ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Stunning Edge(นิยายแปล) ตอนที่ 82 : แยกจาก



แคลร์มองไปที่หลิงอวี้นที่กำลังมีรอยยิ้มประดับหน้าอยู่ในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่ามันจะเป็นเพราะเธอเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอกลับมีความรู้สึกเหมือนกับว่ารอยยิ้มในตอนนี้ของ ผู้ชายที่เยือกเย็นผู้นี้ มันกลับดูเหมือนจริงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

“เจ้าชายรู้ได้เช่นไรว่าข้าอยู่ที่นี่”แคลร์ยิ้มก่อนจะถามออกไป

“หรือว่าเจ้าชายมาที่นี่ด้วยธุระที่ต้องจัดการ”

“เพราะซวนซวน อยากจะพบท่านหญิง ข้าจึงได้พาซวนซวนไปหาท่านที่ปราสาทฮิลล์ แต่ท่านหญิงไม่ได้อยู่ที่นั้น ดยุคกอร์ดอนบอกว่าท่านหญิงจะมาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตอนนี้ท่านหญิงกำลังจะเดินทางกลับแล้วใช่หรือไม่”หลิงอวี้นยกยิ้มขึ้นเบาบาง ก่อนจะพูดขึ้นอีก

“ส่วนข้ามาที่นี่เพราะธุรของวิหารแห่งแสง มีบางอย่างที่ต้องจัดการ”

“เป็นเช่นนั้นเองหรือ ใช่แล้วตอนนี้พวกเรากำลังจะเดินทางกลับ แล้วซวนซวยเป็นอย่างไรบาง”แล้วก็แคลร์เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะนึกไปถึงสาวน้อยน่ารักผู้ลึกลับคนนั้น

“เช่นนั้นก็ดี ซวนซวนนั้นอยากจะพบท่านหญิงเป็นอย่างมาก”แล้วหลิงอวี้นก็พูดขึ้นอย่างจริงใจ

“ท่านหญิงแคลร์ ถ้าข้าจะขอติดค้างท่านหญิงสักครั้ง ท่านหญิงจะตกลงหรือไม่”

“ท่านต้องการให้ข้าไปพบกับซวนซวนใช่หรือไม่”แคลร์ยิ้ม เข้าใจได้โดยธรรมชาติว่าหลิงอวี้นต้องการจะพูดอะไร

“ใช่แล้ว ท่านหญิง ข้าหวังว่าท่านหญิงแคลร์จะตกลง”หลิงอวี้นพูดพร้อมกับรู้สึกอับอายเล็กน้อย

“ข้าไม่เคยเห็นซวนซวนเป็นกังวลต่อผู้อื่นได้มากขนาดนี้มาก่อน”

            “ตกลงข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ว่าซวนซวนอยู่ที่วิหารแห่งแสง มันจะดูไม่เหมาะสำหรับข้าหรือเปล่า” แคลร์พูดขึ้น

            “เจ้าหญิงแห่งแสงได้ให้สัญญาว่าจะพาซวนซวนไปพบท่านหญิงที่ปราสาท เมื่อท่านกลับไปถึง หวังแต่ว่าท่านหญิงแคลร์จะไม่เดินทางล่าช้า”หลิงอวี้นพูดติดตลกที่ไม่เคยทำมาก่อน แถมมันยังไม่ตลกเลยแม้แต่น้อย

            “ฮ่าๆ เช่นนั้นพวกเราคงจะต้องขอตัวก่อน จะได้ไม่รบกวนเวลาของเจ้าชายในการไปจัดการธุระด้วย” ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตลก แต่แคลร์ก็ยังแกล้งหัวเราะขึ้น

            วอลเตอร์รู้สึกผะอืดผะอมในสิ่งที่ได้ยิน แถมยังแอบชื่นชมทักษะของทั้งสอง ที่สามารถแสดงได้อย่างแนบเนียนอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

            “เช่นนั้นท่านหญิงแคลร์ ข้าขอให้ท่านเดินทางโดยปลอดภัย”หลิงอวี้นพูดคำอำลา ก่อนจะมองไปเห็นกลุ่มคนของแคลร์ที่อยู่ทางด้านหลังไม่ไกลนัก ก่อนจะพูดขึ้นในน้ำเสียงที่ต่ำ

            “กลุ่มเพื่อนของท่านหญิงแคลร์ไม่เลวเลยจริงๆ”

            “ฮ่า ๆ ขอบคุณ”แคลร์ตอบกลับอย่างสุภาพ จากนั้นทั้งสองก็แยกจากกัน

            เมื่อร่างของหลิงอวี้น หายไปจากสายตาของทุกคน วอลเตอร์เริ่มต้นสร้างความสับสนวุ่นวายขึ้น

“ไม่ใช่ว่าเจ้าหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นมาที่นี่เพื่อเจ้าหรอกหรือ ข้านึกว่าเขามาที่นี่เพื่อเจ้าเสียอีก”

แคลร์เงียบลง แล้วในที่สุดเธอก็พูดกับวอลเตอร์ขึ้นอย่างช้าๆ

“มันควรจะเชื่อมต่อมาถึงข้าอยู่แล้ว วิหารแห่งแสงคงจะสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจมืดที่แข็งแกร่ง และกลิ่นอายที่หนาแน่น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาเจ้าชายแห่งแสงออกมา เพื่อทำการตรวจสอบหรือไม่ก็กำจัดมันหลังจากการตรวจสอบแล้ว”

“แล้วไงต่อ” วอลเตอร์ขมวดคิ้ว

“แต่เขายังไม่รู้ว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”แคลร์พูดขึ้นเบาๆ

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมน้องสาวของเขาถึงได้ทำตัวสนิทกับข้าเช่นนั้น แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีประโยชน์ เรามีโอกาสที่จะรู้การเคลื่อนไหวของวิหารแห่งแสงได้ และเราสามารถที่จะป้องกันเอาไว้ก่อนล่วงหน้าได้ วิหารแห่งแสงนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัว เพียงแค่สองวันพวกเขาก็รีบส่งคนออกมาตรวบสอบแล้ว”

“วิหารแห่งแสงสร้างอยู่ในทุกประเทศ และมีการสร้างประตูเชื่อต่อเอาไว้” วอลเตอร์เดาะลิ้นเหยียดหยันขึ้นครั้งหนึ่ง

“ฮึ่ม! พวกเขากำลังสร้างมันขึ้นมาจาก เลือด เหงื่อ และน้ำตาของคนธรรมดาสามัญที่ต้องการหาเงิน มีคนจำนวนมากมีความยินดีที่จะบริจาคเงินให้กับพวกเขา”

ประตูเชื่อมต่อหรือ ไม่น่าเล่าหลิงอวี้นถึงได้มาที่นี่ได้รวดเร็วเช่นนี้ แถมกำลังจะออกไปตรวบสอบ แทนที่จะเป็นพึงมาถึง”

              “เติมเสบียงบางอย่างแล้วไปซื้อรถม้าเพื่อที่จะเดินทางบนถนนสายหลักกลับกันเถอะ” คลิฟรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย ตอนนี้การจะทำลายเครื่องหมายของแคลร์ก็ใช้ไม่ได้ แล้วเขาจะอารมณ์ดีได้อย่างไร

            “แคลร์”ในขณะที่แคลร์กำลังจะตอบกลับคลิฟไปนั้น น้ำเสียงที่จริงจังของกงหยูก็ดังมาจากด้านหลัง เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก

            “กงหยูมีอะไรหรือ”แคลร์หันไปมองที่กงหยู ก่อนจะเห็นการแสดงออกที่ดูเคร่งครึมของเขา โดยปกติแล้วเป็นเรื่องยากที่กงหยูจะแสดงออกเช่นนี้ เขาจ้องมองมาอย่างแน่วแน่ เหมือนกับเขาได้ตัดสินใจแล้ว

            “แคลร์รอข้านะ ข้าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งให้ได้ แล้วจากนั้นข้าจะกลับมา” กงหยูมองมองไปแคลร์ทุกคำพูดที่ออกมานั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง

            แคลร์อึ้งไป ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้อยู่ชั่วครู่

            “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าจะจากไปแล้วหรือ”คลิฟกระพริบตาก่อนจะพูดขึ้นอย่างสับสน ผู้ชายคนนี้ได้มีทัศนคติที่จริงใจต่อแคลร์อย่างเห็นได้ชัด แล้วในตอนนี้เขากำลังจะจากไปจริงๆ

            “เพราะเขาคิดว่าเขาอ่อนแอเกินไป และไม่มีทางที่จะปกป้องเจ้าได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นค่อยกลับมา”เหวินโม่ขดริมฝีปากของเขาก่อนจะพูดกับอีกคน

“แค่ไปทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ทำไมข้าจะต้องไปทนทุกข์กับเจ้าด้วยก็ไม่รู้”

จู่ๆ แคลร์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าในการต่อสู้ครั้งนั้น เหวินโม่ได้หยุดกงหยูเอาไว้ จากการเปิดผนึกของเขา บอกว่าเขาไม่สามารถที่จะทนต่อพลังอำนาจนั้นได้ มันคืออะไรกันแน่

“ข้าจะกลับมา” กงหยูไม่ล่ะสายตาไปจากแคลร์

“ข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้า ข้าจะแต่งงานกับเจ้า”

แคลร์ถึงกับสูญเสียคำพูดของเธอไป ในความเป็นจริงตามลักษณะของกงหยู เขายังไม่ถึงสิบห้าเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่แคลร์อายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น หรือว่าผู้คนในโลกนี้จะเป็นผู้ใหญ่ก่อนอายุ หรือไม่ก็เป็นเพราะกงหยู ชานผู้นี้เขามีวิธีคิดที่ไม่เหมือนใคร

“พวกเจ้าจะจากไปตอนนี้เลยหรือ” ซัมเมอร์ถามขึ้นอย่างมีพิรุธ

“ใช่แล้ว เราจะไปตอนนี้เลย” เหวินโม่หันกลับไปอย่างลังเล ก่อนจะมองไปที่ซัมเมอร์ และพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ข้าก็จะกลับมาด้วยเช่นกัน”

            “ถ้าพวกเจ้าไม่กลับมาแล้วจะอย่างไร”ซัมเมอร์เดาะลิ้นของเธออย่างไม่สนใจ

            “ดี เจ้าหนุ่มน้อย ข้าจะรอให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นและกลับมา” คลิฟยิ้มขึ้นเล็กน้อย เจ้าหนุ่มหัวแดงผู้นี้ มีศักยภาพที่ดีมาก และอารมณ์ของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เขาคงจะคิดถึงเจ้าเด็กนี้อยู่เหมือนกัน

            “ระวังตัวด้วย”แคลร์พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

            ดวงตาของกงหยูมีประกาย ก่อนจะจับไปที่มือของแคลร์ แล้วพูดขึ้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกของเขา

            “ที่รัก ข้าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เจ้าก็ควรจะดูแลตัวเองและรอการกลับมาของข้าด้วยเช่นกัน”

            ในเวลาต่อมา ใครบางคนก็คุกเข่าลงไปที่พื้น พร้อมกับมือกุมตาของเขาเอาไว้ ก่อนจะโอดครวญขึ้นอย่างเจ็บปวด จริงตามคำของแคลร์ เธอได้ทำในสิ่งที่เธอเคยสัญญาเอาไว้ ว่าจะต่อยตาของกงหยูอีกข้าง ถ้าเขาทำเช่นนี้อีก
   
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบๆ ต่างแสดงความอยากรู้อยากเห็น และมองไปด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้และพูดคุยด้วย พวกเขาจะกล้ามากระตุ้นคนที่สามารถใช้เป็นสัตว์เวทย์ระดับเจ็ดแทนม้าได้อย่างไร

            หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากเมือง เหวินโม่และกงหยูก็บอกลาแคลร์อย่างไม่เต็ม คนที่ไม่เต็มใจมากที่สุดก็คงจะเป็นกงหยู

            แล้วกลุ่มของพวกเขาและเสือดาวลมอีกหนึ่งตัวก็ได้เดินทางกลับไปยังเมืองหลวง

ปราสาทฮิลล์

            ในห้องหนังสือ ดยุคกอร์ดอน กำลังนั่งมองไปที่เครื่องราชกกุธภัณฑ์รูปกุหลาบบนผนังอยู่เงียบๆ

หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน ดยุคกอร์ดอนถึงได้พูดขึ้น

“เอ็มเมอรี่ เจ้าคิดอย่างไรกับคนที่แคลร์พากลับมาด้วย”

 เอ็มเมอรี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างรอบคอบ

 “เรียกท่านดยุค ชายที่สวมใส่ชุดสีดำผู้นั้น มีความแข็งแรงมาก และอันตรายมาก เขามีกลิ่นอายของความกดดันออกมาตลอดเวลา”

            “ไม่เลว ชายชุดดำผู้นั้นมีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษจริงๆ เป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงจริง ๆ” ดยุคกอร์ดอนลูบไปที่มุมปากที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ของเขาก่อนจะลุกขึ้นยืน ดยุคกอร์ดอนไม่ได้เป็นเพียงดอกไม้ที่ประดับอยู่ในแจกันเท่านั้น มีไม่กี่คนในเมืองหลวงที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยบกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา แน่นอนอยู่แล้วว่าหลักสูตรหลักของการเป็นหัวหน้าตระกูลไม่ได้ง่ายเช่นนั้น

            เอ็มเมอรี่เงียบลง ความแข็งแรงเป็นสิ่งที่ดี แต่มันไม่มีหรอกที่ได้กำไรโดยไม่มีความเสี่ยง เขาเข้าใจในความหมายของดยุค หากชายชุดดำผู้นี้มาด้วยใจจริง เขาก็สามารถที่จะช่วยเหลือตระกูลฮิลล์ได้เป็นอย่างดี แต่ ...... ถ้าคนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นกลายมาเป็นผู้ต่อต้านตระกูลฮิลล์แล้วล่ะก็ มันจะกลายเรื่องให้ปวดหัวขนาดใหญ่เลยทีเดียว

            “แคลร์ได้เก็บเกี่ยวผลกำไรเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ ฮ่า ๆ” ดยุคกอร์ดอน หัวเราะขึ้น เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาดีมาก แคลร์ได้ก้าวเข้าสู่ลำดับของพ่อมดแม่มดแล้ว แถมยังนำผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นกลับมาด้วยอีก

            แต่เอ็มเมอรี่กลับเป็นกังวล ด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการได้ มันมีกรณีอื่นๆ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้งแล้ว

            “สุดยอดแคลร์ ข้าจะได้อาศัยอยู่ที่นี่นับจากนี้ไปใช่หรือไหม”ซัมเมอร์กระโดนขึ้นเตียงที่งดงามด้วยความพอใจ

            “ใช่ แล้วก็จำเอาไว้ว่าอย่าได้ก่อปัญหาใด ๆขึ้น ถ้าเจ้าไม่ชอบอะไรบางอย่าง หรือใครสักคน ก็อย่าไปใส่ใจ”แคลร์พูดขึ้นอย่างจริงจัง

            “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล อาหารก็ดี สภาพความเป็นอยู่ก็ดี ข้าจะไม่ทำสร้างปัญหาใด ๆ ขึ้นอย่างแน่นอน แต่จริงๆนะ ข้าไม่เคยคิดว่าครอบครัวของเจ้าจะร่ำรวยได้ขนาดนี้” ซัมเมอร์กลิ้งไปรอบ ๆเตียงอย่างมีความสุข นี้เป็นครั้งแรกของเธอที่จะได้อาศัยอยู่อย่างหรูหราเช่นนี้ ที่บ้านของเธอ เธอได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง สภาพความเป็นอยู่ของเธอไม่ต้องพูดถึง

            “เช่นนั้นก็ดี” แคลร์พยักหน้า

            “ท่านอนเกลือกกลิ้งของเจ้านี่น่าเกียจมาก”จู่ๆ เสียงของเบนก็ดังขึ้นจากทางเข้าประตู

            “เจ้าเข้ามาโดยไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ เจ้าผู้ชายไร้มารยาท”ซัมเมอร์พูดขึ้นด้วยความโกรธ

            เบนยักไหล่ไม่สนใจ “ประตูของเจ้าไม่ปิดเอาไว้ด้วยซ้ำ แล้วทำไมข้าจะเคาะด้วย”

            “เจ้า!” ซัมเมอร์กระโดดขึ้นด้วยความโกรธ แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเบน เธอได้แต่สาปแช่งอยู่ภายใน ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้คนไร้มารยาท