ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล)ตอนที่ 19: ฝ่าบาทหิว


          หลังจากที่หนิง เสี่ยวเหยาออกจากห้องโถงด้านข้าง เธอก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้มันกำลังจะพลบค่ำและพระอาทิตย์เริ่มตกดินได้ย้อมสีแดงไปทั่วขอบฟ้าราวกับเปลวไฟที่ไหม้เกรียม เธอเหลือบไปเห็นกุหลายพันปีที่ลานด้านหน้า ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของมัน จนอารมณ์ของเธอดีขึ้นพอที่จะเข้าไปในตำหนักของเธอได้

          ตอนนี้ ฟางถัง และคนอื่น ๆ ได้พาหมอหลวงที่ดูอ่อนเยาว์มาเพื่อตรวจสอบการบาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย ที่ข้างเตียงมีถังน้ำและอ่างล้างหน้า น้ำในถังยังคงสะอาด แต่น้ำในอ่างล้างหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าเหล่าแม่ทัพนายพลได้ช่วยเช็ดล้างตัวของโหลว จื่อกุ้ยแล้ว การกระทำของพวกเขาที่รวดเร็วและครบถ้วน ทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชอบจากหนิง เสี่ยวเหยาไม่น้อย เธอเดินที่ข้างบนเตียงแล้วก็ยื่นคอของเธอออกไปเพื่อดูหมอหลวงที่กำลังทำแผลให้โหลว จื่อกุ้ย อยู่ในขณะนี้ ก่อนจะถามขึ้น "อาการบาดเจ็ดของท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นอย่างไรบ้าง?"

          เมื่อหมอหลวงได้ยินเสียงพูดของหนิง เสี่ยวเหยา เขาก็ไม่กล้าหันหลังกลับมาและมองไปที่เธอ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ต้องทำความเคารพ แต่ตอนนี้ยังมีดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา!

          ฟางถัง หันใบดาบออกเล็กน้อยก่อนที่จะตะโกนขึ้น "ฝ่าบาทกำลังถามเจ้าอยู่!"

          "เรียนฝาบาท แผลของท่านแม่ทัพสูงสุดดูรุนแรงมาก แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต" หมอหลวงหนุ่มตอบ ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และนับตั้งแต่ที่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครเคยจ่อดาบไว้ที่คอของเขามาก่อน ในเวลาเดียวกันเขาก็อยากรู้อยากเห็น ทุกคนกล่าวว่าโหลว จื่อกุ้ย ถูกทรมานจากการถูกตัดชิ้นเนื้อออกไปถึง 20 ถึง 30 ชิ้นบนแท่นประหาร ก่อนที่จะถูกกินโดยประชาชนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลของเขากลับไม่รุนแรงเท่าที่เขาคาดเอาไว้ แม่ทัพสูงสุดโหลวดูเหมือนจะได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์หรือผู้ประหารชีวิต และแม้แต่ตระกูลโหลวทั้งหมดที่อยู่ข้างเขา

          "เช่นนั้นก็ดีแล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น ก่อนจะพบเก้าอี้วางอยู่แล้วก็นั่งลงแล้ววางชามซุปไว้บนโต๊ะ เธอสั่งแม่ทัพขึ้น "พวกเจ้า คนไหนก็ได้ไปหาห้องครัว? ทำไมเราไม่ไปหาอาหารเพื่อเติมกระเพาะอาหารของเราก่อน?" ซุปหวานอร่อย แต่ก็ไม่ได้หยุดความหิวได้!

          เหล่าแม่ทัพนายพลต่างก็เต็มไปด้วยความเงียบ หนึ่งในนั้นจึงถามขึ้น "ถ้าหากว่าฝ่าบาททรงหิว ทำไมไม่สั่งให้พวกเขาซานชวน(นำอาหารเข้ามา)เล่าพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าใครในวังกล้าที่จะไม่รับใช้ฮ่องเต้แล้ว? "

          "ซานชวนคืออะไร?" หนิง เสี่ยวเหยา ถามขึ้น เธอได้ยินมาว่าคนก่อนหน้าที่โลกจะแตกจะสั่งอาหารที่ภัตตาคาร แต่ซานซวนมีความหมายเช่นเดียวกับการสั่งอาหารหรือไม่?

          แม่ทัพนายพลจ้องมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา หมอหลวงกั๋วก็อยากจะมองไปที่ฮ่องเต้ที่พูดถ้อยคำที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมา แต่เขาไม่กล้า เพราะยังมีดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา...

          แม่ทัพนายพลแลกเปลี่ยนสายตากันและกันเพื่อแบ่งปันความคิด

ฝ่าบาทพึ่งจะขึ้นนั่งบนบังลังก์ได้ไม่นาน

          ในอดีตเขาเคยอาศัยอยู่ในที่อาณาเขตของอุปราชเซี่ย

          วันนี้เป็นวันที่สามที่ฝ่าบาทได้นั่งบังลังก์ของฮ่องเต้

          เขาคงจะไม่คุ้ยเคยกับการเป็นฮ่องเต้ เพราะเขาใช้คำแทนตัวเองว่า "ข้า" แทนตัวเองมาตลอด

          ใช่แล้ว ไม่ใช่ฮ่องเต้ทั้งหลายควรจะแทนตัวเองว่าเจิ้นหรอกหรือ

          แม่ทัพนายพลคำนับลงไปต่อหน้าหนิง เสี่ยวเหยาก่อนจะพูดขึ้น"กระหม่อมจะไปนำอาหารมาให้ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ"

          "ฟังดูดี" หนิง เสี่ยวเหยาพยักหน้าอย่างเร่งรีบ

          "... ... " คนที่เหลือของเหล่าแม่ทัพนายพลพูดขึ้นในใจ สารเลวเอ้ย พวกเขาลืมที่จะโค้งคำนับต่อหน้าฮ่องเต้อีกครั้งแล้ว

          อาหารถูกสั่งออกไป หลังจากนั้นก็รอให้ห้องเครื่องได้ปรุงเสร็จและนำมาที่ตำหนักของฮ่องเต้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น หนิง เสี่ยวเหยา รอที่จะกินอาหารแต่รออยู่นานแต่อาหารก็ยังไม่มาสักที จากนั้นเธอก็ไม่สามารถนั่งสงบได้อีกต่อไปและยืนขึ้นเพื่อเดินไปที่เตียง ตอนนี้ หมอหลวงกั๋ว ได้พันแผลที่บาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย เสร็จแล้ว เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เห็นผ้าพันแผลคลุมที่หัวไหล่ของเขา เธอก็พูดขึ้น "เจ้าสามารถอยู่กับข้าได้ในตอนนี้ เพื่อที่เจ้าจะสามารถรักษาท่านแม่ทัพสูงสุดได้ตลอดเวลา เจ้าคิดอย่างไร?"

          หมอหลวงกั๋วถึงกลับตกลงทันทีโดยไม่คิด ลืมไปเลยเรื่องที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็สามารถฝ่าฝืนราชโองการได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการออกจากตำหนักของฮ่องเต้ และถูกจับกุมโดยคนของพระพันปีในทันที! ถ้าพระพันปีและอุปราชบังคับให้เขาทำสิ่งที่คาดไม่ถึงกับท่านแม่ทัพสูงสุด เขาต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? เขาไม่เชื่อว่าท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวจะทรยศต่อแคว้นนี้ แต่เขาและครอบครัวไม่สามารถต่อสู้กับพ่อลูกตระกูลเซี่ยได้!

          "ฝ่าบาท" หมอหลวงกั๋วบอกกับหนิง เสี่ยวเหยาขึ้น "กระหม่อมต้องการที่จะเขียนใบสั่งยาสำหรับท่านแม่ทัพสูงสุดพ่ะย่ะค่ะ"

          “เช่นนั้นก็ไปเถอะ ไปได้" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ข้าไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับการบาดเจ็บของเขาแล้ว ดังนั้นเจ้าก็ช่วยเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุ่งร่างกายของเขาแทนก็แล้วกัน"

          "กระหม่อมจะทำตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ" หมอหลวงกั๋ว ตอบในขณะที่เขาเหลือบมองไปที่ฟางถัง

          หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่ดาบในมือของฟางถัง ที่ยังคงจ่ออยู่ที่คอของหมอหลวงกั๋ว และตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้เห็นอะไรได้อีก ดังนั้นเธอจึงบอกฟางถังขึ้น "ทำดีกับเขาหน่อย"

          แล้วฟางถังก็เก็บดาบของเขาลงและพูดขึ้น "ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปเป็นเพื่อนท่านหมอเพื่อรับยาพ่ะย่ะค่ะ"

          "ดีๆ ไปเถอะ พวกเจ้าทุกคนสามารถออกไปได้ ข้าคนเดียวก็พอแล้วที่จะดูแลแม่ทัพสูงสุด"หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นอีก "พวกเจ้าทุกคนไปล้างมือ พวกเราจะเริ่มมื้ออาหารในภายหลัง "


          คราวนี้แม่ทัพนายพลทุกคนให้ความเคารพต่อหนิง เสี่ยวเหยามากขึ้น และในขณะที่พวกเขาก้มศีรษะลงเพื่อทำความเคารพและจากไปพร้อมกับหมอหลวงกั๋ว  

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล)ตอนที่ 18: ชามสีแดงและชามสีคราม


          "ฝ่าบาทเพคะ" ฮองเฮาโจวเดินไปทางด้านข้างของหนิง เสี่ยวเหยา

          หนิง เสี่ยวเหยา ไม่สามารถรุนแรงกับผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ ขณะที่เธอเห็นมัน ฮองเฮาก็เป็นเหยื่อของแผนการนี้เช่นกัน เธอไม่รู้ว่าโชคชะตาของนางเป็นอย่างไรในชีวิตเดิม แต่ฮองเฮาจะไม่สามารถอยู่รอดได้ถ้านางพยายามคุกคามพ่อลูกตระกูลเซี่ย ด้วยความรู้เรื่องเพศที่แท้จริงของหนิงหยู

          ฮองเฮาโจวลดศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะมองอย่างอ่อนโยนในขณะพูดขึ้น "ซุปหวานจะไม่อร่อยถ้าเย็นแล้ว หม่อมฉันรู้มาว่าฝ่าบาทชื่นชอบซุปหวานแบบนี้ "

          หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่ฮองเฮา และขบคิดว่าจะทำอย่างไร? จะไล่นางออกไปตรงๆ หรือหลอกนางด้วยคำพูด? เมื่อฮองเฮาโจวเห็นว่าหนิง เสี่ยวเหยา ยังคงยืนนิ่งอยู่ นางก็รู้สึกประหม่าขึ้น มีข่าวลือว่าฝ่าบาทปะทะกับพระพันปีและอุปราชในเรื่องของโหลว จื่อกุ้ย ดังนั้นฮองเฮาจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดี เมื่อฝ่าบาทที่เต็มไปด้วยความโกรธเห็นฮองเฮาที่พระพันปีไม่ชื่นชอบ เขาจะพยายามพูดคุยกับนางเพื่อกระตุ้นให้พระพันปีไม่ชอบใจก็ได้? ตราบใดที่นางพูดคุยกับฝ่าบาทและชักชวนให้เขาดื่มน้ำซุป เช่นนั้นนางและลูกก็จะมีความหวังในการรอดชีวิต แต่ตอนนี้ความเงียบของหนิง เสี่ยวเหยา กำลังบั่นทอนความกล้าหาญของฮองเฮาโจวลง

          หนิง เสี่ยวเหยาได้สังเกตเห็นฮองเฮาโจว ในขณะที่นางยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยหัวที่ก้มลง หดไหล่ลงเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าที่ประหม่าและซีดของนางอย่างเห็นได้ชัด ฮองเฮาโจวถึงกับตัวสั่น จิตใต้สำนึกของนางอยากจะหลีกเลี่ยงมือของหนิง เสี่ยวเหยาเพราะนางมีคนที่นางรักอยู่แล้ว แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง คนที่อยู่ตรงหน้านางคือคนที่จะทำให้นางมั่นใจได้ว่านางและลูกของนางจะมีชีวิตอยู่

          "กลับไปเสีย” หนิง เสี่ยวเหยา พยายามพูดขึ้นตรงข้ามกับความคิด "ข้าไม่ชอบซุปหวาน"

          ฮองเฮาโจวแสดงออกถึงความสิ้นหวัง ทำให้หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนเลวที่รังแกคนอื่น เธอไม่มีหัวใจที่มองอีกต่อไปและหันหน้าออกไปมองไปที่หน้าต่างแทน "ตอนนี้ ข้าต้องดูแลเรื่องของแม่ทัพ ข้าจะพบเจ้าเพื่อพูดคุยในอนาคต"

          ฮองเฮาโจวเหลือบมองถาดอาหารบนโต๊ะน้ำชา นางมาจากครอบครัวของแม่ทัพและรู้วรยุทธ นางสามารถบังคับฝ่าบาทให้ดื่มน้ำซุปได้ แต่หลังจากนั้นนางจะทนรับความโกรธได้อย่างไร? การวางยาเขา จากนั้นก็เสนอตัวเองไปให้เขา มันจะแตกต่างไปจากการบังคับและใช้วรยุทธกับเขาได้อย่างไร

          "ข้าชอบกินเนื้อสัตว์" หนิง เสี่ยวเหยา พูดขึ้นอย่างจริงจัง "เมื่อเจ้าส่งอาหารมาในอนาคต ให้หมูตุ๋นแดงหรืออะไรก็ได้ ที่จะขจัดความหิวได้ " เธอจะอิ่มได้อย่างไรจากซุปหวาน? ช่วยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อคนที่ต้องอาศัยอยู่ในโลกที่กำลังจะแตกอย่างเธอหน่อย การกินอิ่มนั้นหมายถึงความสุขที่แท้จริงเชียวนะ!

          ฮองเฮาโจวไม่แน่ใจว่าหนิง เสี่ยวเหยา กำลังล้อนางเล่นอยู่หรือไม่ เขาอาจถูกคุมขังอยู่แต่ภายในดินแดนของอุปราชเซี่ย มาก่อนและใช้เวลาอยู่กับความเหงา แต่พวกเขามีอาหารอยู่เสมอ แล้วฝ่าบาทจะทรงหิวโหยมาก่อนได้อย่างไร?

          "ไปได้แล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาโบกมือให้ฮองเฮาโจว นางจึงทำได้เพียงถอยออกไป แต่ก็เหลืองมองไปที่ถ้วยชาก่อนที่นางจะจากไป ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงกินมัน พวกมันก็คงจะถูกเททิ้งอย่างแน่นอน

          เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เห็นว่าฮองเฮาโจวจากไปแล้ว เธอก็หันกลับมายกฝาครอบออกจากถาดอาหาร ชามซุปหวานถูกห่อด้วยผ้าฝ้ายบางและยังมีไอน้ำความร้อนระเหยออกมาให้เห็น น้ำซุปที่คล้ายกับน้ำเชื่อมและภายในมีดอกลิลลี่ พุทราเชื่อมและขิงชิ้นบาง ๆ ลอยอยู่ หนิง เสี่ยเหยา กลืนน้ำลายลงคอ เธอเคยเห็นสิ่งเหล่านี้ในภาพถ่ายมาก่อน สำหรับดอกลิลลี่ พุทราเชื่อม ในโลกที่กำลังจะแตกของเธอคือสถานที่ที่ข้าวและแป้งขาดแคลน แล้วสิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ได้อย่างไร?

          "คนไม่เต็มเต็งอยากจะกินหรือ?" แมวอ้วนสีเหลืองถามขึ้นจากด้านนอก

          แมวขาวที่มีขนยาวตอบขึ้น "ข้ารู้ว่าชามไหนมียา ทั้งสองมีสีที่แตกต่างกัน "

          หนิง เสี่ยวเหยา ไม่ได้พูดอะไร แต่เอาชามซุปหวานออกจากที่วางของพวกมันและวางไว้บนโต๊ะน้ำชาแทน

          "ชามไหนมียา" นกกางเขนตัวผู้ถามขึ้น

          "ขามที่อยู่ด้านซ้าย เหมียว" แมวขาวขนยาวพูดขึ้น

          ด้านซ้ายหรือ หนิง เสี่ยวเหยา เหลือบมองไปที่ชามสองใบ หนึ่งสีแดงและสีคราม จากนั้นเธอก็มองไปที่ซุปข้างในชาม พระเจ้าเธอหิว มนุษย์ที่มีความสามารถในการเยี่ยวยามีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษหลายร้อยชนิด ดังนั้นการกินยาปลุกกำหนัดเข้าไปเล็กน้อยสำหรับพวกเขามันคงจะไม่น่าเกิดผลอะไร เธอวางชามสีครามลงไปในที่ของมัน และหยิบอีกชามขึ้นมาและเดินออกจากห้องไป ในขณะที่เริ่มดื่มจากชามสีแดงในมือของเธอ

          แมวและนกกางเขนนอกหน้าต่าง ต่างก็เต็มไปด้วยเงียบ คนไม่เต็มเต็งผู้นี้ได้ดื่มน้ำซุปที่ถูกวางยาเข้าไปแล้ว แม้จะได้รับการปฏิบัติเหมือนหมากรุกโดยครอบครัวของนาง นางก็ยังคงคิดว่าท่านตาของนางและพระพันปีเป็นคนดีที่สุดในโลก แล้วใครจะรักษาพิษของนางในตอนนี้เล่า? ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะรุนแรงขึ้น ...

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 17: ความลับของซุปหวาน


          หนิง เสี่ยวเหยา บอกนางกำนัลว่าให้หาสถานที่ที่เงียบๆ ในขณะที่นางกำนัลผู้นั้นถือถุงขนาดเล็กไว้ในมือ ซึ่งเป็นของที่ฮองเฮาโจวใส่มันไว้ในมือของนาง ยังมีอาหารที่ฮองเฮาได้นำมาด้วยเช่นกัน หลังจากที่เรียกคนมาเพื่อลองอาหารว่ามียาพิษอยู่หรือไม่เสร็จแล้ว นางก็สั่งให้พวกเขานำอาหารไปที่ห้องโถงด้านข้าง ซึ่งมีเตียงอยู่ภายในห้องนี้ด้วย มันถูกแบ่งออกเป็นห้องภายในและด้านนอก ตอนนี้ทุกคนในวังต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดปรานฮองเฮาโจว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับทักษะของนางเองว่าจะทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้หรือไม่ สำหรับสถานที่เงียบสงบนั้น มีส่วนไหนบ้างของพระราชวังที่ไม่เงียบ? ใครกล้าที่จะตะโกนและกรีดร้องในพระราชวังบ้าง?

          เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เดินเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง เธอได้ยินเสียงเหมียวดังขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง หัวหน้าแมวดำและกลุ่มของเขา กำลังนั่งอยู่ในเตียงดอกไม้ข้างนอก ในขณะด้านบนของพวกเขาคือต้นอู๋ถงขนาดใหญ่ที่มีนกกางเขนนั่งอยู่ในรัง ทุกคนกำลังมองเข้าไปในห้อง หนิง เสี่ยวเหยา จับหน้าผากของเธอและสงสัยว่ามนุษย์คนใดได้พูดความลับใด ๆ ต่อหน้าสัตว์เล็ก ๆ เหล่านี้หรือไม่

          "หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทอายุยื่นหมื่นปีหมื่น ๆ ปี เพคะ" ฮองเฮาโจวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่เห็น หนิง เสี่ยวเหยาเดินเข้ามาในห้องและคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพเธอ

          หนิง เสี่ยวเหยา ก้าวไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการคำนับและสำรวจฮองเฮาโจวอย่างรวดเร็ว หญิงสาวคนนี้อายุสิบเจ็ดปี นางมีรูปร่างที่อ้วน แต่มีผิวสีขาวเหมือนหิมะ คิ้วโค้งเรียวเข้ากับดวงตาหงส์ที่เงยขึ้น นางเป็นหญิงงามมากทีเดียว

          "ไม่จำเป็นต้องมากความ" หนิง เสี่ยวเหยา ก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อช่วยพยุงนางลุกขึ้น

          การเคลื่อนไหวของเธอทำให้ฮองเฮาโจวตกใจ ฝ่าบาทไม่ชื่อชอบนางดังนั้นหลังจากแต่งงานแล้วเขาไม่เพียงแต่ไม่เคยสัมผัสนาง แต่ยังไม่ค่อยมาพบนางด้วยตัวเองแม้สักครั้ง ฮองเฮาโจวไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาช่วยนางเช่นนี้

          "มีอะไรหรือ?" หนิง เสี่ยวเหยา เหลือบมองการแสดงออกทางสีหน้าที่มึนงงของฮองเฮาโจว

          ฮองเฮาโจววางมือของนางลงไปที่มือของหนิง เสี่ยวเหยา ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ "หม่อมฉันขอบพระทัพฝ่าบาทเพคะ"

          ทันทีที่หนิง เสี่ยวเหยา ปล่อยมือ รอยยิ้มบนใบหน้าของฮองเฮาโจวก็แข็งขึ้น ไม่ดีแล้ว สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง ทำไมฮองเฮาตั้งครรภ์? ใครทำ? คนตัวเล็ก ๆ ในหัวใจของหนิง เสี่ยวเหยา กำลังตะโกนออกมาดัง ๆ ผู้ชายคนไหนสัมผัสผู้หญิงของเธอ อา ... .

          "หม่อมฉันได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ลานประหาร" ฮองเฮาโจวได้ลดศีรษะลง ในขณะที่นางพูดขึ้นด้วยเสียงที่ต่ำ จึงไม่ได้เห็นการแสดงออกที่แข็งค้างของหนิง เสี่ยวเหยา

          เช่นนั้นหรือ” หนิง เสี่ยวเหยาตอบ ทุกคนบอกว่าการเข้าไปในพระราชวังก็เหมือนกับการเดินเข้าไปในทะเลลึก มันเป็นโลกที่แตกต่างไปจากไปอย่างสิ้นเชิงจากภายในกำแพงแห่งนั้น แต่ทำไมเธอรู้สึกว่าพระราชวังแห่งนี้เปรียบเหมือนลำธาร? ข่าวจากข้างนอกเดินทางเร็วราวสายฟ้าผ่า รวดเร็วราวกับว่ากำแพงพระราชวังไม่ได้มีอยู่

          "ฝ่าบาทคงต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปข้างนอกแล้ว" ฮองเฮาโจวพูดขึ้น "หม่อมฉันลงมือทำซุปโสมหวานมาเพื่อให้ฝ่าบาทได้ลองดูเพคะ"

          หนิง เสี่ยวเหยามองไปที่โต๊ะน้ำชาที่อยู่เบื้องหลังฮองเฮาโจว ที่นั่นมีกล่องอาหารวางอยู่ ในที่สุดเธอก็เจออาหารบางอย่างเข้าแล้ว!

          "ฝ่าบาท" ฮองเฮาโจวยกศีรษะขึ้นเพื่อพบกับสายตาของหนิง เสี่ยวเหยาและคำพูดของนางก่อนหน้านั้นอีกครั้ง "ฝ่าบาทพระองค์คงจะเหน็ดเหนื่อยจากเดินทางไปนอกวังใช่ไหมเพคะ?"

          เธอเหนื่อย ทั้งทางร่างกายและอารมณ์ หนิง เสี่ยวเหยา เดินไปที่โต๊ะน้ำชา ข้างนอก นกกางเขนบนต้นอู๋ถงขนาดใหญ่ เห็นหนิง เสี่ยวเหยา ยกฝาปิดกล่องอาหารออกและเริ่มร้องเจี๊ยก ๆ ขึ้น ด้านหลังของหนิง เสี่ยวเหยา ฮองเฮาโจวยิ้มขึ้นก่อนจะพูดขึ้น "นกกางเขนกำลังร้องเพลง ดังนั้นข่าวดีอาจจะกำลังเดินทางมาแล้วนะเพคะ?"

          "เจี๊ยก ๆ คนไม่เต็มเต็งผู้นี้จะถูกกินโดยฮองเฮาในวันนี้" นกกางเขนอีกตัวพูดขึ้น "มียาปลุกกำหนัดอยู่ในชามซุป! เจี๊ยก เจี๊ยก ๆ วันนี้ฮองเฮาจะพาคนไม่เต็มเต็งขึ้นเตียง! "

          "ลืมมันไปได้เลย" หัวหน้าแมวดำมองขึ้นไปที่นกกางเขน "หนิงหยู เป็นผู้หญิง เมื่อนางอยู่บนเตียง นางจะให้ลูกกับฮองเฮาได้อย่างไร? "

          "เมื่อฮองเฮารู้ความลับนี้ นางจะสามารถใช้มันเพื่อข่มขู่คนไม่เต็มเต็งได้!" นกกางเขนตัวเมียมองอย่างเหยียดหยันไปที่หัวหน้าแมวดำ และกระพือปีกขึ้น "ฮองเฮาและแม่ทัพซูมีความรักที่แท้จริงต่อกัน!"

          หัวหน้าแมวดำดูถูกคู่ของนกกางเขนและโบกอุ้งมือของเขาขึ้น "เจ้ากำลังพูดเหมือนคนเลว อุปราชและพระพันปีจะไม่ฆ่าฮองเฮาหรือ ตรงกันข้าม! ฮองเฮาจะตายเมื่อนางได้รู้ความลับของคนไม่เต็มเต็งผู้นี้ เหมียว! "

          "นางจะไม่ตาย" นกกางเขนตัวเมียร้องขึ้น

          "นางจะตาย!" หัวหน้าแมวดำตะโกน


          แมวและนกกางเขนเริ่มโต้เถียงกัน หนิง เสี่ยวเหยารู้สึกไม่สบายตัว  ฮองเฮามาที่นี่ในวันนี้เพื่อวางยาเธอเพื่อให้พวกเขาสามารถม้วนไปรอบๆ ใต้ผ้าห่มด้วยกันหรือ เพื่อปกปิดความสัมพันธ์ของนางกับแม่ทัพซู นั้นก็หมายความว่า นางต้องการทำให้เธอเป็นพ่อของเด็กทารกหรือ? ทำไมนางต้องทำกับเธออย่างโหดร้ายเช่นนี้ด้วย 

วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 16: ฮองเฮาของเข้าเฝ้า


          วันนี้เป็นวันที่สองของฮ่องเต้ที่ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ ดังนั้นแม่ทัพนายพลจึงรู้สึกเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่หนิง เสี่ยวเหยาจะไม่คุ้นเคยกับพระราชวัง หนิง เสี่ยวเหยา ใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น "ออกไปข้างนอกและถามใครซักคน ทุกคนต่างก็มีวรยุทธ ดังนั้นถ้าพวกเจ้าพบพวกประเภทหยิ่งผยองและไม่ต้องการช่วยเหลือ เพียงแค่สั่งสอนพวกเขา สั่งสอนจนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นมิตรและง่ายที่จะควบคุม"

          "นี่เป็นราชโองการหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?" แม่ทัพนายพลไม่กี่นายฉลาดมากพอที่จะถามอย่างนอบน้อมขึ้น

          "ฮืม? หนิง เสี่ยวเหยา คิดชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า "ใช่ มันเป็นราชโองการของฮ่องเต้" ถ้ามันเป็นเรื่องง่ายดาย เธอก็จะเปลี่ยนคำพูดของเธอเป็นราชโอการให้หมด

          แม่ทัพนายพลได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก่อนที่จะพร้อมกันคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพต่อหนิง เสี่ยวเหยา จู่ๆ พวกเขาก็ปฏิบัติต่อหนิง เสี่ยวเหยาในฐานะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาควรจะปฏิบัติต่อผู้เป็นนายของพวกเขา นอกจากนี้พวกเขาอยากจะขอบคุณเธอด้วย

          หนิง เสี่ยวเหยา กระโจนขึ้นและรีบโบกมือเธอขึ้นทันที "ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า รีบไปนำน้ำอุ่นและผ้ากอซพันแผลมาช่วยท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด"

          ฟางถัง ลุกขึ้นและถามขึ้น "ฝ่าบาทอะไรคือผ้ากอซพันแผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

          หนิง เสี่ยวเหยา เงียบก่อนที่จะตอบขึ้น "มันแค่ต้องสะอาด ผ้าพันแผลที่ยังไม่ได้ใช้ก็เท่านั้น"

          ตอนนี้แม่ทัพนายพลต่างก็เข้าใจ หลังจากคำนับด้วยและพูดขึ้นพร้อมกันว่า 'กระหม่อมน้อมรับรางโองการ' พวกเขาก็ออกไปหาหมอหลวงและน้ำร้อน เมื่อพวกเขาออกไป หนิง เสี่ยวเหยา ก็หันไปสังเกตโหลว จื่อกุ้ย อีกครั้ง ดวงตาของเขาถูกปิด แต่เปลือกตาของเขาสั่น ยังไม่ชัดเจนว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วหรือแสร้งทำเป็นหลับอยู่ หรือรู้สึกเจ็บปวดในขณะที่หลับ แต่หนิง เสี่ยวเหยา ก็นั่งลงไปข้างเตียงและเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะวางมือลงบนไหล่ แสงสีเขียวอ่อนกระจายตัวออกมา หนิง เสี่ยวเหยาใช้กำลังทั้งหมดของเธอเพื่อดึงพลังทั้งหมดของเธอออกมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนขาวซีดจากผลที่เกิดขึ้น แต่บริเวณรอบ ๆ กระดูกของโหลว จื่อกุ้ย เริ่มที่จะมีเนื้อใหม่เติบโตขึ้นและค่อยๆปกปิดกระดูกที่เผยให้เห็นก่อนหน้านี้

          โหลว จื่อกุ้ย ที่ครึ่งหมดสติครึ่งมีสติได้รับความสดชื่นจากกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญ้าและพืช หัวคิ้วที่งดงามของเขาที่ขมวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายออก ในขณะที่ความเจ็บปวดจางหายไป เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกห่อหุ้มไปด้วยความอบอุ่นอย่างเช่นชั่วโมงที่ผ่านมาและตกลงไปในความฝันและนอนหลังสนิทไปอีกครั้ง หนิง เสี่ยวเหยา ดึงมือของเธอออก ร่างกายของเธอปกคลุมด้วยไปเหงื่อจากการรักษาอาการบาดเจ็บของเขา เธอทรุดตัวลงข้างเขาและพึมพำขึ้นว่าร่างกายใหม่ของเธออ่อนแอมากแค่ไหน ในอนาคตเธอจะต้องฝึกมันเสียหน่อย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่ในโลกที่ปราศจากซอมบี้ ดังนั้นเธอจึงต้องปรับร่างกายให้แข็งแกร่งเพื่อที่จะให้มีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลาหลายๆ ปี

          "ฝ่าบาทเพคะ" นางกำนัลร้องเรียกขึ้นจากด้านนอก หวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้

          หนิง เสี่ยวเหยา กำลังหายใจอย่างหนัก ในขณะที่เธอนอนบนเตียงไม่เต็มใจที่จะตอบ

          "ฝ่าบาทเพคะ?" นางกำนัลร้องเรียกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ฟังเหมือนเสียงร้องไห้จริงๆ

          หนิง เสี่ยวเหยา จึงเพียงลุกขึ้นนั่งและถามออกไป “มีอะไร?" ถ้าพระพันปีอยากพบหน้าเธออีกครั้ง หนิง เสี่ยวเหยาก็สาบานว่าเธอจะไม่ไปในครั้งนี้แม้ว่าเธอจะตายไปแล้วก็ตาม!

          เมื่อได้ยินเสียงหนิง เสี่ยวเหยาดังขึ้น นางกำนัลด้านนอกก็รีบร้อนพูดขึ้น "เรียกฝ่าบาท ฮองเฮาของเข้าเฝ้าเพคะ"

 “อุ๊บ..แค่กๆๆ“!

          หนิง เสี่ยวเหยา ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง เธอได้ยินผิดหรือไม่? ฮองเฮาหรือ เธอมีฮองเฮาด้วยหรือ?!

          "ฝ่าบาทเพคะ?" นางกำนับถามขึ้นอีก "ฝ่าบาทไม่ต้องการพบฮองเฮาหรือเพคะ?"

          หนิง เสี่ยวเหยา กระโดดลงจากเตียงและนอนราบลงไปบนพื้น พวกเขาได้วางหมากไว้อย่างสมบูรณ์จริงๆ ในครั้งนี้ ลืมไปเลยเกี่ยวกับการแต่งผู้หญิงคนหนึ่งให้เป็นผู้ชายเพื่อโกงบัลลังก์ ที่สำคัญเธอยังมีภรรยาอีกด้วย ไม่มีอะไรดีๆ ที่จะมาจากเรื่องนี้แล้วหรือ! แล้วอีกอย่าง หนิงหยูกับหญิงสาวคนนั้นใช้คืนแต่งงานของพวกเขาทำอย่างไรกัน?

          "ฮองเฮาต้องการมาเคารพฝ่าบาทเพคะ" นางกำนัลพูดขึ้นอีกครั้ง

          แม้ว่าเธอจะไม่พบฮองเฮาครั้งนี้หรือครั้งต่อไป เธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงนางได้ตลอดไป เพราะมันเป็นไปไม่ได้ หนิง เสี่ยวเหยา เต็มไปด้วยความรำคาญก่อนจะพูดขึ้น “ให้นางเข้ามา"

          เมื่อฮ่องเต้อนุญาตนางกำนัลก็รับคำสั่งและเตรียมตัวที่จะออกไป

          "อย่าพานางมาที่นี่" หนิง เสี่ยวเหยา หันกลับไปเห็นโหลว จื่อกุ้ย นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง "หาสถานที่เงียบสงบและนำฮองเฮาไปที่นั่น แล้วข้าจะตามไป"


          นางกำนัลรับคำสั่งและจากไปอย่างรีบร้อน 

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 15: ไม่มีทางช่วยท่านแม่ทัพ


          หนิง เสี่ยวเหยาเดินออกมาจากห้องโถงในตำหนักพระพันปีรู้สึกว่าชีวิตนั้นยากลำบาก เธอเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เห็นต้นไม้ที่ออกดอก ทะเลสาบและนกต่าง ๆ และปลา อารมณ์ของเธอจึงค่อยๆดีขึ้น หนิง เสี่ยวเหยาไม่เคยเห็นโลกเช่นนี้ในขณะที่เติบโตขึ้นมาในโลกที่กำลังตะแตก ไม่ว่ามีชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน มันจะยากลำบากไปกว่าการอยู่กับภัยคุกคามที่สามารถถูกซอมบี้กินได้ตลอดเวลาอีกหรือ? ในทันทีหนิง เสี่ยวเหยา เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอไม่กลัวแม้แต่ซอมบี้ ดังนั้นทำไมเธอถึงกลัวคนปกติ? คนประเภทนี้ยังไม่ได้พัฒนาเลยด้วยซ้ำ! ตลกจริงๆ!

          เมื่ออารมณ์ดีขึ้นความเร็วในการเดินของ หนิง เสี่ยวเหยา ก็เพิ่มขึ้น นางกำนัลและขันทีผู้ติดตามฮ่องเต้ยังตามมาไม่ทัน เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาเริ่มออกวิ่งทุกคนก็ตระหนักว่าฮ่องเต้ได้หายไปจากสายตาของพวกเขาแล้วเพียงแค่ก้าวกระโดด พวกเขาทั้งหมดไม่ได้พูดอะไร พวกเขาจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับพระพันปีฟังได้อย่างไร? นอกจากนี้ใครบอกว่าฮ่องเต้ศึกษาเฉพาะหนังสือไม่ใช่วรยุทธ?

          หนิง เสี่ยวเหยา เดินผ่านตำหนักในวังไปจนถึงสวนขนาดใหญ่ ในขณะที่ร้องเพลง “ไปฆ่าซอมบี้กันเถอะ ฉันจะฆ่าซอบี้......” เดือนเมษายนเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับต้นไม้ที่จะงอกใหม่ออกมา ดังนั้นหนิง เสี่ยวเหยา จึงเห็นใบของต้มโบตั๋นปกคลุมท้องฟ้าในทันทีที่เธอมองขึ้นไป

          ฮะ! หนิง เสี่ยวเหยา โยนหญ้าที่อยู่ในมือของเธอออกไปและวิ่งอย่างร่าเข้าไปในป่า ช่างเป็นโลกที่สวยงามจริงๆ!

          ในเวลาเดียวกัน แมวสี่ตัวกำลังประชุมกันอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง

          "เหมียว" แมวค่อนข้างผอมเลียอุ้งเท้าแมวตัวตัวใหญ่ที่เป็นหัวหน้า อย่างน่าชื่นชมและพูดว่า "หัวหน้า ไม่มีทางช่วยท่านแม่ทัพสูงสุดได้แล้วหรือ"

          แมวดำหัวหน้า เลียแมวผอมจนมันคะมำและพูดขึ้น "มันเกิดอะไรขึ้น? คนไม่เต็มเต็งผู้นั้นยังไม่ได้ช่วยท่านแม่ทัพสูงสุดและนำเขากลับมาอีกหรือ? "

          ในป่า หนิง เสี่ยวเหยา ถึงตัวแข็งค้างที่ถูกเรียกว่าโง่อีกครั้ง ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนช่วยท่านแม่ทัพสูงสุดและพาเขากลับมาหรือ!?

          แมวผอมหมุนไปรอบๆ ก่อนที่จะนั่งตัวตรงและบอกซ้ำถึงสิ่งที่ได้ยินจาก อุปราชเซี่ยและพระพันปีภายใต้รถม้าของพวกเขา เพื่อหัวหน้าแมวดำและแมวตัวอื่น ๆ บนต้นไม้และมนุษย์ใต้พวกเขาได้ยินก็ตะลึงไปตามๆ กัน ไม่นานหัวหน้าแมวดำ ก็ร้องอย่างเศร้าๆ ขึ้น "เหมียว มนุษย์ที่น่ารังเกียจ!"

          หนิง เสี่ยวเหยา กระทีบเท้าของเธอ ก่อนที่จะหันหลังและรีบวิ่งออกไปจากป่า มียาพิษอยู่บนใบมีดของผู้ประหารชีวิตหรือ? ชายชราสารเลว! แมวสี่ตัวบนต้นไม้ได้ยินเพียงเสียงหนิง เสี่ยวเหยาตะโกน ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่ามนุษย์ได้ปรากฏตัวอยู่ข้างใต้พวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อพวกเขามองอีกครั้ง พวกเขาก็เห็นว่ารูปร่างที่วิ่งไปอย่างบ้าคลั่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น หนิงหยู

          "พวกเราตามไป" หัวหน้าแมวดำกระโดดระหว่างกิ่งก้านราวกับบินได้จนกระทั่งเขามาถึงพื้นดิน จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปจากป่าพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาที่ตามมา

          มนุษย์ที่วิวัฒนาการแล้ววิ่งได้ราวกับลมเมื่อพวกเขารีบร้อน หนิง เสี่ยวเหยามาถึงห้องนอนของเธอภายในชั่วลมหายใจ ในขณะที่ทุกคนที่ติดตามฮ่องเต้ยังคงกระจัดกระจายออกไปตามหาฮ่องเต้อยู่ในสวน นางกำนัลและขันที่อยู่ที่ตำหนักรู้สึกว่ามีสายลมพัดผ่านพวกเขาไปและไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นร่างของหนิง เสี่ยวเหยาได้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำ

          ฟางถังและคนส่วนที่เหลือคอยเฝ้าระวังอยู่รอบเตียง พวกเขาไม่รู้วิธีการรักษาผู้ป่วยและไม่สามารถหาหมอเพื่อมาดูแผลของโหลว จื่อกุ้ย ได้ เมื่อได้ยินว่ามีใครบางคนเตะเปิดประตูออก แม่ทัพนายพลสองสามคนก็รีบหันกลับไปมองไม่แต่ก็เห็นใครที่นั่น เมื่อพวกเขาหันกลับมาพวกเขาก็ได้เห็นหนิง เสี่ยวเหยายืนอยู่ข้างเตียงแล้ว ตอนนี้โหลว จื่อกุ้ย กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เขาจึงยังไม่สามารถฟื้นพลังกายของเขาได้ หนิง เสี่ยวเหยา ฟังการหายใจและการเต้นของหัวใจของเขา ก่อนปล่อยลมหายใจออกมา ในขณะที่เธอกำลังเดินเล่นไปตามสวนและเพลิดเพลินกับโลกที่สวยงาม ท่านแม่ทัพก็กำลังตายจากพิษ!

          ฟางถังถามอย่างระมัดระวังขึ้น "ฝ่าบาท พระองค์ ... ?"

          หนิง เสี่ยวเหยา ก้มลงไปและใช้มือของเธอสัมผัสไปเบา ๆ ที่บาดแผลบนไหล่ของโหลว จื่อกุ้ย ฟางถัง ต้องการถามคำถามเพิ่มเติม แต่แม่ทัพนายพลข้างๆ เขาดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้เพื่อบอกให้เงียบ หัวไหล่ของโหลว จื่อกุ้ย ถูกตัดเนื้อไปจากนั้นก็ถูกทำลายด้วยอาวุธ ตอนนี้ผิวของเขาเหลืออยู่น้อยกว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของผิวก่อนหน้าของเขา ในขณะที่บริเวณส่วนลึกของบาดแผลได้เผยให้เห็นถึงกระดูก หนิง เสี่ยวเหยาหรี่ตาเพื่อที่จะมองให้ลึกลงไปอีกแต่ก็มองไม่เห็นสารพิษอะไร เธอเพิ่มความกดดันของเธอลงไปในฝ่ามือที่ปกคลุมบาดแผลจนกว่ามันจะเริ่มมีเลือดออกอีกครั้ง

          เมื่อเห็นมือของหนิง เสี่ยวเหยา แช่ไปด้วยเลือดของท่านแม่สูงสุด แม่ทัพนายพลก็ไม่สามารถอดทนไว้ได้อีกแล้วและร้องขึ้น "ฝ่าบาท!!"

          หนิง เสี่ยวเหยาเพียงแค่พูดขึ้น "ถ้าเจ้ามีพลังมากเช่นนั้น ทำไมไม่ไปเอาน้ำร้อนและผ้าพันแผลมา?" มีเธออยู่ที่นี่พวกเขาไม่ต้องการยา แต่บาดแผลของโหลว จื่อกุ้ย ยังไม่หายเป็นปกติ ดูเหมือนว่าพวกเขาควรพันแผลมันก่อน

          "ที่ไหน พวกเราจะไปเอามันมาจากที่ไหน พ่ะย่ะค่ะ?"ฟางถังถามขึ้น นี่คือตำหนักมังกร มันเป็นสถานที่ที่พวกเขาสามารถวิ่งไปรอบๆ ราวกับคนตาบอดได้อย่างนั้นหรือ?

          เมื่อเห็นว่าไม่มีสัญญาณของสารพิษในเลือด หนิง เสี่ยวเหยา ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ดูเหมือนว่าเธอจะกำจัดยาพิษออกไปเมื่อเธอรักษาท่านแม่ทัพสูงสุดที่ลานประหารไปแล้ว ทำได้ดีมากพลังเยี่ยวยา!

ฝ่าบาท?ฟางถังร้องขึ้น


          "ข้าก็ไม่รู้" หนิง เสี่ยวเหยายักไหล่ให้ฟางถัง เธอเพิ่งมาที่นี่วันนี้และใช้เวลาทั้งหมดไปกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่รู้แม้กระทั่งว่าห้องครัวเพื่อต้มน้ำร้อนอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 14: ถ้าองค์รัชทายาทไม่ตาย ฝ่าบาทก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้




          "ฝ่าบาท ในอนาคตฝ่าบาทควรระลึกไว้เสมอว่าต้องนำทหารองครักษ์ติดตัวมาด้วย มิฉะนั้นพระพันปีผู้คงต้องเป็นกังวล "

          ในห้องโถงในตำหนักของพระพันปี นางกำลังยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเพื่อเช็ดฝุ่นบนหน้าผากของหนิง เสี่ยเหยา ในขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้ว่า หนิง เสี่ยวเหยา มาพร้อมกับการเตรียมพร้อมในการต่อสู้ที่เธอเคยใช้ในการฆ่าซอมบี้ แต่คำแนะนำที่อ่อนโยนของพระพันปีทำให้เธอรู้สึกงงงวย นี่ไม่ถูกต้องผู้หญิงคนนี้เล่นนอกบทอีกแล้วหรือ?

          อุปราชเซี่ย นั่งอยู่ในที่นั่งถัดไปที่มีความสำคัญลองลงมาทางด้านซ้ายของพระพันปี เขาจ้องมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา ด้วยความอุบอุ่นเช่นกัน เหมือนกับเขาต้องการจะพูดคำพูดที่รุนแรง แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะพูดเช่นนั้น ช่างเป็นฉากอ่อนโยนและที่รักใคร่จนทำให้เส้นขนของหนิง เสี่ยว ตั้งขึ้นทั้งหมด เขาก็แสดงนอกบทเหมือนกันหรือ?

          "ฝ่าบาท อ่า" พระพันปี ดึงมือหนิง เสี่ยวเหยาไปจับไว้

          อืม?” ตอนนี้หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับไปไม่เป็น

          "ทำไมพระองค์ถึงช่วยคนทรยศเช่นโหลว จื่อกุ้ย? มีใครบอกอะไรบ้างอย่างกับพระองค์หรือ?" พระพันปี เงยหน้าขึ้นและมองมาที่นาง

          หนิง เสี่ยวเหยา จ้องมองกลับมาอย่างนิ่งๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคน ๆ นี้ถึงได้ทำดีกับเธอ เพื่อที่จะให้เธอยอมพูดออกมานั้นเอง

          เมื่อเห็นว่าหนิง เสี่ยวเหยา ไม่ได้พูดอะไร พระพันปี ก็ลูบไปที่มือของนางและพูดขึ้น "โหลว จื่อกุ้ย เป็นเพื่อนที่ดีขององค์รัชทายาท ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้หรือไม่?"

          หนิง เสี่ยวเหยา ทำเสียงขึ้นจมูกเพื่อเป็นการยอมรับ โหลว จื่อกุ้ย เพิ่งบอกเธอ แต่สิ่งนี้มันจะเกี่ยวอะไรกับเธอ?

          พระพันปี เห็นว่าหญิงสาวคนนี้ยังคงสวมหน้ากากที่เต็มไปด้วยความโง่เขลา แม้แต่คำพูดของนาง นางจึงเหลือบไปที่อุปราชเซี่ย เหตุใดเขาถึงได้เลี้ยงดูคนโง่มาได้มากขนาดนี้?! อุปราชเซี่ย ปิดปากของเขาเพื่อที่จะไอและพูดขึ้น "ฝ่าบาทเก็บประเด็นว่าโหลว จื่อกุ้ย สมควรจะตายหรือไม่ลงไปก่อน กระหม่อมมีเรื่องอยากให้ฝ่าบาททรงเข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง หากปราศจากการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ฝ่าบาทก็ไม่สามารถขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้”

          "... ... " หนิง เสี่ยวเหยายังคงเงียบ เธอไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้!

          อุปราชเซี่ย พูดขึ้นต่อ "โหลว จื่อกุ้ย ต้องการหาทางแก้แค้นให้กับองค์รัชทายาท คิดเกี่ยวกับมันฝ่าบาท ใครจะเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา? "

          วิธีคิดและการให้เหตุผลของหนิง เสี่ยวเหยา อาจขัดแย้งกับคนในสมัยนี้ แต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ หลังจากคิดถึงคำว่า หากองค์รัชยาทไม่ตาย ฝ่าบาทก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ ในหัวของเธอครบ 3 ครั้ง เธอก็ค้นพบสิ่งที่อาจทำให้เธอเจ็บปวดได้โดยที่ไม่ทำร้ายเธอ พ่อกับลูกที่ไม่ดีคู่นี้วางแผนที่จะทำให้ฮ่องเต้โดยการฆ่าองค์รัชทายาท แล้วอย่างไรนะหรือ? เธอก็กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวอย่างไรเล่า

          "ฝ่าบาท" พระพันปีพูดขึ้น "ถ้าโหลว จื่อกุ้ย กลับไปที่กองทัพ เขาจะยกธงขึ้นเพื่อแก้แค้นการตายขององค์รัชทายาทและเรียกกองกำลังเพื่อก่อกบฏ เมื่อถึงเวลานั้นฝ่าบาทจะทรงทำเช่นไร? "

          ความผิดพลาด!

          หนิง เสี่ยวเหยาเป็นคนโง่ อุปราชและพระพันปีต้องการจะเลี้ยงดูเธอให้ดีก่อนที่จะฆ่าเธอ ในขณะที่ท่านแม่ทัพสูงสุดก็วางแผนที่จะฆ่าเธออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้? เส้นทางเดียวที่เหลือสำหรับเธอก็คือการหลบหนีเข้าสู่ปลายอีกด้านหนึ่งของโลกหรือไม่?

          "ใครเป็นคนบอกฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องของโหลว จื่อกุ้ย?" พระพันปีถามขึ้น

          ปากของหนิง เสี่ยวเหยาถึงกับห้อยลง เธอรู้สึกว่าไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไปแล้ว และบอกพระพันปีถึงความจริง "ได้ยินจากแมว"

          "... ... " พระพันปีและอุปราชเซี่ย ต่างก็พูดไม่ออก ดูเหมือนฝ่าบาทจะทรงต่อต้านพวกเขาจนถึงที่สุด!

          หนิง เสี่ยวเหยา ไม่ได้ยินอะไรที่อุปราชและพระพันปีพูดกับเธอหลังจากนั้น ความคิดทั้งหมดของเธอหมุนไปรอบ ๆ อยู่เพียงสามคำ จะทำอย่างไร?

          หลังจากพยายามส่งข้อมูลของโหลว จื่อกุ้ย ให้กับหนิง เสี่ยวเหยา แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ อุปราชและพระพันปี จึงไม่ต้องการจะคุยกับเธออีกต่อไป

          "ฝ่าบาทควรจะกลับได้แล้ว" พระพันปีบังคับความโกรธของตัวเองลงไปและลูบที่มือของหนิง เสี่ยวเหยาอีกครั้ง 

          หนิง เสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องโถงพร้อมกับหัวที่ก้มต่ำของเธอ เธอต้องการหาจุดที่เงียบสงบเพื่อสงบสติอารมณ์และคิดถึงอนาคตของเธอ เมื่อเธอออกมา ใบหน้าที่อ่อนโยนและสวยงามของพระพันปี ซึ่งราวกับดอกโบตั๋น ก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มขึ้นทันที นางถามอุปราชอย่างอย่างเงียบ ๆ ทันที "ท่านพ่อเห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติกับฝ่าบาทหรือไม่"

          อุปราช นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขา ดวงตาปิดสนิทไปนานโดยที่ไม่พูดอะไร ในที่สุดเขาก็ลืมตาและบอกกับพระพันปีว่า "ฝ่าบาท เปลี่ยนพระทัยแล้ว?"

          "อะไรนะ?" พระพันปี ตกใจกับคำตอบทีได้

          "หนิงหยูไม่ต้องการเป็นหุ่นเชิดอีกต่อไป" การแสดงออกของอุปราชเซี่ย กลายน่ารังเกียจในขณะที่เสียงของเขาเริ่มลดลง "นางต้องการดึงโหลว จื่อกุ้ย ให้มาอยู่ข้างนางเพื่อวัตถุประสงค์ของตัวนางเอง?"

          "มันจะเป็นไปได้อย่างไร?" เสียงของพระพันปีจู่ ๆก็สูงขึ้น

          อุปราชได้คิดย้อนกลับไปถึงคำแรกที่หนิง เสี่ยวเหยา ได้พูดกับเขาในลานประหาร ตอนนี้เขาได้คิดสองครั้งแล้ว เขารู้ว่าฮ่องเต้ตัวเล็ก ๆ ได้ใช้เขาเพื่อพิสูจน์ตัวตนของตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมฮ่องเต้ตัวเล็กๆ ถึงได้หยุดเขาและทำให้เขาหมดหนทางเช่นนั้น หนิง หยู ดวงตาของอุปราชเซี่ย เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นลงในขณะที่เขาคิด เขามองหลานสาวคนนี้ผิดไปจริงๆ