หลังจากที่หนิง
เสี่ยวเหยาออกจากห้องโถงด้านข้าง เธอก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้มันกำลังจะพลบค่ำและพระอาทิตย์เริ่มตกดินได้ย้อมสีแดงไปทั่วขอบฟ้าราวกับเปลวไฟที่ไหม้เกรียม
เธอเหลือบไปเห็นกุหลายพันปีที่ลานด้านหน้า ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของมัน จนอารมณ์ของเธอดีขึ้นพอที่จะเข้าไปในตำหนักของเธอได้
ตอนนี้ ฟางถัง และคนอื่น ๆ ได้พาหมอหลวงที่ดูอ่อนเยาว์มาเพื่อตรวจสอบการบาดเจ็บของโหลว
จื่อกุ้ย ที่ข้างเตียงมีถังน้ำและอ่างล้างหน้า
น้ำในถังยังคงสะอาด แต่น้ำในอ่างล้างหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าเหล่าแม่ทัพนายพลได้ช่วยเช็ดล้างตัวของโหลว
จื่อกุ้ยแล้ว การกระทำของพวกเขาที่รวดเร็วและครบถ้วน ทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชอบจากหนิง
เสี่ยวเหยาไม่น้อย เธอเดินที่ข้างบนเตียงแล้วก็ยื่นคอของเธอออกไปเพื่อดูหมอหลวงที่กำลังทำแผลให้โหลว
จื่อกุ้ย อยู่ในขณะนี้ ก่อนจะถามขึ้น
"อาการบาดเจ็ดของท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นอย่างไรบ้าง?"
เมื่อหมอหลวงได้ยินเสียงพูดของหนิง
เสี่ยวเหยา เขาก็ไม่กล้าหันหลังกลับมาและมองไปที่เธอ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ต้องทำความเคารพ แต่ตอนนี้ยังมีดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา!
ฟางถัง หันใบดาบออกเล็กน้อยก่อนที่จะตะโกนขึ้น
"ฝ่าบาทกำลังถามเจ้าอยู่!"
"เรียนฝาบาท แผลของท่านแม่ทัพสูงสุดดูรุนแรงมาก
แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต" หมอหลวงหนุ่มตอบ ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้
เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และนับตั้งแต่ที่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครเคยจ่อดาบไว้ที่คอของเขามาก่อน
ในเวลาเดียวกันเขาก็อยากรู้อยากเห็น ทุกคนกล่าวว่าโหลว จื่อกุ้ย ถูกทรมานจากการถูกตัดชิ้นเนื้อออกไปถึง 20 ถึง 30 ชิ้นบนแท่นประหาร
ก่อนที่จะถูกกินโดยประชาชนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลของเขากลับไม่รุนแรงเท่าที่เขาคาดเอาไว้
แม่ทัพสูงสุดโหลวดูเหมือนจะได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์หรือผู้ประหารชีวิต และแม้แต่ตระกูลโหลวทั้งหมดที่อยู่ข้างเขา
"เช่นนั้นก็ดีแล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น ก่อนจะพบเก้าอี้วางอยู่แล้วก็นั่งลงแล้ววางชามซุปไว้บนโต๊ะ
เธอสั่งแม่ทัพขึ้น "พวกเจ้า คนไหนก็ได้ไปหาห้องครัว? ทำไมเราไม่ไปหาอาหารเพื่อเติมกระเพาะอาหารของเราก่อน?" ซุปหวานอร่อย
แต่ก็ไม่ได้หยุดความหิวได้!
เหล่าแม่ทัพนายพลต่างก็เต็มไปด้วยความเงียบ
หนึ่งในนั้นจึงถามขึ้น "ถ้าหากว่าฝ่าบาททรงหิว ทำไมไม่สั่งให้พวกเขาซานชวน(นำอาหารเข้ามา)เล่าพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าใครในวังกล้าที่จะไม่รับใช้ฮ่องเต้แล้ว? "
"ซานชวนคืออะไร?" หนิง เสี่ยวเหยา ถามขึ้น
เธอได้ยินมาว่าคนก่อนหน้าที่โลกจะแตกจะสั่งอาหารที่ภัตตาคาร แต่ซานซวนมีความหมายเช่นเดียวกับการสั่งอาหารหรือไม่?
แม่ทัพนายพลจ้องมองไปที่หนิง
เสี่ยวเหยา หมอหลวงกั๋วก็อยากจะมองไปที่ฮ่องเต้ที่พูดถ้อยคำที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมา
แต่เขาไม่กล้า เพราะยังมีดาบจ่ออยู่ที่คอของเขา...
แม่ทัพนายพลแลกเปลี่ยนสายตากันและกันเพื่อแบ่งปันความคิด
ฝ่าบาทพึ่งจะขึ้นนั่งบนบังลังก์ได้ไม่นาน
ในอดีตเขาเคยอาศัยอยู่ในที่อาณาเขตของอุปราชเซี่ย
วันนี้เป็นวันที่สามที่ฝ่าบาทได้นั่งบังลังก์ของฮ่องเต้
เขาคงจะไม่คุ้ยเคยกับการเป็นฮ่องเต้
เพราะเขาใช้คำแทนตัวเองว่า "ข้า" แทนตัวเองมาตลอด
ใช่แล้ว ไม่ใช่ฮ่องเต้ทั้งหลายควรจะแทนตัวเองว่าเจิ้นหรอกหรือ
แม่ทัพนายพลคำนับลงไปต่อหน้าหนิง
เสี่ยวเหยาก่อนจะพูดขึ้น"กระหม่อมจะไปนำอาหารมาให้ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ"
"ฟังดูดี" หนิง เสี่ยวเหยาพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
"... ... " คนที่เหลือของเหล่าแม่ทัพนายพลพูดขึ้นในใจ
สารเลวเอ้ย พวกเขาลืมที่จะโค้งคำนับต่อหน้าฮ่องเต้อีกครั้งแล้ว
อาหารถูกสั่งออกไป หลังจากนั้นก็รอให้ห้องเครื่องได้ปรุงเสร็จและนำมาที่ตำหนักของฮ่องเต้
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น หนิง เสี่ยวเหยา รอที่จะกินอาหารแต่รออยู่นานแต่อาหารก็ยังไม่มาสักที
จากนั้นเธอก็ไม่สามารถนั่งสงบได้อีกต่อไปและยืนขึ้นเพื่อเดินไปที่เตียง ตอนนี้ หมอหลวงกั๋ว ได้พันแผลที่บาดเจ็บของโหลว
จื่อกุ้ย เสร็จแล้ว เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เห็นผ้าพันแผลคลุมที่หัวไหล่ของเขา เธอก็พูดขึ้น
"เจ้าสามารถอยู่กับข้าได้ในตอนนี้ เพื่อที่เจ้าจะสามารถรักษาท่านแม่ทัพสูงสุดได้ตลอดเวลา
เจ้าคิดอย่างไร?"
หมอหลวงกั๋วถึงกลับตกลงทันทีโดยไม่คิด
ลืมไปเลยเรื่องที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็สามารถฝ่าฝืนราชโองการได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการออกจากตำหนักของฮ่องเต้
และถูกจับกุมโดยคนของพระพันปีในทันที! ถ้าพระพันปีและอุปราชบังคับให้เขาทำสิ่งที่คาดไม่ถึงกับท่านแม่ทัพสูงสุด
เขาต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? เขาไม่เชื่อว่าท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวจะทรยศต่อแคว้นนี้ แต่เขาและครอบครัวไม่สามารถต่อสู้กับพ่อลูกตระกูลเซี่ยได้!
"ฝ่าบาท" หมอหลวงกั๋วบอกกับหนิง
เสี่ยวเหยาขึ้น "กระหม่อมต้องการที่จะเขียนใบสั่งยาสำหรับท่านแม่ทัพสูงสุดพ่ะย่ะค่ะ"
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ ไปได้" หนิง
เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ข้าไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับการบาดเจ็บของเขาแล้ว
ดังนั้นเจ้าก็ช่วยเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุ่งร่างกายของเขาแทนก็แล้วกัน"
"กระหม่อมจะทำตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ"
หมอหลวงกั๋ว ตอบในขณะที่เขาเหลือบมองไปที่ฟางถัง
หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่ดาบในมือของฟางถัง
ที่ยังคงจ่ออยู่ที่คอของหมอหลวงกั๋ว และตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้เห็นอะไรได้อีก
ดังนั้นเธอจึงบอกฟางถังขึ้น "ทำดีกับเขาหน่อย"
แล้วฟางถังก็เก็บดาบของเขาลงและพูดขึ้น
"ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปเป็นเพื่อนท่านหมอเพื่อรับยาพ่ะย่ะค่ะ"
"ดีๆ ไปเถอะ พวกเจ้าทุกคนสามารถออกไปได้
ข้าคนเดียวก็พอแล้วที่จะดูแลแม่ทัพสูงสุด"หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นอีก "พวกเจ้าทุกคนไปล้างมือ
พวกเราจะเริ่มมื้ออาหารในภายหลัง "
คราวนี้แม่ทัพนายพลทุกคนให้ความเคารพต่อหนิง
เสี่ยวเหยามากขึ้น และในขณะที่พวกเขาก้มศีรษะลงเพื่อทำความเคารพและจากไปพร้อมกับหมอหลวงกั๋ว