โหลว จื่อกุ้ย ไม่โกรธอีกต่อไป
แต่เต็มไปด้วยความสับสนกับคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยาอย่างสมบูรณ์ นางรู้หรือไม่ว่านางกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?
หนิง เสี่ยวเหยา ตะโกนออกไปนอกหน้าต่าง
"เรากำลังพูดถึงเรื่องที่จริงจังกันอยู่ พวกเจ้าทั้งหมดช่วยเงียบลงหน่อยได้ไหม?"
แมวทางด้านนอกหน้าต่างก็หยุดลง โหลว
จื่อกุ้ย รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง! หนิง เสี่ยวเหยา กลับมาพูดต่อ "ข้าไม่สามารถคืนความบริสุทธิให้กับร่างกายของท่านได้"
โหลว จื่อกุ้ยยังคงหาคำพูดไม่เจอ
"แต่ข้าสามารถช่วยแก้ข้อกล่าวหาที่ว่าท่านได้ทรยศต่อประเทศของท่านได้"
หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น
ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่เขาสามารถตอบกลับได้
"เจ้าวางแผนที่จะทำอย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น
"ฟางถังได้วิเคราะห์สิ่งต่างๆแล้ว
จดหมายในมือของอุปราช ต้องถูกปลอมขึ้นโดยท่านข่านสูงสุดของแคว้นฮูเหนือ โม่โตว"
หนิง เสี่ยวเหยวพูดหยุดและพูดขึ้นอีก "ดังนั้นข้าจึงคิดว่าถ้าเราสามารถฆ่าเปิดทางของเราไปยังแคว้นฮูเหนือที่ป่าเถื่อนและจับคนที่ไร้ยางอายพวกนั้นมา
แล้วทุบตีและกดขี่ข่มเหงเขาจนกว่าเขาจะยอมรับความผิด
เท่านี้ความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุดก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ?"
"... ... " โหลว
จื่อกุ้ยเต็มไปด้วยความเงียบ ถ้าพวกเขาเพียงจับกุมโม่โตวได้ง่ายๆเช่นนั้น แล้วทำไมเขาถึงต้องปกป้องทั้งหกเขตอันหยวน
ด้วยกองทหารขนาดใหญ่เช่นนั้น?
หนิง เสี่ยวเหยา ได้ขอความเห็นจากโหลว
จื่อกุ้ยในเรื่องนี้ขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพสูงสุด ท่านมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับความคิดของข้า?"
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าแคว้นฮูเหนือเป็นอย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น
หนิง เสี่ยวเหยา เอียงหัวของเธอไปด้านข้างพร้อมกับใช้ความคิด
หนิงหยูได้พูดไว้ก่อนหน้านั้นว่ากองทัพของแคว้นฮูเหนือได้ผ่านมาแล้ว แคว้นนี้ไม่สามารถรักษาตัวเองได้อีกต่อไป
'ดังนั้น' ข้าต้องการจะดูว่าท่านจะสามารถยึดครองสวรรค์และโลกไว้ได้นานแค่ไหน!
หนิง เสี่ยวเหยา จำคำเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
"แคว้นฮูเหนือแข็งแกร่งมากหรือ?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น
โหลว จื่อกุ้ย
สามารถบังคับให้จิตวิญญาณของเขาตื่นตัว ในขณะที่เขาอธิบายถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างราชวงศ์โหยงหนิง
และแคว้นฮูเหนือ พวกเขามีส่วนร่วมในการต่อสู้เป็นเวลานานกว่า 200 ปี นานพอที่จะเปลี่ยนให้การเป็นปฏิปักษ์กลายเป็นความเกลียดชังลึกราวกับทะเล
ผลสุดท้ายจะมีเพียงราชวงศ์โหยงหนิงจะล้มสลาย หรือแคว้นฮูเหนือถูกทำลายเท่านั้น
"เข้าใจหรือยัง" โหลว
จื่อกุ้ย ถามหนิง เสี่ยวเหยาขึ้นในตอนท้าย
หนิง เสี่ยวเหยา พยักหน้าของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ
"กลุ่มคนเลี้ยงแกะเป็นคนน่าเกรงขามมากขนาดนี้เลยหรือ? พวกเขาต่อสู้กับท่าน ไม่ใช่กับเราเป็นเวลากว่า 200 ปีเลยหรือ?
"
คนเลี้ยงแกะ คนเลี้ยงแกะ ...
คำพูดเหล่านี้สะท้อนความผิดหวังในหัวของโหลว
จื่อกุ้ย เป็นเวลานานจนเขาจะรู้สึกเหมือนอยากจะตาย หลังจากทั้งหมด หญิงสาวงี่เง่าผู้นี้ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย!
หนิง เสี่ยวเหยาที่เต็มไปด้วยความงงงวย
หยิบขนมปังนึ่งเข้าปากอีกกครั้งก่อนจะพูดขึ้น "หรือว่าคนจากทุ่งหญ้าก็มีวิวัฒนาการทางพันธุกรรมเหมือนกัน?"
“อะไรนะ?” โหลว จื่อกุ้ยไม่เข้าใจ
"ฮืม" หนิง
เสี่ยวเหยารีบพูดขึ้น "พวกเขาสามารถบินได้หรือ? พวกเขาสามารถควบคุมฟ้าร้องและฟ้าผ่า
ใช้พลังเหนือมนุษย์ วิ่งด้วยความเร็วอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนสถานที่ได้ในทันทีหรือ
... "
"พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มชนเผ่าม่านเท่านั้น"
โหลว จื่อกุ้ยหยุดนางขึ้นทันที
"ในตอนนั้นที่ฟางถังได้พูดถึงมัน
ข้าก็อยากจะถามด้วยเช่นกัน ชนเผ่าม่าน คืออะไรหรือ? "หนิง
เสี่ยวเหยาถามขึ้น
โหลว จื่อกุ้ย ระงับความโกรธในหัวใจของเขา
"คนป่าเถื่อน พวกคนไร้อรยธรรมของชนเผ่าม่านเป็นพวกที่ไม่เคยเรียนรู้สิ่งต่างๆเช่นมารยาทหรือการมีอัธยาศัยที่ดี"
"โอ้" หนิง
เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ดังนั้นถ้าคนเป็นมนุษย์ปกติ แกะของพวกเขาก็อาจจะมีอำนาจเหนือธรรมชาติ? พวกเขาสามารถยิงเปลวไฟหรือน้ำได้หรือไม่ แล้วพลังของพวกเขา ... "
"เจ้ากำลังสร้างเรื่องอะไรอยู่? ใครบอกเจ้าเรื่องโกหกและเรื่องไร้สาระเหล่านี้? "โหลว
จื่อกุ้ย ขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง การถูกขังจากน้ำมือของเซี่ย เวินเยี่ยน ทำให้คนนี้กลายเป็นคนงี่เง่าหรือ?
หนิง เสี่ยวเหยา ขุดนิ้วของเธอลงไปบนผ้าห่มขนสัตว์บนโซฟา
สัตว์ในโลกกำลังจะแตกของเธอ ถ้าไม่ใช่ซอมบี้ ก็จะมีวิวัฒนาการทางพันธุกรรมเหมือนสัตว์ที่ดุร้าย
ศีรษะของเธอหดลงในขณะที่ร่างของเธอหดตัวลง ในสายตาของ โหลว จื่อกุ้ย เธอดูน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก
"เราไม่สามารถจับโม่โตวได้ อีกอย่างแคว้นฮูเหนือก็ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะ
"โหลว จื่อกุ้ย เปลี่ยนน้ำเสียงของเขาให้อ่อนลงในขณะที่เขาอธิบายขึ้นเบา ๆ
หนิง เสี่ยวเหยา ขุดผ้าห่มขนสัตว์ ในขณะที่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าพวกร่อนเร่ที่ออกค้นหาทุ่งหญ้า
อาจจะไม่ได้เรียกว่าคนเลี้ยงแกะสำหรับที่นี่ก็ได้
"ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับข้า"
โหลว จื่อกุ้ย พูดขึ้นอีกครั้ง "ความมีเหตุมีผลเป็นธรรมชาตีที่จะอยู่ในใจของผู้คน
เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว"
หนิง เสี่ยวเหยา เงยหน้าขึ้นทันที “ความมีเหตุมีผลเป็นธรรมชาติที่จะอยู่ในใจของผู้คนอะไรกัน? ท่านลืมไปแล้วหรือ? ว่าวันนี้หลายคนอยากจะกินท่านทั้งเป็น
ท่านคิดว่าทุกคนรักท่านอยู่ในตอนนี้หรืออย่างไร? "
โหลว จื่อกุ้ย ไม่ต้องการพูดคุยกับคนงี่เง่าคนนี้อีกต่อไป