"แล้วท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้?"หนิง เสี่ยวเหยา ถามคำถามออกไปต่อคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ไม่ว่าท่านแม่ทัพผู้นี้จะถูกใส่ความหรือไม่
ก็ไม่มีใครสามารถบอกถึงความตั้งใจของเธอได้จากคำเหล่านี้
เมื่อนางกำนัลอายุน้อยที่ยืนอยู่ใกล้หนิง
เสี่ยวเหยา ได้ยินนางก็รีบตอบขึ้นอย่างเคารพ "ฝ่าบาทท่านแม่ทัพโหลวจื่อกุ้ย ได้ถูกส่งตัวไปยันลานประหารแล้วเพคะ"
หนิง เสี่ยวเหยา ขุดนิ้วลงไปในเบาะนั่งของเธอ
คำเหล่านี้เปิดเผยข้อมูลสองอย่างด้วยกัน แม่ทัพผู้นี้มีชื่อว่าโหลวจื่อกุ้ย และอย่างที่สองแม่ทัพผู้นี้อยู่ที่ลานประหารแล้ว
“คนไม่เต็มเต็งผู้นี้ยังจะมาเสียเวลากับคำพูดอยู่อีก!"
แมวสีเหลืองตัวอ้วนร้องขึ้น "ชายชราเซี่ยผู้นั้นได้ตัดสินโทษตายให้ท่านแม่ทัพผู้ด้วยการตัดเป็นพัน
ๆชิ้น ถึงตอนนี้เขาอาจจะไม่มีเนื้อเหลืออยู่เลยก็ได้! "
หนิง เสี่ยวเหยา กระโดดขึ้นจากเก้าอี้ของเธอ
ไม่ดีแล้ว เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ชายแก่มหาอุปราช มาจากตระกูลเดียวกันกับพระพันปี
ดังนั้นมันยอมไม่เป็นผลดีต่อเขาแน่ ในกรณีนี้คนที่เขาต้องการจะฆ่า หนิง เสี่ยวเหยา เชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลว่าเป็นศัตรูของศัตรูอาจจะเป็นเพื่อนของเรา
"ข้าอยากจะไปที่ลานประหาร!" หนิง เสี่ยวเหยา บอกความตั้งใจของเธอขึ้นดังๆ
ไม่เพียงแค่มนุษย์ที่อยู่ในห้องจะตกใจ แมวบนต้นไม้ก็ตะลึงเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับบุคคลผู้นี้
เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครตอบอะไร หนิง
เสี่ยวเหยาก็เดินไปที่ประตู ถ้าไม่มีใครจะไปกับเธอ เธอก็จะขอร้องผู้อื่นเพื่อทำนางเธอ
แต่แล้วนางกำนัลและขันทีก็รีบวิ่งไปเพื่อสกัดเส้นทางของเธอ นางกำนัลที่เคยพูดกับเธอก่อนหน้าพูดขึ้นทันที
"ฝ่าบาทเพคะ ลานประหารเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเลือด ร่างกายมังกรของพระองค์มีค่ามาก
แล้วพระองค์จะไปยังสถานที่เช่นนั่นได้อย่างไรเพคะ? "
หนิง เสี่ยวเหยาตอบขึ้นทันที "ข้าไม่กลัวเลือด"
คนจากโลกที่กำลังจะแตกจะกลัวเลือดได้อย่างไร? เมื่อซอมบี้ วิ่งไปรอบ ๆ มันก็มีเพียงแค่เลือด เพราะเครื่องในกระจัดกระจายไปทั่วสถานที่ทั้งหมด
นางกำนัลกางแขนออกในขณะที่เสียงของนางเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างขึ้น
"ฝ่าบาท พระองค์ทรงลืมวิธียกน้ำชาแก่พระพันปีแล้วหรือเพคะ”
"เหมียว"
แมวดำนอกหน้าต่างพูดขึ้นมาอีกครั้ง
"ฮ่องเต้แบบนางควรจะตายไปเสีย ตายไปเสียๆๆๆๆ!"
"... ... " หนิง
เสี่ยวเหยา ยังคงเงียบอยู่
"ถ้าฝ่าบาท ต้องการที่จะออกจากวังหลวง
ทำไมไม่ไปถามพระพันปีก่อนเล่าเพคะ?" นางกำนัลแนะนำขึ้น
หนิง เสี่ยวเหยาไม่เสียเวลาไปกับคำพูดใดๆ
อีก มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปต่อต้านกับคนของพระพันปี? เธอเงยหน้าขึ้นและผลักนางกำนัลออกไป
ไม่ว่าจะอย่างไรเธอยังคงเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเพื่อนร่วมทีมในการสู้รบ
การผลักของหนิง เสี่ยวเหยา ก็เพียงพอที่จะทำให้นางกำนัลลอยออกนอกประตูไป ทุกคนตกใจมาก
ไม่ใช่พวกเขาบอกว่าฝ่าบาทไม่เคยฝึกวรยุทธไม่ใช่มาก่อนไม่ใช่หรือ? หนิง
เสี่ยวหยินใช้ประโยชน์จากสถานะที่มึนงงของพวกเขาวิ่งออกไปนอกห้องทันที ก่อนที่จะต้องตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเธอ
ตอนนี้ก็เป็นช่วงกลางวันในเดือนเมษายน
เมื่อดอกกุหลาบฟันปีและกุหลาบจันทร์กำลังบานออกมา เติมเต็มฉากให้กลายเป็นภาพฝัน บริเวณลานกว้าง
ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ หนิง เสี่ยวเหยานั้นเติบโตขึ้นมาในโลกที่ท้องฟ้าเป็นสีเทาและดินแดนที่รกร้าง
ซอมบี้วิ่งไปรอบๆ ในยุคสุดท้ายของมนุษยชาติ ดังนั้นโลกที่อยู่ตรงหน้านี้จึงเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
"โอ้ ...
พระเจ้า" หนิง
เสี่ยวเหยามองไปที่สวนดอกไม้ เกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
นี่มันอะไรกัน นี่เป็นโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่หรือ!
"ฝ่าบาทเพคะ"
จู่ๆ เสียงผู้หญิงก็ตะโกนดังขึ้น "บ่าวผู้ต่ำต้อยอ้อนวอนฝ่าบาทได้โปรดลดฝีเท้าของพระองค์ลงด้วยเพคะ!"
หนิง เสี่ยวหยิน ฟื้นสติของเธอกลับมาจากเสียงตะโกน
เธอค้นพบว่ามีขันทีสองสามคนที่วิ่งตรงเข้าหาเธอจากด้านตรงข้ามของทางเดิน
เนื่องจากเธอไม่ต้องการเริ่มต้นการสู้รบที่เต็มไปด้วยเลือดเร็วนัก หลังจากที่พึ่งจะเดินทางมาถึงโลกนี้
หนิง เสี่ยวเหยา กระโดดข้ามราวบันไดทางเดินซึ่งอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณสองเมตร
แต่ความสูงเท่านี้สำหรับหนิง เสี่ยวเหยามันก็แทบจะเหมือนการเดินบนพื้นราบเท่านั้น
“ฮะ! ฝ่าบาท!”
"รีบเข้า รีบไปรายงานต่อพระพันปี!"
“ฝ่าบาทหนีไปแล้ว”
เสียงตะโกนที่อยู่เบื้องหลังของเธอ
เริ่มกลายเป็นความวุ่นวาย ยิ่งเสียงดังขึ้นมากเท่าไหร่ หยิง เสี่ยวเหยาก็ยิ่งเพิ่มความว่องไวขึ้นมากเท่านั้น เธอต้องช่วยคนเอาไว้ก่อน
และกังวลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในภายหลัง กลุ่มผู้คนวิ่งผ่านประตูลานออกมา
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะปิดกั้นเส้นทางของเธอ ดังนั้นหนิง เสี่ยวเหยา จึงหมุนส้นเท้าของเธอและวิ่งไปที่มุมของกำแผง
ก่อนจะใช้มือและเท้าของเธอไต่ขึ้นไปราวกับตุ๊กแก ต่อสายตาของทุกคนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ล่าสุดของราชวงศ์หนิงได้กระโดดขึ้นเหนือกำแพงและหลบหนีไป
...