำและ พังพอนเหลืองเห็นเธอปีนขึ้นไปบนกำแพงเช่นนั้น พวกเขาก็วิ่งไปด้านตะวันตกของคุกหลวงที่มีอุโมงค์สุนัขสำหรับพวกเขาที่จะผ่านเข้าไปอยู่

ในเวลาเดียวกันพระพันปีเซี่ยก็บอกแม่นมไล๋ “เจ้าไปและพาฮ่องเต้ออกไปจากที่นี่ ทำร้ายใครก็ได้จนถึงแก่ความตายถ้ามันจำเป็น ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ดูหมิ่นราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้! "

แม่นมไล๋ กำลังจะจากไปเมื่อแม่นมอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้พระพันปีพูดขึ้น "พระพันปีเพคะ ฝ่า...ฝ่าบาทอยู่บนผนังกำแพงเพคะ"

พระพันปีเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังกำแพงสูงสามเมตรล้อมรอบลานคุกหลวงเอาไว้ และลูกสาวของนางก็กำลังปีนขึ้นไปบนนั้น...        


หนิง เสี่ยวเหยาไม่ได้เห็นว่าพระพันปีประทับอยู่ใต้กำแพง แต่ความสนใจของเธออยู่ในกลุ่มดำมืดและหนาแน่นที่คุกเข่าลงไปบนพื้นด้วยมือของพวกเขาถูกมัดเอาไว้ด้านหลัง พวกเขาทั้งหมดกำลังจะถูกฝังไปกับคนตายจริงๆ หรือ?