วันนี้เป็นวันที่สองของฮ่องเต้ที่ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์
ดังนั้นแม่ทัพนายพลจึงรู้สึกเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่หนิง เสี่ยวเหยาจะไม่คุ้นเคยกับพระราชวัง
หนิง เสี่ยวเหยา ใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
"ออกไปข้างนอกและถามใครซักคน ทุกคนต่างก็มีวรยุทธ ดังนั้นถ้าพวกเจ้าพบพวกประเภทหยิ่งผยองและไม่ต้องการช่วยเหลือ
เพียงแค่สั่งสอนพวกเขา สั่งสอนจนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นมิตรและง่ายที่จะควบคุม"
"นี่เป็นราชโองการหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?" แม่ทัพนายพลไม่กี่นายฉลาดมากพอที่จะถามอย่างนอบน้อมขึ้น
"ฮืม? หนิง
เสี่ยวเหยา คิดชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า "ใช่ มันเป็นราชโองการของฮ่องเต้"
ถ้ามันเป็นเรื่องง่ายดาย เธอก็จะเปลี่ยนคำพูดของเธอเป็นราชโอการให้หมด
แม่ทัพนายพลได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ก่อนที่จะพร้อมกันคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพต่อหนิง เสี่ยวเหยา จู่ๆ พวกเขาก็ปฏิบัติต่อหนิง
เสี่ยวเหยาในฐานะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาควรจะปฏิบัติต่อผู้เป็นนายของพวกเขา
นอกจากนี้พวกเขาอยากจะขอบคุณเธอด้วย
หนิง เสี่ยวเหยา กระโจนขึ้นและรีบโบกมือเธอขึ้นทันที
"ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า รีบไปนำน้ำอุ่นและผ้ากอซพันแผลมาช่วยท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด"
ฟางถัง ลุกขึ้นและถามขึ้น
"ฝ่าบาทอะไรคือผ้ากอซพันแผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
หนิง เสี่ยวเหยา เงียบก่อนที่จะตอบขึ้น
"มันแค่ต้องสะอาด ผ้าพันแผลที่ยังไม่ได้ใช้ก็เท่านั้น"
ตอนนี้แม่ทัพนายพลต่างก็เข้าใจ
หลังจากคำนับด้วยและพูดขึ้นพร้อมกันว่า 'กระหม่อมน้อมรับรางโองการ' พวกเขาก็ออกไปหาหมอหลวงและน้ำร้อน เมื่อพวกเขาออกไป หนิง เสี่ยวเหยา ก็หันไปสังเกตโหลว
จื่อกุ้ย อีกครั้ง ดวงตาของเขาถูกปิด แต่เปลือกตาของเขาสั่น ยังไม่ชัดเจนว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วหรือแสร้งทำเป็นหลับอยู่
หรือรู้สึกเจ็บปวดในขณะที่หลับ แต่หนิง เสี่ยวเหยา ก็นั่งลงไปข้างเตียงและเข้าไปใกล้เขา
ก่อนจะวางมือลงบนไหล่ แสงสีเขียวอ่อนกระจายตัวออกมา หนิง เสี่ยวเหยาใช้กำลังทั้งหมดของเธอเพื่อดึงพลังทั้งหมดของเธอออกมา
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนขาวซีดจากผลที่เกิดขึ้น แต่บริเวณรอบ ๆ กระดูกของโหลว จื่อกุ้ย
เริ่มที่จะมีเนื้อใหม่เติบโตขึ้นและค่อยๆปกปิดกระดูกที่เผยให้เห็นก่อนหน้านี้
โหลว จื่อกุ้ย ที่ครึ่งหมดสติครึ่งมีสติได้รับความสดชื่นจากกลิ่นหอมอ่อนๆ
ของหญ้าและพืช หัวคิ้วที่งดงามของเขาที่ขมวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายออก ในขณะที่ความเจ็บปวดจางหายไป
เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกห่อหุ้มไปด้วยความอบอุ่นอย่างเช่นชั่วโมงที่ผ่านมาและตกลงไปในความฝันและนอนหลังสนิทไปอีกครั้ง
หนิง เสี่ยวเหยา ดึงมือของเธอออก ร่างกายของเธอปกคลุมด้วยไปเหงื่อจากการรักษาอาการบาดเจ็บของเขา
เธอทรุดตัวลงข้างเขาและพึมพำขึ้นว่าร่างกายใหม่ของเธออ่อนแอมากแค่ไหน
ในอนาคตเธอจะต้องฝึกมันเสียหน่อย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่ในโลกที่ปราศจากซอมบี้ ดังนั้นเธอจึงต้องปรับร่างกายให้แข็งแกร่งเพื่อที่จะให้มีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลาหลายๆ
ปี
"ฝ่าบาทเพคะ" นางกำนัลร้องเรียกขึ้นจากด้านนอก
หวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้
หนิง เสี่ยวเหยา กำลังหายใจอย่างหนัก
ในขณะที่เธอนอนบนเตียงไม่เต็มใจที่จะตอบ
"ฝ่าบาทเพคะ?" นางกำนัลร้องเรียกขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ฟังเหมือนเสียงร้องไห้จริงๆ
หนิง เสี่ยวเหยา จึงเพียงลุกขึ้นนั่งและถามออกไป
“มีอะไร?" ถ้าพระพันปีอยากพบหน้าเธออีกครั้ง
หนิง เสี่ยวเหยาก็สาบานว่าเธอจะไม่ไปในครั้งนี้แม้ว่าเธอจะตายไปแล้วก็ตาม!
เมื่อได้ยินเสียงหนิง
เสี่ยวเหยาดังขึ้น นางกำนัลด้านนอกก็รีบร้อนพูดขึ้น "เรียกฝ่าบาท
ฮองเฮาของเข้าเฝ้าเพคะ"
“อุ๊บ..แค่กๆๆ“!
หนิง เสี่ยวเหยา
ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง เธอได้ยินผิดหรือไม่? ฮองเฮาหรือ เธอมีฮองเฮาด้วยหรือ?!
"ฝ่าบาทเพคะ?" นางกำนับถามขึ้นอีก
"ฝ่าบาทไม่ต้องการพบฮองเฮาหรือเพคะ?"
หนิง เสี่ยวเหยา
กระโดดลงจากเตียงและนอนราบลงไปบนพื้น พวกเขาได้วางหมากไว้อย่างสมบูรณ์จริงๆ ในครั้งนี้
ลืมไปเลยเกี่ยวกับการแต่งผู้หญิงคนหนึ่งให้เป็นผู้ชายเพื่อโกงบัลลังก์ ที่สำคัญเธอยังมีภรรยาอีกด้วย
ไม่มีอะไรดีๆ ที่จะมาจากเรื่องนี้แล้วหรือ! แล้วอีกอย่าง หนิงหยูกับหญิงสาวคนนั้นใช้คืนแต่งงานของพวกเขาทำอย่างไรกัน?
"ฮองเฮาต้องการมาเคารพฝ่าบาทเพคะ"
นางกำนัลพูดขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าเธอจะไม่พบฮองเฮาครั้งนี้หรือครั้งต่อไป
เธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงนางได้ตลอดไป เพราะมันเป็นไปไม่ได้ หนิง เสี่ยวเหยา
เต็มไปด้วยความรำคาญก่อนจะพูดขึ้น “ให้นางเข้ามา"
เมื่อฮ่องเต้อนุญาตนางกำนัลก็รับคำสั่งและเตรียมตัวที่จะออกไป
"อย่าพานางมาที่นี่" หนิง เสี่ยวเหยา หันกลับไปเห็นโหลว
จื่อกุ้ย นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง "หาสถานที่เงียบสงบและนำฮองเฮาไปที่นั่น
แล้วข้าจะตามไป"
นางกำนัลรับคำสั่งและจากไปอย่างรีบร้อน