ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เสียงร้องของวิหคเพลิง ที่ดังไปถึงสวรรค์เก้าชั้น (นิยายเปล), ตอนที่ 59: เผยแพร่ข่าวลือ




          "สิ่งนั้นเรียกว่าสรั่น (หญ้าฝรั่น) ถ้ากินมันเข้าไป ก็จะไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป! แม้ว่าจะตั้งครรภ์อยู่แล้ว แต่ก็อาจจะทำให้เกิดการแท้งบุตรได้ เหนียงเหยีนง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านสามารถทำเพื่อความสนุกได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ห้ามกินมันเด็ดขาดนะเจ้าค่ะ? "การแสดงออกของถิงเยี่ย เปลี่ยนเป็นจริงจังในขณะที่นางพูดนางก็เน้นย้ำคำว่า 'สรั่น (หญ้าฝรั่น) '

          "แล้วทำไมพี่รองถึงเก็บสิ่งนั้นเอาไว้? ข้าจะไปบอกพี่รองเกี่ยวกับเรื่องนี้! "เหยา โม่ว่าน ดูราวกับว่านางพึ่งนึกถึงอะไรบางอย่างออกมาได้

          "เหนียงเหนียงอย่าไปเจ้าค่ะ ถ้าหากกุ้ยเฟยพบว่าท่านได้เข้าไปค้นลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงของพระนาง พระนางต้องไม่ยอมปล่อยท่านไปแน่! ห้ามพูดถึงเรื่องนี้กับใครนะเจ้าค่ะ!" ถิงเยี่ยเตือนขึ้น

          "ก็ได้ ข้ารู้แล้ว ถิงเยี่ยไปกันเถอะ ไปที่ตำหนักปุบผาพิสุทธิ์และดูว่าผู้หญิงเลวคนนั้นยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ ถ้านางยังอยู่ที่นั้นก็ไปช่วยพี่รองผลักนางลงไปในน้ำอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็จะไม่ตำหนิว่านเอ้อร์! "เหยา โม่ว่าน กระพริบตาอย่างน่าหลงใหลขึ้น ในขณะที่นางเดินราวกับวิ่งเบาๆ ไปทางตำหนักปุบผาพิสุทธิ์

          "เหนียงเหนียง อย่าวิ่งเจ้าค่ะ ระวังจะล้ม!" ถิงเยี่ย รีบตามนางไปทันที

          ฮว้าย ฉ่าย คนที่ฟังอยู่จากที่ซ่อนอยู่ในป่าต้นหลิว ขมวดคิ้วของนางในขณะที่ดวงตาของนางเยือกเย็นลง

          "เหนียงเหนียง ถ้าสิ่งที่นางโง่เง่านั้นพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริง ... บ่าวไม่เข้าใจ ทำไมเหยา ซูหลานเตรียมสรั่นเอาไว้ ตอนนี้นางเป็นคนเดียวที่อยู่ในพระราชวังที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ "จื่อซวง คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถคิดถึงเรื่องที่เหมาะสมได้

          "มันจะเป็นไปได้อย่างไร ...จื่อซวง เจ้าคิดว่านางจะเอาสรั่นมาใช้กับตัวเองหรือไม่?" ไฟที่ไม่สามารถอ่านได้กระพริบขึ้นมาในดวงตาของฮว้าย ฉ่าย ในขณะที่นางมองไปที่จื่อซวง อย่างกังวล

          "เสือที่โหดร้ายจะไม่กินลูกของมัน ตอนนี้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่มีบุตร ถ้านางให้กำเนิดบุตร นางจะสามารถได้รับตำแหน่งของฮองเฮามาได้อย่างง่ายดาย ทำไมนางถึงละทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของนางเพียงเพื่อที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องยากสำหรับเหนียงเหนียง? เรื่องนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยเจ้าค่ะ? "จื่อซวง ไม่คิดว่าแนวคิดนี้จะเป็นไปได้

          "นั่นเป็นความจริง บางทีนางอาจจะเตรียมสรั่นมาเป็นเวลานานแล้วก็ได้ จากรูปลักษณ์ของนาง นางก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตของการคลอดก่อนกำหนดในหมู่สนมทั้งหลาย "ฮว้าย ฉ่าย ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และกำลังจะออกจากไป ก่อนที่จะได้เห็นนางกำนัลจากตำหนักปุบผาพิสุทธิ์วิ่งข้ามสะพานไปพร้อมกับหมอหลวงเจิ้ง

          "นั่นไม่ใช่นางกำนัลจากตำหนักปุบผาพิสุทธิ์หรือเจ้าค่ะ? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเหยา ซูหลานจริงๆ? " จื่อซวง มองไปในทิศทางที่หมอหลวงเจิ้งกำลังวิ่งไปด้วยความตกใจและความรู้สึกไม่สบายใจก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในหัวใจของนาง ก่อนที่เสียงของจื่อซวง ทันได้หายไป กลุ่มทหารของวังหลวงก็เริ่มวิ่งมาทางนี้จากตำหนักปุบผาพิสุทธิ์  

          "เหยา ซูหลานร้ายกาจจริงๆ! จื่อซวง เร็วเข้ารีบหาที่ซ่อน แล้วรีบคิดหาวิธีออกจากพระราชวังไปและแจ้งให้ท่านพ่อรู้ถึงสิ่งที่เหยา โม่ว่านได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ เร็วเข้า" ฮว้าย ฉ่าย ได้ตระหนักแล้วว่าการสถานการณ์นั้นเต็มไปด้วยความกดดัน ทำให้นางรีบออกคำสั่งที่จริงจังและแม่นยำกับจื่อซวง ทำให้จื่อซวง ไม่กล้าที่จะล่าช้าและรีบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ด้านข้างทันที

          ในช่วงเวลาต่อมา ทหารของวังหลวงเหล่านั้นก็ได้มาล้อมรอบฮว้าย ฉ่าย เอาไว้แล้ว

          "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้สนมเฉินไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักปุบผาพิสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”

          จื่อซวง ตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าเจ้านายของนางตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายและรีบมุ่งหน้าไปยังประตูพระราชวังโดยไม่หยุดคิด เหยา โม่ว่าน ค่อยๆเดินออกมาจากเงามืดของป่าต้นหลิวและจ้องมองไปในทิศทางที่จื่อซวง จากไป พร้อมกับดวงตาดำมืดและร่องรอยของรอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากของนาง

          "เหนียงเหนียง ดูเหมือนว่ากุ้ยเฟยจะโชคไม่ดีแล้วในเวลานี้!" ถิงเยี่ยพูดขึ้น ด้วยความยินดี

          "เหยา ซูหลานไม่ได้เป็นคนเดียวที่โชคไม่ดี เจ้าได้ส่งคนไปแจ้งให้ท่านพ่อทราบหรือยัง? "

          "ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ หลิวซิง ได้จัดเตรียมบางคนให้ไปรายงานเรื่องนี้ต่อนายท่านแล้ว"

          "เอาล่ะ ไปกันเถอะ ไปดูการแสดงกัน!" การแสดงออกของเหยา โม่ว่าน เปลี่ยนกลับไปสู่ความรู้สึกเฉยเมยตามปกติ ความลึกในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่ซ่อนอยู่

          ภายในตำหนักปุบผาพิสุทธิ์ เหยา ซูหลานกำลังจับหน้าท้องของนางด้วยมือทั้งสองข้างและร้องไห้สะอึกสะอื้น ผ้านวมซาตินและผ้าห่มถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงเข้มเป็นภาพที่น่าตกใจแก่สายตาเป็นอย่างมาก นี่เป็นฉากที่น่าเศร้าที่ฮว้าย ฉ่าย ได้เห็นเมื่อนางถูกพาตัวไป

          "สนมเฉิน! กุ้ยเฟยของหม่อมฉันมักจะทำดีต่อท่านเสมอมา แต่ไม่คาดคิดว่าท่านจะกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้และถึงขนาดทำให้กุ้ยเฟยของหม่อมฉันต้องสูญเสียทารกในครรภ์ของพระนางไป! ฝ่าบาทคนรับใช้ผู้นี้ขอร้องให้ฝ่าบาทช่วยให้ความยุติธรรมแก่กุ้ยเฟยด้วยเพคะ! กุ้ยเฟยได้รับความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียมาราดของนางและตอนนี้นางต้องสูญเสียสายเลือดมังกรไปอีก แล้วพระนางจะสามารถแบกรับมันได้อย่างไรเพคะ? " ใบหน้าของไชอิง ล้นไปด้วยน้ำตา ในขณะที่นางโยนตัวเองลงที่หน้าเหย่ หงอี๋ และคำนับลงไปราวกับว่าชีวิตของนางขึ้นอยู่กับมัน

          "สนมเฉิน เจ้าวางแผนที่จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?" การแสดงออกของ เหย่ หงอี๋ เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้น และการจ้องมองของเขาก็เยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง

          "การคลอดก่อนกำหนดของกุ้ยเฟย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆ เพคะ" ความรังเกียจและดูถูกที่ไม่สามารถคาดเดาได้เห็นได้อย่างชัดเจนในน้ำเสียงที่ชัดเจนของนาง จื่อซวง ได้พูดเอาไว้ว่าเสือโคร่งแม้ว่ามันจะโหดร้ายแค่ไหนมันก็ยังไม่กินลูกของตัวเอง แต่นี่กลับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าเหยา ซูหลาน จะเป็นคนจิตใจโหดร้ายอย่างแท้จริง นางไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับสัตว์ด้วยซ้ำ

          "เจ้ายังคงปฏิเสธที่จะยอมรับ แม้ว่าจะมีหลักฐานที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้อย่างนั้นหรือ" ดวงตาของเหย่ หงอี๋ ดูคล้ายกับหมาป่าที่เต็มไปด้วยแสงอันเยือกเย็น

          "หม่อมฉันสงสัยว่าหลักฐานที่ฝ่าบาททรงกล่าวถึงคืออะไรเพคะ?"ฮว้าย ฉ่าย ไม่สามารถบอกได้ว่านางรักหรือเกลียดเหย่ หงอี๋ นางเข้ามาในวังเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตระกูลฮว้าย ที่ถืออำนาจอยู่ในราชสำนัก ชีวิตของนางมุ่งมั่นที่จะทำเช่นนั้น นางไม่มีความชอบหรือไม่ชอบอยู่ในใจ

          อย่างไรก็ตาม ทัศนคติที่เปลี่ยนไปของเหย่ หงอี๋ ที่มีต่อนาง ทำให้นางประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อคืนนี้ชายคนนี้ยังคงอ่อนโยนต่อนางมากบนเตียงของนาง แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนที่ดูห่างเหินมาก

          "กุ้ยเฟยค้นพบร่องรอยของสรั่น ในน้ำซุปโสมที่เจ้านำมาให้นางก่อนหน้านี้ เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือไม่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า? "เหย่ หงอี๋ กอดเหยา ซูหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่เขาถามฮว้าย ฉ่าย อย่างดุเดือด

          "มันจะไม่เร็วเกินไปที่จะสรุปว่าหม่อมฉันวางแผนที่จะฆ่าสายเลือดมังกรที่อยู่ในท้องของกุ้ยเฟยเพียงเพราะเรื่องนี้หรอกหรือเพคะ? ใครจะรู้อาจจะเป็นกุ้ยเฟยเองที่ใส่สรั่น เพิ่มเข้าไปเพื่อที่จะใส่ร้ายหม่อมฉัน? " ฮว้าย ฉ่ายเชื่อว่าสิ่งที่เหยา โม่ว่านพูดเป็นความจริง นั่นคือเหตุผลที่นางยังรออยู่ที่นี่ เมื่อท่านพ่อของนางเข้ามาในวังแล้ว นางก็จะทำให้เหยา ซูหลาน รับผลที่จะตามมา นี่เป็นโอกาสที่นางจะเปลี่ยนหมากบนกระดานของเหยา ซูหลาน อย่างไรก็ตามนางต้องยอมรับว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณน้องสาวโง่ๆ เหยา ซูหลานจริงๆ

          "สนมเฉิน เจ้ากำลังใส่ร้ายป้ายสีข้า! ข้าเพียงประสงค์ให้วังหลังอยู่อย่างสงบ เต็มไปด้วยความสุขและด้วยเหตุนี้จึงต้องอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่างเสมอมาและแม้กระทั่งความขัดแย้งของพวกเรา แต่ไม่คาดคิดว่าจิตใจของเจ้าจะทำด้วยหินผาเช่นนี้ เจ้าถึงกับทำร้ายลูกชายของฮ่องเต้เพื่อเอาคืนข้า! ตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่ปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดของเจ้า เจ้ายังพยายามที่จะใส่ร้ายข้าเช่นนี้อีก!? ฝ่าบาท พระองค์ต้องช่วยให้ความยุติธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ พระองค์ต้องแก้แค้นให้กับลูกชายของเรานะเพคะ! "เหยา ซูหลาน ไม่ได้คาดคิดว่าฮว้าย ฉ่าย จะใจเย็นอยู่ได้ นางจึงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะนางไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหาเกิดขึ้นได้ในแผนการนี้ได้

          "สนมเฉิน ก่อนที่คดีนี้จะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เจิ้น คงต้องทำให้เจ้าลำบากแล้ว ใครก็ได้เข้ามาพาตัวสนมเฉินไปที่ตำหนักเย็น! "เป้าหมายของเหย่ หงอี๋ นั้นง่ายมาก เมื่อเขาโยนฮว้าย ฉ่าย เข้าไปตำหนักเย็นแล้วฮว้าน เฮิ๋ง ก็จะยอมส่งมอบอำนางทางทหารของเขาเพื่อช่วยลูกสาวของเขา

          "ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย! ฝ่าบาท ... " ฮว้าย ฉ่าย รู้ว่าถ้านางออกจากตำหนักปุบผาพิสุทธิ์ไปตอนนี้ นางจะสูญเสียโอกาสที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆได้ตลอดไป ในขณะที่นางกำลังพูดถึงเหยา โม่ว่าน เสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจปรากฏตัวขึ้นภายในห้อง

          "พี่รอง? พี่รองเกิดอะไรขึ้นกับท่าน? ทำไมถึงมีเลือดออกมากมายเช่นนี้? "เหยา โม่ว่านจู่ๆ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น จึงสามารถซื้อเวลาให้ฮว้าย ฉ่าย ได้สักระยะหนึ่ง ดวงตาของทุกคนมุ่งเน้นไปที่เหยา โม่ว่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหย่ หงอี๋  

          "ว่านเอ้อร์ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?" เมื่อเหย่ หงอี๋เห็นใบหน้าเล็ก ๆของเหยา โม่ว่านที่ขาวซีด เขาก็รู้สึกปวดร้าวเหลือทน เขารีบปล่อยเหยา ซูหลาน และเดินเข้าไปเพื่อดึงเหยา โม่ว่าน เอามาไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที

          "ว่านเอ้อร์ ได้ยินว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับพี่รอง จึงรีบมาที่นี่เพื่อดูให้เห็นกับตา ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้นกับพี่ร้องหรือเพคะ? "เหยา โม่ว่าน มองไปที่เหย่ หงอี๋ ด้วยดวงตาที่กลมโตที่เต็มไปด้วยน้ำตาของนาง ขนตายาวๆ ของนางชุบไปด้วยหยดน้ำตา รามกับน้ำค้างที่ในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะตกลงไปที่พื้น พวกมันกระพือออกราวกับเศษแก้วที่ปักไปบนหัวใจของเหย่ หงอี๋

          "ว่านเอ้อร์ ... ลูกของพี่รองจากไปแล้ว ... มันเป็นเพราะสนมเฉิน! นางเกิดความอิจฉาริษยากับความจริงที่ว่าพี่รองกำลังตั้งครรภ์และโกรธที่เจ้าผลักนางลงไปในน้ำ ... ดังนั้นนางจึงวางยาพิษและฆ่าลูกของพี่รอง! "เหยา ซูหลานต้องบังคับความโกรธลงไปเมื่อเห็นว่าเหย่ หงอี๋ได้ลืมแผนการสำคัญไป แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปหาเหยา โม่ว่าน จากนั้นนางก็ตะโกนขึ้นด้วยความเศร้าโศกและความโกรธ ในขณะที่นางชี้ไปที่ฮว้าย ฉ่าย ด้วยมือที่สั่นของนาง

          นางคิดว่าแม้ว่าเหยา โม่ว่าน จะเป็นคนโง่เขลาเกินจะบรรยายได้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียหมด อย่างน้อยที่สุดในหัวใจของเหยา โม่ว่าน ก็ยังมีนางอยู่ พี่รองของนาง

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล)ตอนที่ 32: มหาอุปราชทำเรื่องชั่วร้ายอีกครั้ง



ในขณะที่ฟางถังชี้ไปที่ตรอกซอกซอย เขาก็ก้าวไปข้างหน้าวางแผนที่จะวิ่งไปดูด้วยตัวเอง แต่โหลว จื่อกุ้ย ก็พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า "อย่าไป มีคนอยู่ด้านบนของกำแพง"

ฟางถัง รีบมองขึ้นไปและเห็นเงาที่สวมเสื้อสีดำสองคนยืนอยู่บนยอดกำแพงทั้งสองด้าน ใบหน้าของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำ ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกลักษณะของพวกเขาได้ "แคว้นฮูเหนือหรือ?" ฟางถังรู้สึกประหลาดใจ เพียงสองคนก็สามารถที่จะรั้งซองจิน และคนของเขาไว้ได้แล้วหรือ?

"ถ้าพวกเขาเป็นพวกป่าเถื่อนทางแคว้นฮูเหนือ ทำไมพวกเขาถึงไม่ฆ่าข้า?" โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นเบา ๆ ฟางถังเองก็รู้สึกประหลาดใจ

"คนของอุปราชเซี่ย" โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น

"อะไรนะ?" ฟางถัง ต้องการตะโกนขึ้น แต่ก็บังคับตัวเองเอาไว้

โหลว จื่อกุ้ย สังเกตสถานการณ์ของสนามต่อสู้ หนิง เสี่ยวเหยา กำลังต่อสู้อยู่ขณะที่มือถืออิฐอยู่เหนือศีรษะของนาง แมวดำนั่งอยู่บนไหล่ของนาง ในขณะที่มันแยกเขี้ยวและกรงเล็บของมัน ทั้งคู่ทำให้ดูเหมือนสีดำและสีขาว น่าขบขันเป็นอย่างมาก ทำให้โหลว จื่อกุ้ย หัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ อุปราชเซี่ยคงจะไม่เคยคาดคิดว่าจะเลี้ยงหลานสาวออกมาได้เป็นเช่นนี้ ใช่ไหม?

"พวกเขาเป็นคนของอุปราชเซี่ยจริงๆ หรือ?" ฟางถังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านแม่ทัพสูงสุดของเขายังสามารถหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ "อะไรที่เจ้าจิ้งจอกเฒ่าต้องการ?"

"เขาต้องการที่จะทำให้ฝ่าบาทตกใจและหวาดกลัวด้วยการตายของข้า" รอยยิ้มของโหลว จื่อกุ้ยหายไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นขึ้น องครักษ์มังกรพิทักษ์จะปกป้องหนิง เสี่ยวเหยา จนตาย ซึ่งสามารถซื้อเวลามากพอที่จะทำให้เขาจะตายในมือของแคว้นฮูเหนือ เมื่อเขาตายไป อุปราชเซี่ย ก็จะนำคนของเขาไปช่วยฮ่องเต้ มันเป็นเหมือนการตีวัวกระทบม้า การฆ่าศัตรูของเขาในขณะที่สอนบทเรียนที่รุนแรงให้หลานสาวที่ไม่เชื่อฟังของเขา โหลว จื่อกุ้ย มองอย่างเย็นชาไปที่ชายสองคนที่อยู่บนกำแพง
  
ในตรอกที่ยาวและแคบ อุปราชเซี่ย ยืนอยู่ในขณะที่มือไขว่หลัง และเดินวนไปรอบ ๆ ส่วนซองจินและกองกำลังทหารม้าพิเศษ และคนที่เหลือจากกองกำลังมังกรพิทักษ์ทั้งหมดต่างก็นอนอยู่ที่พื้น จิตใจของพวกเขาตื่นตัว แต่พวกเขาไม่มีความรู้สึกที่แขนขาของพวกเขาแม้แต่น้อย และพวกเขายังไม่สามารถพูดได้อีกด้วย

"ท่านอุปราช" ชายชุดดำคนหนึ่งกระโดดลงมาจากกำแพง ก่อนที่จะนั่งชันเข่าข้างหนึ่งลงไปต่อหน้าเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาขึ้น "แคว้นฮูเหนือกำลังจะพ่ายแพ้ขอรับ"

อุปราชเซี่ย หยุดชะงัก "เจ้าแน่ใจหรือ?"

"ขอรับ" ชายชุดดำไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ตอบขึ้นสั้นๆ

อาวุธที่ทรงพลังที่สุดจากกลุ่มคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือก็คือลูกศรเก้าหัว หนึ่งคันธนูสามารถยิงลูกศรเก้าดอกออกไปพร้อมกันได้ มันเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในสนามรบ เมื่อพวกเขาโจมตีเมืองและยึดดินแดน แต่น่าเสียดายที่รถม้าของหนิง เสี่ยวเหยา ทำให้พลธนูกว่าครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เมื่อเธอกระโดดขึ้นไปฆ่าส่วนที่เหลือ สำหรักมือธนู ระยะใกล้ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ จากช่วงเวลานั้นแคว้นฮูเหนือจึงต้องกับความพ่ายแพ้

อุปราชเซี่ยยกมือเพื่อยกเลิกการส่งสาร ก่อนที่จะจับคอเสื้อของเขา แล้วค่อยๆเดินไปยังที่ที่มีแสงสว่างในตรอกและนั่งลงไป ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครเห็นการแสดงออกของเขา ใบหน้าที่สงบของเขาเปลี่ยนไปเป็นความเศร้าหมอง เขาไม่ได้มาวันนี้เพื่อโหลว จื่อกุ้ย เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่เสียสละคนของเขาเพื่อคนที่ใกล้ตาย เขาได้นำนักสู้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมาร่วมรบและวางยาซองจินและส่วนที่เหลือ เพื่อที่จะทำให้หนิง เสี่ยวเหยาได้เฝ้าดูโหลว จื่อกุ้ย ไปตายได้ต่อหน้าต่อตา เมื่อนางรู้สึกถึงความตายด้วยน้ำมือของนาง นางก็จะเข้าใจว่าชีวิตของนางจะไม่เหมือนเดิมหากไม่มีตระกูลเซี่ย นางจะเข้าใจสถานะที่ไม่มั่นคงของนาง ผู้ช่วยที่มีฝีมือที่สุดของอุปราชเซี่ย อวี่ อี้ เดินไปที่ด้านข้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำขึ้น

"ท่านอุปราช ทหารเหล่านี้ถูกสารพิษที่มีศักยภาพมาก ตอนนี้ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับแคว้นฮูเหนือ บางทีท่านอุปราชควรรจะพิจารณาวิธีการที่จะจัดการกับคนเหล่านี้นะขอรับ? "

อุปราชาเซี่ย ไม่ได้วางแผนที่จะเก็บชีวิตซองจินและคนของเขาเอาไว้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสที่จะไปช่วยฮ่องเต้ ถ้าเขาไม่สามารถกดดันหนิง เสี่ยวเหยา แล้วเขาจะฆ่าซองจินและคนอื่นได้อย่างไร?

"ท่านอุปราชสามารถใช้ชีวิตของคนเหล่านี้เป็นหลักประกันในที่ประชุมที่ท้องประโรงในอีกสองวันได้นะขอรับ" อวี่ อี้ เป็นชายวัยกลางคน แต่ผมของเขาได้กลายเป็นสีขาวไปแล้ว ในขณะที่เขาก้มลงและพูดขึ้น "แต่ถ้าเราทำเช่นนั้นท่านอุปราชและฝ่าบาทก็จะไม่มีความรู้สึกดีๆเหลืออยู่อีก" อุปราชเซี่ยส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันเยาะเย้ย เพื่อประโยชน์ของอำนาจและอำนาจที่มั่นคง หนิงหยูได้ทอดทิ้งความสัมพันธ์อันยาวนานของมิตรภาพระหว่างพวกเขาไปแล้ว

นกกระจอกบางตัวยืนอยู่บนกำแพงด้านหลังอุปราชเซี่ย หลังจากเฝ้าดูชายสองคนเงียบ ๆ ในขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นกกระจอกบางตัวก็บินออกจากกำแพงและลงไปที่อาคารเล็ก ๆ และพวกมันก็เริ่มร้องและร้องขึ้น

"ปู่นกกระจอก อุปราชเซี่ยนั้นชั่วร้ายเกินไปแล้ว!" นกกระจอกตัวน้อยร้องขึ้นในขณะที่มันกระโดดไปรอบ ๆ "ชั่วร้าย เจี๊ยก ๆ เจี๊ยก ๆ ~"

ปู่นกกระจอกใช้ปากของเขาแปลงขนนกกระจอกตัวน้อย "คนอย่างนั้นจะจมลงไปสู่นรกขั้นที่ 18 หลังจากที่เขาตาย เขาจะได้ใช้เวลาของเขาเพื่อที่จะเสียใจกับมัน "

"แล้วตอนนี้เล่า?" นกกระจอกอีกตัวหนึ่งถามอย่างกระวนกระวายใจขึ้น

"ไปตามหาเสี่ยวเหยา" คุณปู่กระจอกสั่งขึ้น "บอกนางว่าจิ้งจอกเฒ่า ได้เริ่มแผนการที่ชั่วร้ายของเขาอีกครั้งแล้ว"

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 31:2 ฝ่าบาทหนิงควงอิ้ฐ


โหลว จื่อกุ้ย และฟางถัง ทั้งคู่ต่างก็ตะลึงอยู่ในความคิดแบบเดียวกัน นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?!

หนิง เสี่ยวเหยาได้ใช้พลังที่เหนือธรรมชาติของเธอ ก่อนจะมองไปที่ตำแหน่งของพลธนูของแคว้นฮูเหนือเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตะโกนออกไป “ไปตายซะ!” และโยนรถม้าไปในทิศทางของพวกเขาอย่างรุนแรง

"เหมียววววววว!" หัวหน้าแมวดำร้องขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะกระโดดออกมาจากในรถม้า

"... ... " ซวยแล้ว หนิง เสี่ยวเหยา ลืมไปว่าแมวอ้วนดำยังคงอยู่ภายใน

รถม้าลอยไปตามสายลมเหนือหัวของเงาพายุ และคนที่เหลือและตกลงที่ด้านบนของพลธนูของแคว้นฮูเหนือ เงาพายุ ไม่ได้ได้ยินเสียงใด ๆ ร้องออกมา มีเพียงเสียงของรถม้าที่แตกออกเป็นชิ้น ๆ หัวหน้าแมวดำ กระโดดลงไปที่หัวของคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือ แมวมีกระดูกที่อ่อนและกระโดดได้ดีดังนั้นหัวหน้าแมวดำ จึงออกมาได้อย่างปลอดภัยจากรถม้าที่พังไม่มีชิ้นดี เขาเผยกรงเล็บของเขาออกมาและทิ้งรอยเลือดห้ารอยไว้บนหัวที่โล้นของชายคนนั้น ชายผู้นี้โชคดีพอที่จะหลบหนีจากการบาดเจ็บอยากหนักจากรถม้าได้ แต่ก็ยังตกเป็นเหยื่อของกรงเล็บของแมวดำและศีรษะของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด ก่อนจะร้องออกมาด้วยโกรธและยกแขนขึ้นเพื่อที่จะคว้าไปที่แมวที่อยู่บนหัวของเขา

"เสี่ยวเหยา!"หัวหน้าแมวดำตะโกนขึ้นทันที เพราะหางของเขาถูกจับเอาไว้โดยชายร่างใหญ่เข้าให้แล้ว

หนิง เสี่ยวเหยาไม่ได้นำอาวุธใด ๆ มาเลย ดังนั้นเธอจึงหยิบอิฐขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งไปหาชายคนนั้น โหลว จื่อกุ้ย เพิ่งฟื้นตัวมาจากอาการตกตะลึงของเขา แล้วก็ได้เห็นว่าฮ่องเต้รีบตรงเข้าไปหาคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือพร้อมกับอิฐในมือ

"เจ้า ... " ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวต้องการจะตะโกนขึ้น แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรจากปากที่เปิดกว้างของเขา ฟางถังที่เห็นฝ่าบาทกระโจนขึ้นไปและใช้อิฐทุบลงไปบนชายคนหนึ่งที่มีความสูงเป็นสองเท่าของเขา จนเขาล้มลงไปที่พื้น หน้าใบปกคลุมไปด้วยเลือด

ฟางถัง ประสบกับปัญหาในการหาคำพูดของเขา ในขณะที่เขาตะโกนขึ้น"ฝ่าบาทช่าง...ช่างกล้าหาญจริงๆ"

มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้หญิงที่ถูกยกย่องว่ากล้าหาญหรือ?โหลว จื่อกุ้ยรำพึง แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้

"พวกเจ้าจะแค่มอง ในขณะที่แคว้นฮูเหนือล้อมรอบข้าหรือ?" หนิง เสี่ยวเหยาหันกลับมาและไปมองไปที่เงาพายุ และคนอื่น ๆ ที่ยังคงตกตะลึงอยู่หลังจากช่วยหัวหน้าแมวดำเอาไว้ด้วยอิฐของเธอเสร็จ เฮ้! เพื่อนไม่ควรจะทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ!

องครักษ์มังกรพิทักษ์ฟื้นคืนความรู้สึกด้วยคำพูดของเธอ และเริ่มวิ่งเข้าไปหาฝูงชน

"มนุษย์ที่น่าเกลียดชัง" หัวหน้าแมวดำเกาหน้าของคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือ หนิง เสี่ยวเหยา ดึงขนสีดำของเขาและโยนเขาลงไปบนไหล่ของเธอ

"พอแล้ว เขาหมดสติไปแล้ว แล้วเจ้าจะไปข่วนเขาทำไม? "

"นั่นคือฮ่องเต้สุนัขตัวที่ 2 ของราชวงศ์โหยงหนิงนี่!" คนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือตะโกนขึ้น ในขณะที่เขาชี้มาที่หนิง เสี่ยวเหยาด้วยกระบี่ของเขา

คนไม่เต็มเต็ง ผู้ปกครองที่โหดเหี้ยม ฮ่องเต้สุนัข หนิง เสี่ยวเหยา ไม่พอใจมาก พวกเขาไม่สามารถให้ชื่อเล่นที่เป็นทางบวกมากกว่านี้ไม่ได้หรือ? เธอหยิบอิฐขึ้นมาจากพื้นอีกครั้งและเข้าร่วมการต่อสู้ เงาพายุวิ่งเข้าไปเพื่อปกป้องหนิง เสี่ยวเหยา ก่อนที่จะได้ค้นพบว่าเธอกำลังเต้นรำไปรอบๆ ทักษะการใช้อิฐของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก ทำให้เธอตีหัวผู้คนราวกับแตงโม ทันทีที่เธอตีไปโดนใครสักคนของเหลวสีแดงก็จะไหลออกมา เขาถึงได้หยุดกังวล เพราะฝ่าบาททรงเป็นนักสู้ที่มีความสามารถที่ไม่จำเป็นต้องปกป้องพระองค์แม้แต่น้อย

"อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!" หนิง เสี่ยวเหยาตะโกนใส่องครักษ์มังกรพิทักษ์ในขณะที่ทุบตีไปที่สมองของคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนืออย่างไร้ความปราณี เนื่องจากมันมืดมาก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ามีสายลับของคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนืออยู่ในเมืองหลวงมากแค่ไหน?

ที่แนวหน้า "การต่อสู้ที่กระหายเลือด" ยังคงดำเนินไป ในขณะที่โหลว จื่อกุ้ย และฟางถัง ยืนอยู่ข้างหลังม้าสองตัวที่ลากรถม้ามา เกือบจะดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา เหนือศีรษะของพวกเขามีเหยี่ยวบินเป็นวงกลมก่อนจะทิ้งกระดูกงูยาวลงมา ในขณะที่มันบินลงมาจากหลังคาของหอรัญจวน ฟางถัง รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสายลม เขาไม่มีเวลาที่จะหันศีรษะไปมองด้วยซ้ำ ก่อนที่จะหั่นบางอย่างออกเป็นสองชิ้นในทิศทางของลมที่เกิดเสียงดังขึ้น ปราฏกว่ามันเป็นหัวลูกศรสีเขียวหักออกเป็นสองส่วนและตกอยู่ไม่ไกลจากเท้าของฟางถังมากนัก

"สารเลว!" ฟางถัง เหลือบไปมองลูกศรที่หัวขึ้นสนิมและสาปแช่งขึ้น "คนพวกนั้นอาบลูกศรลงไปในยาพิษ!"

หนิง เสี่ยวเหยา หันศีรษะของเธอมองไปที่หลังคาของหอรัญจวน ก่อนที่จะได้เห็นเหยี่ยวน้องกำลังจิกและข่วนไปที่คนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนืออยู่ ตอนนี้พื้นเต็มไปด้วยไม้ที่กระจัดกระจายไปทั่ว หนิง เสี่ยวเหยา เตะไม้ขึ้นมาและจับมันไว้ในมือของเธอ ก่อนที่จะโยนมันไปที่คนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือบนหลังคา

เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองและเสียงหลังคาพังดังออกมาเหนือศีรษะของโหลว จื่อกุ้ย และฟางถัง พวกเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นร่างของคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือตกลงมาอยู่แทบเท้าของพวกเขา ศีรษะของเขาไม่เพียงแต่อาบไปด้วยเลือด แต่ขาก็หักเช่นกัน

"ช่างดุเดือดมาก" ฟางถัง ถอนหายใจด้วยความรู้สึกภายในใจของเขา หากฝ่าบาทสามารถเข้าร่วมในสนามรบ เขาก็จะไปเป็นนักรบที่นั่นด้วยเช่นกัน!

โหลว จื่อกุ้ย จับหน้าผากของเขาในขณะที่ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง "มีเพียงทหารองครักษ์มังกรพิทักษ์หนึ่งร้อยคนอยู่ที่นี่ แล้วอีกสองร้องคนไปอยู่ที่ไหน? แล้วซองที่เจ็ดและคนที่เหลือเล่า? "

ซองจินอยู่ในอันดับที่ 7 ในหมู่พี่น้องของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงถูกเรียกว่า ซองที่เจ็ดในกองทัพ เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฟางถังก็กลับมามีสติอีกครั้ง ถูกต้องพวกเขาทั้งตะโกนและสังหารราวกับพายุอยู่ที่นี่ แต่ทำไมซองที่เจ็ดและคนอื่น ๆ ยังไม่ออกมาจากที่ซ่อนเลย?

"พวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?" โหลว จื่อกุ้ย ถามด้วยเสียงที่ต่ำ ฟางถัง ยกแขนขึ้นและชี้ไปที่ตรอกที่อยู่ทางด้านหลังของพวกเขา ซองจินและคนอื่น ๆ น่าจะซ่อนอยู่ที่นั่น

วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 31: ฝ่าบาทหนิงควงอิ้ฐ




ฟางถังขว้างฟันทองไปที่ชายวัยกลางคนที่ไล่ตามนกกระจอกมา เพียงแค่แวบแรกที่ได้เห็นก็สามารถบอกได้ทันทีว่าคนผู้นี้แต่งตัวเหมือนพ่อค้าม้าของแคว้นฮูเหนือ พ่อค้าม้าเหลือบมองไปที่ผ้าม่านที่ยกขึ้นของรถม้า ก่อนที่จะคุกเข่าลงไปบนพื้นดินเพื่อขอบคุณฟางถัง

ฟางถังพูดขึ้นอย่างเหยียดหยัน "น่าสมเพช ถึงขนาดปล่อยให้นกขโมยอะไรจากปากของเจ้าเชียวหรือ"

พ่อค้าม้าพูดพึมพำในขณะที่เขายังคงคุกเข่า แม้ว่าเขาจะพูด แต่ก็ไม่มีใครได้ยินคำพูดของเขาได้อย่างชัดเจน

"ถ้าแม้แต่นกกระจอกก็สามารถเอามาได้ เช่นนั้นมันอาจจะไม่ใช่ทองจริง ๆ " หนิง เสี่ยวเหยา กระซิบกับโหลว จื่อกุ้ยที่อยู่ในรถม้า

"ใส่หัวไป เจ้าพวกเร่ร่อน" ฟางถังโบกมือไล่พ่อค้าม้าแคว้นฮูเหนือ

หนิง เสี่ยวเหยาเอียงศีรษะของเธอและถามโหลว จื่อกุ้ยขึ้น "คนขายฟันปลอมเคยหลอกลวงฟางถังหรือ?"

โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกว่าหัวของเขาเริ่มปวดในขณะที่เขาขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะถามขึ้นแทน "วันนี้เจ้าวางแผนจะทำอะไรบ้าง" เขาไม่สามารถไล่ตามความคิดที่โง่เขลาได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะจบลงด้วยการพูดถึงอะไรก็ไม่รู้

"คืนความบริสุทธิ์ให้ท่าน ท่านไม่รู้หรือ "หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น

"... ... " โหลว จื่อกุ้ยถึงกับไรคำพูด แล้วมีใครสนใจที่จะบอกเขาก่อนหรือไม่?

หนิง เสี่ยวเหยา ลดม่านลงแล้วพูดขึ้น  "ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องท่านเอง"

"เหมียว ข้าก็เช่นกัน" หัวหน้าแมวดำร้องขึ้น

นางหมายถึงอะไร นางจะปกป้องเขาหรือ? "เจ้าวางแผนที่จะคืนความบริสุทธิ์ของข้าอย่างไร? พวกเรากำลังฆ่าเปิดทางไปที่แคว้นฮูเหนือหรือ? "โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

 “ฮืม? เมื่อวานนี้ไม่ใช่ท่านบอกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรือ?" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น

โหลว จื่อกุ้ย ไม่ต้องการพูดอีกต่อไป เขาพูดอะไรแบบนั้นด้วยหรือเมื่อวานนี้?

"ไม่ต้องห่วง" หนิง เสี่ยวเหยายกมือขึ้นเตรียมจะจับหน้าผากของโหลว จื่อกุ้ย อีกครั้ง "ท่านแม่ทัพสูงสุก ความบริสุทธิ์ของท่านจะกลับมาเร็ว ๆ นี้"

โหลว จื่อกุ้ย ปัดมือของเธอออก "เจ้าสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเจ้าวางแผนอะไรกันแน่ ... " ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ล้อรถม้าก็วิ่งขึ้นไปบนก่อนหินและทำให้รถม้าสั่น ร่างกายของโหลว จื่อกุ้ย ยังคงอ่อนแออยู่ดังนั้นเขาจึงล้มลงไปบนตักของหนิง เสี่ยวเหยา จากนั้นริมฝีปากของเขาก็สัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่สมควรสัมผัส สัมผัสที่อุ่นใต้ริมฝีปากของเขา ทำให้ใบหน้าของโหลว จื่อกุ้ย เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที แล้วเขาก็รีบนั่งตัวตรงขึ้นทันที หนิง เสี่ยวเหยากัดริมฝีปากของเธอ พวกเขาม้วนตัวอยู่ใต้ผ่าห่มด้วยกันแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังขี้อายอยู่ดี

รถมาวิ่งไปข้างหน้าอีกสักพัก ก่อนที่มันจะหยุดลง

"ฝ่าบาท พวกเรามาถึงที่หอรัญจวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ " เงาพายุพูดขึ้นจากด้านนอก
หนิง เสี่ยวเหยา ออกจากรถม้า ในขณะนี้แคว้นนี้กำลังอยู่ในระหว่างการไว้ทุกข์ ดังนั้นประชาชนทุกคนจึงสวมเสื้อผ้าไว้ทุกข์ เพื่อระลึกถึงฮ่องเต้พระองค์ก่อน ถนนในย่านแสงสีไม่ได้สว่างสไหวเหมือนก่อนและไม่มีใครเดินรอบ ๆ ทุกอย่างดูวิเวกวังเวง หนิง เสี่ยวเหยาเงยหน้าขึ้นมองไปที่อาคารอิฐสามชั้นและอาคารไม้ พร้อมกับคิดว่ามันแตกต่างจากร้านเหล้าในจินตนาการของเธอมาก นอกเหนือจากการขาดลูกค้าแล้ว ยังไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว ร้านค้าทั้งหมดบนถนนสายนี้กำลังจะล้มละลายหรือ?

ฟางถัง ช่วยพยุงโหลว จื่อกุ้ย ออกจากรถม้าอย่างระมัดระวัง เงาพายุได้พาแม่เล้าเข้ามาและหนิง เสี่ยวเหยา ก็จามขึ้นจากกลิ่นแป้งของนาง ก่อนที่นางจะเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอจามและอยากจะบอกผู้หญิงคนนี้ว่าเมื่อมันเป็นเรื่องของน้ำห้อมไม่ต้องอาบมาเช่นนี้ก็ได้ แต่แล้วนกพิราบตัวเล็ก ๆ ก็ร้องออกมา

"พวกป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนืออยู่ที่นี่!"

หนิง เสี่ยวเหยา ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเหนือของถนนและหันกลับไป ก่อนจะวิ่งไปอยู่ด้านหน้าของโหลว จื่อกุ้ย เธอกำลังจะเตือนทุกคนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของศัตรู แต่แล้วลูกธนูก็ยิงออกมาทางโหลว จื่อกุ้ย เงาพายุ พุ่งไปข้างหน้าจากทางด้านหลังของฟางถังและหั่นลูกศรออกเป็นครึ่งด้วยการสะบัดกระบี่เพียงครั้งเดียว

"ฆ่า!" เงาพายุตะโกนขึ้น ในขณะที่เขานำออกไปพร้อมด้วยกระบี่ของเขา

เสียงดังวิ่งผ่านอากาศมาจากด้านหลังพวกเขา หนิง เสี่ยวเหยา หันมาก่อนจะมองเห็นลูกศรยิ่งออกมาหลายร้อยลูกเข้ามาทางพวกเขา

โหลว จื่อกุ้ย เห็นลูกศรและหนิง เสี่ยวเหยา คนที่ยังไม่คิดที่จะหลบเลี่ยง ความกังวลของเขาทำให้เขาร้องออกมา "ฝ่าบาท!"

องครักษ์มังกรพิทักษ์ยกโล่และปิดกั้นลูกศรเอาไว้ หนิง เสี่ยวเหยา ไม่ได้มีเวลามากนัก ก่อนที่การโจมตีของลูกศรครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้น ภายใต้แสงจันทร์หัวลูกศรของพวกมันส่องประกายลงมาเหมือนดวงดาว

"นี่คือธนูเก้าลูกดอกของแคว้นฮูเหนือ!" ฟางถัง ตะโกนขึ้นจากด้านหลัง

หนิง เสี่ยวเหยา ไม่รู้ว่าธนูเก้าลูกดอกคืออะไร แต่เธอเห็นเงาพายุและคนที่เหลือกำลังถูกยิ่งกระหน่ำจากพายุลูกธนู ในขณะที่ยืนอยู่หลังโล่ และพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะตอบโต้ได้ เห็นได้ชัดว่าลูกธนูที่ยิ่งออกมามีแรงกดดันมากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะทำอะไรนอกจากยืนหลบอยู่หลังโล่เท่านั้น

"พวกเจ้าได้วางกำลังคนไว้ตามเส้นทางหรือไม่?" โหลว จื่อกุ้ยถามฟางถังขึ้นด้วยความโกรธ

สายลมในตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว แต่ฟางถัง กลับกำลังเหงื่อแตกออกมา พวกเขาได้จัดวางกำลังคนไว้ตามทางทิศใต้และทางทิศเหนือของถนน แต่ก็มีไม่มาก เขากลัวว่าการวางคนจำนวนมากเกินไปจะยับยั้งคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือไม่ให้เข้ามา ตอนนี้พวกเขากำลังถูกโจมตีอย่างเต็มกำลัง องครักษ์พิทักษ์มังกร ประจำตำแหน่งอยู่ที่ปลายแต่ละด้านไม่มีทางที่จะเปิดทางของพวกเขาออกมาได้

"เจ้ากล้าที่ทำให้ฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้เชียวหรือ?" โหลว จื่อกุ้ย ยกขาของเขาต้องการที่จะเตะสั่งสอนฟางถัง

หนิง เสี่ยวเหยา วิ่งไปและผลักฟางถังไปข้างๆ "พี่ชายฟาง เจ้ายังมีอารมณ์ที่จะมาสนทนาเรื่องอื่นกับท่านแม่ทัพสูงสุดอีกหรือ?"

ขาของโหลว จื่อกุ้ย หยุดอยู่กลางอากาศในขณะที่ฟางถังหลบหลีกเลี่ยงไปได้อย่างหวุดหวิด หนิง เสี่ยวเหยายื่นมือออกไปจับที่รถม้า เธอได้ทำคำนวญเอาไว้แล้วว่ามันเป็นพาหนะที่มีขนาดที่หนัก คราวนี้เธอจึงใช้พลังทั้งหมดของเธอเพื่อจับด้านข้างของรถม้า ก่อนที่จะกลั้นลมหายใจและยกมันขึ้นเหนือศีรษะของเธอ