ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

เสียงร้องของวิหคเพลิง (นิยายเปล), ตอนที่ 61: ผู้รับเคราะห์



          ฮว่าน ฉ่าย ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างสงบและเงียบ ตั้งแต่ตอนที่ฮว้าน เฮิ๋ง เดินเข้ามาในตำหนักปุบผาพิสุทธิ์แล้ว เหยา โม่ว่าน รู้ว่าการพึ่งพาเช่นนี้เกิดจากความไว้วางใจ พวกเขาทั้งสองเป็นบิดา - เหยา โม่ว่าน มองไปที่ด้านข้างของนาง– แต่นางก็ไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้านางต้องพึ่งพาเหยา เจิ้นถิง ถ้านางทำเช่นนั้นจริงๆ นางอาจจะต้องเสียชีวิตไปแล้วหลายพันครั้งแล้ว

          บังอาจ! ตำหนักของข้าใช่ที่ที่เจ้าอยากจะค้นก็ค้นได้อย่างนั้นหรือ? หรือว่าแม่ทัพฮว้าน เฮิ๋งไม่ต้องการที่จะเคารพฮ่องเต้และข้าอีกต่อไปแล้ว เพียงเพราะเจ้ามีอำนาจทางทหารที่เข้มแข็งอย่างนั้นหรือ? "เหยา ซูหลานจงใจยกระดับเสียงของตัวเองเพื่อเตือนเหย่ หงอี๋

          “แม่ทัพฮว้าน เจิ้นหวังว่าเจ้าจะคิดทุกอย่าง อย่างชัดเจนและรอบคอบ เจิ้น ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่ ดังนั้นสนมกุ้ยเฟย จึงถือเป็นผู้ที่มีเกียรติมากที่สุดในวังหลัง และตำหนักตำหนักปุบผาพิสุทธิ์ ก็ไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะสามารถทำได้เพียงแค่มีความปรารถนา! "เหย่ หงอี๋ดูเหมือนจะรู้ว่าเขาเงียบไปนานและมองไปที่ฮว้าน เฮิ๋งอย่างเย็นชา

          "ฝ่าบาทกระหม่อม ยินดีที่จะใช้ตราประทับของแม่ทัพเพื่อเป็นหลักประกัน หากกระหม่อมไม่พบสรั่น ในตำหนักของพระสนมกุ้ยเฟย กระหม่อมก็จะส่งมอบตราประทับของแม่ทัพให้ฝ่าบาทและจะล้างมือจากการเมืองไปพร้อมกับภรรยาและบุตรของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"คำพูดของฮว้าน เฮิ๋งเป็นสิ่งที่เหย่ หงอี๋ ต้องการ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แม้แต่ะหยุดคิด ก่อนที่เขาจะยอมรับคำขอนั้นด้วยซ้ำ

          เหยา ซูหลานรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางรู้ดีว่าตำหนักของนางไม่เคยสรั่นอยู่ที่นี่

          "พระสนมกุ้ยเฟย กระหม่อมต้องขออภัยในความความผิดครั้งนี้ด้วย!" เมื่อฮว้าน เฮิ๋ง ได้รับการพยักหน้าของเหย่ หงอี๋ เขาเริ่มค้นหาไปรอบๆ แม้ว่าเขาจะได้รับข้อมูลแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มุ่งตรงไปที่เตียงและแต่กลับยังคงค้นหาต่อไปอย่างน่าเชื่อถือ

          ในความเป็นจริง ฮว้าน เฮิ๋งเองก็รู้สึกลำบากใจเช่นกัน เพราะข่าวนี้มาจากเหยา โม่ว่าน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนโง่เขลา ดังนั้นจึงยากที่จะบอกได้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกอย่างก็มาถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงไม่ได้มีเส้นทางอื่นให้หนีไปได้ นอกจากนี้เขาก็รู้ว่าเหตุการณ์นี้จริงๆ เป้าหมายคือเขา เนื่องจากฮ่องเต้เริ่มสงสัยว่าในความซื่อสัตย์ของเขา!

          หลังจากประมาณครึ่งหนึ่งของก้านธูป ฮว้าน เฮิ๋งก็เดินช้า ๆ ไปที่เตียง เขาคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น "กระหม่อมอภัยด้วย!"

          หลังจากนั้น เขาก็ก้มลงไปใต้เตียง เมื่อเหยา ซูหลาน เห็นว่าฮว้าน เฮิ๋ง ดูเหมือนจะมั่นใจว่ามีของอยู่ นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะมองไปที่เหย่ หงอี๋ ที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง อย่างไรก็ตามนางพบว่าสายตาของเขามีแต่เหยา โม่ว่านอย่างสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

          ในขณะนี้เสียงดังเอี๊ยดๆ ก็ดังมาจากใต้เตียง เมื่อฮว้าน เฮิ๋ง ออกมาจากใต้เตียงเขาก็มีสรั่นอยู่ในมือของเขา

          "พระสนมกุ้ยเฟยมีแผนจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?" ฮว้าน เฮิ๋ง มองไปทางเหยา ซูหลาน ด้วยสายตาที่รุนแรงของเขา

          "มัน ... มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ของเหล่านี้ไม่ได้เป็นของข้า! ตำหนักของข้าไม่เคยมีของเช่นนี้! เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า! ฝ่าบาทเพคะ! "เมื่อเหยา ซูหลานมองเห็นสรั่นในมือของฮว้าน เฮิ๋งดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ

          "เหตุใดท่านแม่ทัพฮว้านถึงได้หาสรั่นนี้พบ?" ท่าทางของเหย่ หงอี๋เปลี่ยนเป็นดำมืดขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น เขาค่อยๆมองไปที่เหยา ซูหลาน เพราะความประมาทของนางทำให้แผนการที่สร้างขึ้นอย่างระมัดระวังของเขาพัง นางสมควรจะตายจริงๆ!

          เหยา โม่ว่านกำลังเฝ้าดูละครฉากนี้ด้วยความสุขจากภายในอ้อมแขนของเหย่ หงอี๋ นางรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจของชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆนางเมื่อมันเริ่มเต้นเร็วขึ้น นางช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสมเพช! มีวิธีการมากมายที่จะจัดการกับฮว้าน เฮิ๋ง แต่พวกเขากลับเลือกแผนการที่โง่เขลา วังหลังเป็นที่สถานที่มีเหตุเกิดขึ้นมากมายและเกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย แม้แต่ฮว้าน เฮิ๋งก็จะหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ได้

          “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมพบสรั่นอยู่ในหีบที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงของพระสนมกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ! "การแสดงออกของฮว้าน เฮิ๋งเป็นเรื่องน่ากลัว เหย่ หงอี๋มองไปทางด้านหมอหลวงเจิ้ง หมอหลวงเจิ้งเข้าใจได้โดยธรรมชาติและรับสรั่นไป 

          "ไม่เพคะฝ่าบาท ...! หม่อมฉันไม่มีหีบที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงเพคะ! "ในเวลานี้เหยา ซูหลานไม่สนใจในเรื่องของศักดิ์ศรีและล้มตัวลงไปใต้เตียง สิ่งที่น่าเศร้าคือนางได้เห็นหีบขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงของนางและยังมีสรั่นเหลืออยู่ข้างในอีกด้วย

           "เหนียงเหนียง! ท่านต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพของท่าน! ได้โปรดลุกขึ้นเถิดเพคะ! "ไชอิง ไม่ได้คาดหวังว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปอย่างกะทันหันและชั่วครู่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นางจึงทำได้เพียงก้มลงไปและดึงเหยา ซูหลานขึ้นมาเท่านั้น   

           เหยา โม่ว่าน เห็นว่าใบหน้าของไชอิง เริ่มซีดลงเหมือนกระดาษเมื่อนางกลับขึ้นมาและรู้ว่าเหยา ซูหลาน ได้พบคนที่จะกล่าวโทษแล้ว ความจริงที่ว่าเหยา ซูหลานสามารถตอบสนองได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แสดงให้เห็นว่าเหยา ซูหลานยังไม่โง่ เป็นเช่นนั้นก็ดี นางไม่ต้องการให้เหยา ซูหลาน ล้มลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ นางยังสนุกไม่มากพอ!

          "ว่าอย่างไร?" เหย่ หงอี๋ กำลังหายใจหนักๆ และริมฝีปากบาง ๆ ของเขากัดเข้ากันอย่างแน่นหนา ในขณะที่เขาค่อยๆพูดขึ้น

          "ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย! ฮว้าน เฮิ๋งได้เตรียมสรั่นนี้ไว้ล่วงหน้าเพื่อใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ! "เหยา ซูหลานตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ นางไม่สามารถทำให้ตัวเองทิ้งไชอิง หญิงรับใช้ต่ำต้อยผู้นี้ได้ง่ายๆ  ดังนั้นนางจึงต้องพยายามจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย บ่าวคนนี้ทำหน้าที่รับใช้นางมานานกว่าเจ็ดปี แล้วเหยา ซูหลานก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น
  
"กระหม่อมเชื่อว่าหมอหลวงเจิ้งจะสามารถบอกได้ว่ามันถูกจัดเตรียมขึ้นจากน้ำของกระหม่อมหรือไม่!" ฮว้าน เฮิ๋ง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะที่เขาหันไปมองที่หมอหลวงเจิ้ง  

           "ทูลฝ่าบาท สรั่นนี้มีอยู่ในตำหนักหลวง และถูกเพาะปลูกขึ้นด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากหมอในตำหนักหลวงอย่างพิถีพิถันและไม่สามารถพบได้นอกพระราชวัง กระหม่อมได้ตรวจสอบแล้วและพบว่าสรั่นนี้มาจากในตำหนักหลวงจริงๆพ่ะย่ะค่ะ "หมอหลวงเจิ้งพูดขึ้น    

          เสียงของหมอหลวงเจิ้งจางหายไป เมื่อมีเสียงของอะไรบ้างอย่างดังขึ้น จากนั้นก็รอยฝ่ามือที่น่าตกใจเกิดขึ้นบนใบหน้าของไชอิง และเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของนาง

          "นางบ่าวต่ำช้า! ข้าปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี ทำไมเจ้าถึงต้องใส่ร้ายข้าเช่นนี้? "เหยา ซูหลานทำใจแข็งและผลักไชอิง ลงไปที่พื้น

          "เหนียงเหนียง โปรดเมตตา บ่าว ... บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! "ไชอิง ร้องไห้เหมือนน้ำพุและร่างผอมๆ ของนางสั่นเสาขึ้น เหยา โม่ว่าน หายใจเข้าในภายในใจของนางด้วยความรู้สึกเสียดายไชอิง

          อย่างไรก็ตาม มีประโยคที่วางไว้ได้ดี คนที่น่าสงสารก็มีส่วนที่น่าเกลียดชังอยู่ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของไชอิงในหัวใจของเหยา ซูหลาน และแน่นอนว่านางมีแผนการที่ไร้ความปราณีอย่างสิ้นเชิง

          "ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ทูลล่าเพคะ" ฮว้าน ฉ่าย ไม่ได้ส่งเสียงมาสักครู่ ในขณะที่นางยกคิ้วขึ้นเมื่อนางมองไปที่เหยา ซูหลาน ก่อนที่จะหันไปมองเหย่ หงอี๋อย่างเยาะเย้ย

          "เจิ้งผิดเอง เจิ้งจะมอบคำอธิบายที่น่าพอใจสำหรับเรื่องนี้ให้กับสนมเฉิน "เสียงของเหย่ หงอี๋ ดังขึ้นและไม่มีร่องรอยของความอบอุ่น ร่างกายของเขามีกลิ่นอายไอสังหารอย่างหนาแน่น เหยา โม่ว่าน เองก็รับรู้ได้ถึงไอสังหารนี้ เมื่อฮว้าน ฉ่ายจากไป ฮว้าน เฮิ๋ง ก็โค้งคำนับและออกจากตำหนักไปเช่นกัน

          "ฝ่าบาท  ... ว่านเอ้อร์กลัวเพคะ ... " เหยา โม่ว่าน หดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเหย่ หงอี๋ ในขณะที่นางมองหวาดกลัวในทิศทางของเหยา ซูหลาน

          "เจิ้นจะพาเจ้ากลับไปที่ตำหนัก" เหยา หงอี๋ ไม่แม้แต่จะมองไปที่เหยา ซูหลาน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับเหยา โม่ว่าน เหยา เจิ้งถิง ที่ยืนอยู่ด้านข้างส่ายหัวแล้วก็ออกไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งตำหนักจึงเงียบลงในทันที

          ภายในตำหนัก เหยา โม่ว่าน กำลังเล่นกับปุกปุยอย่างเฉื่อยชา ดวงตาที่มีชีวิตชีวาของนางนั้นบริสุทธิ์เหมือนฤดูใบไม้ผลิที่ชัดเจน นางกะพริบตาเป็นบางครั้งยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาเหล่านั้นมากขึ้น

          เหตุการณ์ที่สายเลือดมังกรได้รับพิษจนไปสู่ความตายได้รับการแก้ไขแล้ว เหย่ หงอี๋ ลงโทษไชอิง ให้ดื่มเหล้าพิษ เช่นนี้อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องพบกับชะตากรรมของการถูกตีจนตาย เพื่อประโยชน์ในการปลอบโยนฮว้าน ฉ่าย เหย่ หงอี๋ ได้ลดตำแหน่งของเหยา ซูหลานลง จากตำแหน่งกุ้ยเฟยให้กลายเป็นสนมระดับต่ำกว่าของนางสองขั้น ในตอนแรกเหย่ หงอี๋ มีเจตนาที่จะแต่งตั้งฮว้าย ฉ่ายให้เป็นกุ้ยเฟย แต่ฮว้าน ฉ่าย ได้ปฏิเสธอย่างสุภาพ เหยา โม่ว่าน รู้ว่านี่เป็นเพราะคำแนะนำของแม่ทัพฮว้าน เฮิ๋ง จากรูปลักษณ์ของเรื่องนี้ได้สั่นคลอนความซื่อสัตย์ในหัวใจของแม่ทัพฮว้าน เฮิ๋งขึ้น!

          "หยินเซี่ย" เหยา โม่ว่าน หายใจออกมาแล้วค่อยๆเรียกหยินเซี่ยขึ้น

          "นายท่านโปรดมีคำสั่ง" เหยา โม่ว่าน รู้สึกอยากจะถามหยินเซี่ยว่านางไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนในหลายๆ ครั้งและนางเองก็ให้ความสนใจกับมันทุกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้

          “บอกเปิ่นเล่ย ให้หาคนเข้าใกล้ฮว้าน เฮิ๋ง ด้วยตัวตนของทูตลับจากแคว้นซู แล้วส่งคนไปแอบตรวจสอบที่พักอาศัยของแม่ทัพและหยุดทูตที่แท้จริงของแคว้นซู จากการแทรกซึมเอาไว้ ชู โม่เป้ย คนผู้นั้น ...! "ในการแลกเปลี่ยนในอดีตของพวกเขา นางไม่สามารถได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดีคือการที่นางไม่ได้จบลงด้วยความทุกข์ของการสูญเสียใด ๆ

          "ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้จะรีบไปทันที!" เมื่อได้รับคำสั่งแล้วหยินเซี่ย ก็จากไปในทันที การเคลื่อนไหวของนางเบาเหมือนเกล็ดหิมะ จนถึงจุดที่ปุกปุยซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเหยา โม่ว่าน ก็ไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย

          "เจ้าเริ่มที่จะเกียจมากขึ้นเรื่อย ๆแล้วนะ !" เหยา โม่ว่าน ค่อย ๆ ลูบไล้ปุกปุยและจับหูมันอย่างสนิทสนม

          "เหมียววว!" ปุกปุย ร้องออกมา ก่อนจะนอนหลับไปอีกครั้ง