ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 29:2 จับสายลับ


สัตว์ทุกตัวมองเธอด้วยสายตาที่เปิดกว้าง  คำเหล่านี้ดูเหมือนจะฟังมีเหตุมีผลมาก หนิง เสี่ยวเหยา มองลงไปและเห็นว่ามีพังพอน แบดเจอร์ เม่นและสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เธอไม่เคยรู้จักต่างก็มาที่นี่

"เจ้าจะช่วยเรียกความบริสุทธิ์ของท่านแม่ทัพสูงสุดกลับมาได้อย่างไร?" หัวหน้าแมวดำถามขึ้นในขณะที่เขากิน

"ข้าไม่รู้" หนิง เสี่ยวเหยา ตอบอย่างตรงไปตรงมา

"ปู่นกกระจอก" หัวหน้ามแมวดำยกศีรษะขึ้นเพื่อถามนกกระจอกชราที่ต้นไม้ "ท่านสามารถไปขโมยหนังสือที่ทำร้ายท่านแม่ทัพสูงสุดจากจวนของคนสารเลวเซี่ยผู้นั้นได้หรือไม่"

ดวงตาของหนิง เสี่ยวเหยา สว่างขึ้น นี้เป็นความคิดที่ดี!

ปู่นกกระจอกส่ายหัว "ข้าไม่สามารถยกมันขึ้นด้วยปากของข้าได้"

“… …” หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก

"ไปหาเหยี่ยว!" เสียงดังออกมาจากใต้เท้า หนิง เสี่ยวเหยา เหลือบมองลงไปและเห็นว่าแม้แต่มดก็มา

"จดหมายพวกนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร? เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่ามันเป็นของปลอมหรือไม่" พังพอนอมตะถามขึ้น หนวดเคราสีขาวของเขามีร่องรอยของน้ำซุป คำพูดของเขาแสดงถึงความฉลาดเหนือกว่าผู้อื่น การแสดงออกของหนิง เสี่ยวเหยา เปลี่ยนเป็นความขมขื่นขึ้นอีกครั้ง ถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถวิ่งไปจับตัวโม่โตวมาจากแคว้นฮูเหนือได้ แล้วเธอควรจะพิสูจน์ว่าจดหมายเป็นของปลอมได้อย่างไร?

หัวหน้าแมวดำไม่พอใจจนไม่อยากกินหอยเชลล์อีกต่อไปแล้ว ก่อนจะพูดขึ้น "เช่นนั้นก็ไม่มีทางหรือ? เหมียว เจ้าได้สัญญากับข้าแล้วหยูน้อย! "

หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกว่าขนของเธอตั้งขึ้น เมื่อสิ้นสุดคำพูดของหัวหน้าแมวดำ เมื่อเขาเรียกเธอว่าหยูน้อย หยูน้อยอะไร หนิง เสี่ยวเหยาจ้องมองไปที่หัวหน้าแมวดำทันที

"ฝ่าบาท" เมื่อขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ผู้นี้ หัวหน้าแมวดำจึงกลาย เป็นคู่สนทนาที่ว่าง่ายและแก้ไขความผิดผลาดได้อย่างง่ายดาย

"ชื่อของข้าคือ หนิง เสี่ยวเหยา " หนิง เสี่ยวเหยา แนะนำตัวเองกับสัตว์ทั้งหลาย

"แต่ชื่อของเจ้าคือหนิงหยู" แมวประท้วงขึ้น

"หนิง เสี่ยวเหยา" ในเรื่องของชื่อ หนิง เสี่ยวเหยา นั้นเด็ดขาดมาก ทุกคนที่ต้องการสามารถใช้ชื่อที่โชคร้ายอย่างเช่นหนิงหยูได้ แต่เธอจะไม่ใช้มัน แม้ว่าจะตายก็ตาม

"เช่นนั้นเสี่ยวเหยา" หัวหน้าแมวดำขีดข่วนอย่างร้ายกาจไปที่แมวที่ขัดจังหวะขึ้นและพูดต่อ "เจ้าได้สัญญากับข้าแล้ว เจ้าจงรักษาสัญญาของเจ้า!"

หนิง เสี่ยวเหยา นั่งลงไปบนพื้นเต็มไปด้วยความรำคาญ "ใช่ข้าให้สัญญากับเจ้า ให้เวลาข้าคิดหน่อยไม่ได้หรือไง”

"ข้ามีหลานชายเล็ก ๆ ที่บอกข้าว่าแคว้นฮูเหนือได้ส่งจดหมายมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานนี้" ปู่นกกระจอกพูดเสียงดังขึ้นจากกิ่งของต้นไม้ที่เขายื่นอยู่ "ท่านแม่ทัพสูงสุดยังไม่ตาย เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสุขและสงบได้"

หนิง เสี่ยวเหยา ถอยหายใจออก ก่อนที่จะลุกขึ้นและถามปู่นกกระจอกออกไป "มีคนป่าเถื่อนของแคว้นเหนืออยู่ในเมืองหลวงด้วยหรือ?"

"แน่นอนว่าต้องมี!" สัตว์ทุกตัวร้องขึ้น ทำไมคนไม่เต็มเต็งผู้นี้ถึงไม่รู้? นั่นไม่ใช่ว่ามันจะดูโง่เกินไปหรือ

ในลานด้านหน้า เงาสายฟนถามหัวหน้าของเขาขึ้น "ฝ่าบาทเลี้ยงฝูงสัตว์ไว้ในสวนดอกไม้ด้วยหรือ?"

เงาพายุพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจำเป็นต้องมีกงด้วยหรือถึงจะเลี้ยงได้"

"มีนกส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ และมีแมวร้องเหมียวๆ" เงาสายฟ้าพูดขึ้น "แล้วยังมีอะไรอีกบ้าง?"

"สุนัขจิ้งจอก?"องครักษ์มังกรพิทักษ์ เดาขึ้น

ปั้ง!

ทุกคนได้ยินเสียงดังและเกือบจะกระโดดขึ้น ในวินาทีถัดมาหนิง เสี่ยวเหยา วิ่งออกมาจากสวนดอกไม้อย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเธอเพิ่งเห็นอะไรมา เธอโบกมือให้กับเงาพายุและคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดขึ้น "สายลม ซองน้อย พวกเจ้ามาทางนี่ เรากำลังจะรวมพลขึ้น! "

"... ... " แม่ทัพนายพลและเหล่าองครักษ์มังกรพิทักษ์ต่างก็ไร้คำพูด รวมพลอะไร?

ในเวลาครึ่งหนึ่งของก้านธูป หนิง เสี่ยวเหยาก็ตั้งใจที่จะเริ่มต้นของการรวมผลครั้งแรกในห้องโถงด้านข้างของตำหนัก

"หัวข้อของการรวมผลของพวกเราในวันนี้คือการหารือถึงวิธีการเรียกความบริสุทธิ์ของท่านแม่ทัพสูงสุดกลับมา" หนิง เสี่ยวเหยา นั่งอยู่บนโซฟาที่มีขนาดเท่ากับเตียง ใบหน้าของเธอจริงจังและเคร่งขรึมมาก

ฟางถัง เพิ่งจะนั่งลงแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของ หนิง เสี่ยวเหยา "ฝ่าบาทพระองค์มีวิธีหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

หนิง เสี่ยวเหยา โบกมือบอกให้ฟางถังนั่งลง "นั่งลงก่อน พวกเราจะพูดจริงจังถ้ามีคำที่จะพูด อย่าตื่นเต้น "

แม่ทัพฟางจึงทำได้เพียงนั่งลงไปได้อีกครั้ง

"ฮะแอมๆ" หนิง เสี่ยวเหยาล้างคอของเธอ "ตอนนี้ท่านแม่ทัพสูงสุดกำลังหลับอยู่ พวกเราจะไม่ปลุกเขาให้ตื่น แผนเดิมของข้าคือการฆ่าเปิดทางของเราไปยังแคว้นฮูเหนือและจับคนไร้ยางอายโม่โตวมา"

ทุกคนไร้คำพูดและต่างงงงวย

"แต่ท่านแม่ทัพสูงสุดบอกว่ามันเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้" แล้วหนิง เสี่ยวเหยาก็พูดขึ้นอีก

"... ... " ทุกคนต่างก็คิด ได้โปรดอย่าทำให้เกิดปัญหาอีก เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

"เมื่อครู่ ข้าพึ่งได้รับข่าวว่าแคว้นฮูเหนือรู้สึกไม่พอใจมากที่ได้เห็นท่านแม่ทัพสูงสุดยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่มีความสุขอย่างมาก "หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น

"กระหม่อมขอถามฝ่าบาท" ซองจินพูดขึ้น "ฝ่าบาทได้ข่าวดังกล่าวมาจากไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หนิง เสี่ยวเหยา จึงพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด "เพื่อนตัวเล็กๆ ของข้ามีความสามารถมาก"

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ามันเปลี่ยนเป็นความลึกลับและหยั่งไม่ถึงจริงๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าฝาบาทได้ฝึกกองกำลังของพระองค์เองในขณะที่อาศัยอยู่ที่จวนของท่านอุปราช?

หนิง เสี่ยวเหยา มองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าและพูดขึ้น "ข้ากำลังคิดแบบนี้ ถ้าแคว้นฮูเหนือ ต้องการที่จะฆ่าท่านแม่ทัพสูงสุด เช่นนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าได้พิสูจน์แล้วหรือว่าเขาบริสุทธิ์? "

ทุกคนเริ่มมองหน้ากันและกัน ก่อนที่จะเต็มไปด้วยความสุข ใช่แล้ว! ซองจินใช้เวลาสักครู่เพื่อพูดคุยกับสมาชิกที่มีประสบการณ์ของเขา

"แล้วถ้าเกิดอุปราชเซี่ย กล่าวหาท่านแม่ทัพสูงสุดและแคว้นฮูเหนือเพียงแค่เล่นละครเล่าพ่ะย่ะค่ะ?"

"ถ้าแคว้นฮูเหนือปรากฏตัวขึ้นเพื่อฆ่าท่านแม่ทัพสูงสุด มันก็จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนดี" หนิง เสี่ยวเหยาตอบ "ในขณะเดียวกัน พวกเราจะมีโอกาสที่จะกลั่นกรองหาความลับของแคว้นฮูเหนือความลับ ... คนลับ ลับ ... " บ้าเอ้ย หนิง เสี่ยวเหยาเกาหัว ที่นี่พวกเขาเรียกคนที่ทำหน้าที่สอดแนมว่าอะไรนะ

"สายลับ" ฟางถัง เตือนเธอขึ้น

"โอ้ ใช่แล้ว สายลับ "หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "เราจะคว้าโอกาสนี้ในการจับกุมสายลับทั้งหมด จะมีคนโง่ที่ไหนที่จะทำอะไรโง่ๆ เพื่อให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพที่เลวร้าย? "

วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 29: เรียกประชุมครั้งแรก



หนิง เสี่ยวเหยาไม่สนใจเรื่องต่างๆเช่นชื่อเสียง ผู้คนในช่วงที่โกลกำลังจะแตกไม่รู้ว่าพวกเขาจะถูกโดยซอมบี้กัดตอนไหน การรอดตายก็ยากอยู่พอแล้ว ดังนั้นชื่อเสียงจึงไม่มีค่า แต่ตอนนี้หนิง เสี่ยวเหยา สนใจเรื่องชื่อเสียงของโหลว จื่อกุ้ย มาก ชายผู้นี้ได้ต่อสู้เลือดตกและได้รับบาดเจ็บสาเพื่อประเทศของเขา ก่อนจะถูกสาปแช่งว่าเป็นคนทรยศ เพื่ออะไร? เพียงเพราะเขาเป็นเพื่อนกับองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ? หนิง เสี่ยวเหยา ไม่เข้าใจมัน ดังนั้นแน่นอนว่าเธอไม่สามารถรับมันได้

"ไม่ต้องกลัว" หนิง เสี่ยวเหยาตบหน้าอกของเธอ ในขณะที่เธอสัญญากับโหลว จื่อกุ้ยขึ้น "แน่นอนข้าจะช่วยให้ท่านได้รับความบริสุทธิของท่านกลับมา"

อาการบาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย ไม่เจ็บอีกต่อไป แต่หัวของเขากลับปวดขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกเหนื่อยและสับสนมาก หนิง เสี่ยวเหยา ยกมือขึ้นเพื่อจับไปที่หน้าผากของโหลว จื่อกุ้ย การเคลื่อนไหวของนางเร็วเกินไป ดังนั้นเมื่อโหลว จื่อกุ้ยรู้ตัวมันก็วางลงไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้นิ้วมือเรียวผอมของนางก็กำลังสัมผัสผิวหนังของเขาอยู่ เขาหรี่ตาลง ทักษะศิลปะการต่อสู้ของคนคนนี้ค่อนข้างสูงมาก

"ถ้าท่านเหนื่อยก็นอนซะ" หนิง เสี่ยวเหยาจับหน้าผากของเขา แสงสีเขียวอ่อนๆ ก็วิ่งเข้าไปในหัวของเขาอีกครั้ง "ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือไม่" เธอถามขึ้นเบา ๆ

สายตาของโหลว จื่อกุ้ย เปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยขึ้นอีกครั้ง เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้กลิ่นหอมของหญ้า ต้นไม้และทุ่งหญ้าหลังฝนตก "เป็นเจ้าเองหรือ?" เขาถามหนิง เสี่ยวเหยา ด้วยความสงสัย
หนิง เสี่ยวเหยา ดึงมือของเธอออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส กลิ่นลมจางๆหายไปในอากาศอย่างรวดเร็วโดยไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกไม่เต็มใจที่กลิ่นหอมนั้นหายไป เขาก้มศีรษะลงไปมองที่มือผอมบางมาก ๆ ของ หนิง เสี่ยวเหยา

"เจ้ารู้ทักษะการต่อสู้ด้วยหรือ?" เขาถามขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา ไม่รู้ว่าหนิงหยูเคยเรียนทักษะการต่อสู้มาหรือไม่ แต่เธอก็ไม่สนใจ "ข้าเคยเรียน ยังมีซุปทะเลอร่อยๆ อยู่ข้างนอก ท่านต้องการบ้างไหม? ข้าจะไปเอามาให้ "

โหลว จื่อกุ้ย ยังไม่มีโอกาสได้พูด ก่อนที่หนิง เสี่ยวเหยาจะวิ่งออกไป เขานั่งอยู่บนโซฟาต่ำและมองไปที่ประตูที่ปิดสนิทอีกครั้ง ก่อนที่สติของเขาจะกลับมา เขาอยากจะพูดกับนางเกี่ยวกับตัวตันที่เป็นผู้หญิงของนาง แต่การเดินพลังของนางทำให้เขาหมดแรง นอกเหนือจากคำพูดแรกของเขาในช่วงเริ่มต้นของการสนทนาของพวกเขาแล้ว เขาก็ยังไม่ได้พูดเลย!

หนิง เสี่ยวเหยา วิ่งเข้าไปในทางเดินและเต็มไปด้วยความสับสนในขณะที่เห็นซุปหอยเชลล์ยังคงเต็มอยู่ ทำไมไม่มีใครดื่มอะไรอร่อย ๆเช่นนี้? "ไม่มีใครดื่มมันเลยหรือ?” หนิง เสี่ยวเหยาถามฟางถัง และคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่รอบ ๆ "ถ้าพวกเจ้าไม่ดื่ม ข้าก็จะเอาไปให้ท่านแม่ทัพสูงสุด"

หมอหลวงกั๋ว ยืนอยู่ที่ลานจนกระทั่งเขาได้ยินคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยาและเห็นเธอกำลังจะวิ่งออกไป เขาไม่แม้แต่จะหยุดที่จะทำความเคารพ ก่อนที่จะร้องขึ้น "ฝ่าบาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถกินอาหารที่ทำจากหอยเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ"

 “ฮืม?” หนิง เสี่ยวเหยาตกใจ

"พวกเขากินไม่ได้หรือ" หมอหลวงกั๋ว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง นับตั้งแต่เขาถูกนำตัวมาที่นี่ด้วยดาบที่จ่ออยู่บนคอของเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อคนเหล่านี้ พวกเขามีบาดแผลภายนอกและยังต้องการกินอาหารที่จะทำให้บาดแผลขยายตัวอีกหรือ? พวกเขาปรารถนาตวามตายหรืออย่างไร?

หนิง เสี่ยวเหยา อยากจะบอกว่าบาดแผลของท่านแม่ทัพสูงสุดกำลังจะหาย แต่เธอก็หยุดความคิดนี้ลง คนเหล่านี้จะปฏิบัติกับท่านแม่ทัพสูงสุดเหมือนคนประหลาดหรือไม่ ถ้าเขาจะหายจากอาการบาดเจ็บของเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

"ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" หมอหลวงกั๋วตะโกนขึ้น

เธอถอนหายใจ "เช่นนั้นก็ลืมมันไปซะ พี่ชายฟาง ไปที่ห้องครัวและหาซุปอื่นมาแทน”

ฟางถังรับคำสั่งและจากไป

"เจ้ากินมันหรือไม่?" หนิง เสี่ยเหยา ถามหมอหลวงกั๋วขึ้น คนที่กำลังส่ายหัวอยู่ในตอนนี้ เขาไม่ต้องการกินอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในอนาคต! แม่ทัพนายพลหลายคนส่ายหัวของพวกเขาให้กับหนิง เสี่ยวเหยาเหมือนกัน พวกเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะกิน แล้วจู่ๆ หนิง เสี่ยวเหยาก็วางถังใบใหญ่ยักษ์ไว้บนบ่าของเธอ ถ้ามนุษย์ไม่กินอาหารเช่นนั้นก็เอาไปให้แมวกิน

"... ... " ไปทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึง ถังนี้สูงกว่าฝ่าบาทเสียอีก แต่เขาก็เอามันออกไปทั้งแบบนั้น เขามีความแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?

หัวหน้าแมวดำและส่วนที่เหลือ เห็นหนิง เสี่ยวเหยา ออกมาพร้อมกับถังใหญ่ยักษ์ของหอยเชลล์ พวกมันก็กระโดดลงมาจากต้นอู๋ถงด้วยความตื่นเต้น พวกมันล้อมรอบหนิง เสี่ยวเหยา พร้อมกับร้องเหมียวๆ ขึ้น หนิง เสี่ยวเหยา มองหาที่ว่างเปล่าและไม่สนใจพิธีการทั้งหมดก่อนที่จะเทซุปลงไป ในขณะที่เธอพูดขึ้น "กิน" จากนั้นเธอก็ยกถังขึ้นและดื่มส่วนที่เหลือ

เมื่อเผชิญหน้ากับอาหารมื้ออร่อยที่อยู่ต่อหน้าเขา หัวหน้าแมวดำก็ยังคงไม่ลืมที่จะถามขึ้น "แล้วท่านแม่ทัพสูงสุดล่ะ"


หนิง เสี่ยววางถังลงและพูดขึ้น"หลับไปแล้ว"

หัวหน้าแมวดำก้มศีรษะของเขาลงไปเพื่อกินหอยเชลล์บนพื้นต่อ เคี้ยวและเคี้ยว แต่แล้วจู่ๆ ก็เหมือนเขานึกถึงอะไรขึ้นมาได้เขาก็ร้องออกมาด้วยเสียงที่สุดระทึก "ไม่ใช่ว่าท่านแม่ทัพถูกยาพิษหรือ?!"

"... ... " หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก นี่มันจะแฟนตัวยงอะไรกันหนักหนา นี่มันก็เป็นเวลาดึกแล้ว แต่พึ่งจะมาจำได้เกี่ยวกับยาพิษของท่านแม่ทัพสูงสุดในตอนนี้ หัวหน้าแมวดำวิ่งขึ้นไปบนไหล่ของหนิง เสี่ยวเหยาและเกาหน้าด้วยอุ้งท้าวของมันก่อนจะพูดขึ้น "ท่านแม่ทัพสูงสุดถูกวางยาพิษ ท่านแม่ทัพสูงสุดถูกวางยาพิษ ท่านแม่ทัพสูงสุดถูกวางยาพิษ... "

"พอแล้ว" หนิง เสี่ยวเหยาจับหัวหน้าแมวดำขึ้นมา "ข้าได้รักษายาพิษในตัวท่านแม่ทัพสูงสุดไปแล้ว"

"เจ้าเป็นหมอหรือ?"แมวสีขาวตัวน้อยและมีขนที่ยาวถามขึ้น แล้วหนิง เสี่ยวเหยาก็พยักหน้า

"เป็นไปไม่ได้" นกกระจอกชราส่งเสียงขึ้นจากยอดไม้ "เจ้าอ่านหนังสือเพียงไม่กี่เล่มและพวกมันก็ได้รับการสั่งสอนจากแม่นมของเจ้าเท่านั้น! เพราะอุปราช ไม่อนุญาติให้เจ้าได้เรียนรู้อะไรเลย "

หนิง เสี่ยวเหยา กรอกตาของเธอและพูดขึ้น "ข้าถึงขนาดสามารถพูดคุยกับพวกเจ้าได้ ดังนั้นทำไมข้าจะเป็นหมอไม่ได้"

วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล)ตอนที่ 28:2 หนิง เสี่ยวเหยาคนงี่เง่า

โหลว จื่อกุ้ย ไม่โกรธอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความสับสนกับคำพูดของหนิง เสี่ยวเหยาอย่างสมบูรณ์ นางรู้หรือไม่ว่านางกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?

หนิง เสี่ยวเหยา ตะโกนออกไปนอกหน้าต่าง "เรากำลังพูดถึงเรื่องที่จริงจังกันอยู่ พวกเจ้าทั้งหมดช่วยเงียบลงหน่อยได้ไหม?"

แมวทางด้านนอกหน้าต่างก็หยุดลง โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง! หนิง เสี่ยวเหยา กลับมาพูดต่อ "ข้าไม่สามารถคืนความบริสุทธิให้กับร่างกายของท่านได้"

โหลว จื่อกุ้ยยังคงหาคำพูดไม่เจอ  

"แต่ข้าสามารถช่วยแก้ข้อกล่าวหาที่ว่าท่านได้ทรยศต่อประเทศของท่านได้" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น

ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่เขาสามารถตอบกลับได้ "เจ้าวางแผนที่จะทำอย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

"ฟางถังได้วิเคราะห์สิ่งต่างๆแล้ว จดหมายในมือของอุปราช ต้องถูกปลอมขึ้นโดยท่านข่านสูงสุดของแคว้นฮูเหนือ โม่โตว" หนิง เสี่ยวเหยวพูดหยุดและพูดขึ้นอีก "ดังนั้นข้าจึงคิดว่าถ้าเราสามารถฆ่าเปิดทางของเราไปยังแคว้นฮูเหนือที่ป่าเถื่อนและจับคนที่ไร้ยางอายพวกนั้นมา แล้วทุบตีและกดขี่ข่มเหงเขาจนกว่าเขาจะยอมรับความผิด เท่านี้ความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุดก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ?"

"... ... " โหลว จื่อกุ้ยเต็มไปด้วยความเงียบ ถ้าพวกเขาเพียงจับกุมโม่โตวได้ง่ายๆเช่นนั้น แล้วทำไมเขาถึงต้องปกป้องทั้งหกเขตอันหยวน ด้วยกองทหารขนาดใหญ่เช่นนั้น?

หนิง เสี่ยวเหยา ได้ขอความเห็นจากโหลว จื่อกุ้ยในเรื่องนี้ขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพสูงสุด ท่านมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับความคิดของข้า?"

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าแคว้นฮูเหนือเป็นอย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา เอียงหัวของเธอไปด้านข้างพร้อมกับใช้ความคิด หนิงหยูได้พูดไว้ก่อนหน้านั้นว่ากองทัพของแคว้นฮูเหนือได้ผ่านมาแล้ว แคว้นนี้ไม่สามารถรักษาตัวเองได้อีกต่อไป 'ดังนั้น' ข้าต้องการจะดูว่าท่านจะสามารถยึดครองสวรรค์และโลกไว้ได้นานแค่ไหน! หนิง เสี่ยวเหยา จำคำเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

"แคว้นฮูเหนือแข็งแกร่งมากหรือ?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น

โหลว จื่อกุ้ย สามารถบังคับให้จิตวิญญาณของเขาตื่นตัว ในขณะที่เขาอธิบายถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างราชวงศ์โหยงหนิง และแคว้นฮูเหนือ พวกเขามีส่วนร่วมในการต่อสู้เป็นเวลานานกว่า 200 ปี นานพอที่จะเปลี่ยนให้การเป็นปฏิปักษ์กลายเป็นความเกลียดชังลึกราวกับทะเล ผลสุดท้ายจะมีเพียงราชวงศ์โหยงหนิงจะล้มสลาย หรือแคว้นฮูเหนือถูกทำลายเท่านั้น

"เข้าใจหรือยัง" โหลว จื่อกุ้ย ถามหนิง เสี่ยวเหยาขึ้นในตอนท้าย

หนิง เสี่ยวเหยา พยักหน้าของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ "กลุ่มคนเลี้ยงแกะเป็นคนน่าเกรงขามมากขนาดนี้เลยหรือ? พวกเขาต่อสู้กับท่าน ไม่ใช่กับเราเป็นเวลากว่า 200 ปีเลยหรือ? "

คนเลี้ยงแกะ คนเลี้ยงแกะ ...

คำพูดเหล่านี้สะท้อนความผิดหวังในหัวของโหลว จื่อกุ้ย เป็นเวลานานจนเขาจะรู้สึกเหมือนอยากจะตาย หลังจากทั้งหมด หญิงสาวงี่เง่าผู้นี้ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย! หนิง เสี่ยวเหยาที่เต็มไปด้วยความงงงวย หยิบขนมปังนึ่งเข้าปากอีกกครั้งก่อนจะพูดขึ้น "หรือว่าคนจากทุ่งหญ้าก็มีวิวัฒนาการทางพันธุกรรมเหมือนกัน?"

“อะไรนะ?” โหลว จื่อกุ้ยไม่เข้าใจ

"ฮืม" หนิง เสี่ยวเหยารีบพูดขึ้น "พวกเขาสามารถบินได้หรือ? พวกเขาสามารถควบคุมฟ้าร้องและฟ้าผ่า ใช้พลังเหนือมนุษย์ วิ่งด้วยความเร็วอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนสถานที่ได้ในทันทีหรือ ... "

"พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มชนเผ่าม่านเท่านั้น" โหลว จื่อกุ้ยหยุดนางขึ้นทันที

"ในตอนนั้นที่ฟางถังได้พูดถึงมัน ข้าก็อยากจะถามด้วยเช่นกัน ชนเผ่าม่าน คืออะไรหรือ? "หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น
โหลว จื่อกุ้ย ระงับความโกรธในหัวใจของเขา "คนป่าเถื่อน พวกคนไร้อรยธรรมของชนเผ่าม่านเป็นพวกที่ไม่เคยเรียนรู้สิ่งต่างๆเช่นมารยาทหรือการมีอัธยาศัยที่ดี"

"โอ้" หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ดังนั้นถ้าคนเป็นมนุษย์ปกติ แกะของพวกเขาก็อาจจะมีอำนาจเหนือธรรมชาติ? พวกเขาสามารถยิงเปลวไฟหรือน้ำได้หรือไม่ แล้วพลังของพวกเขา ... "

"เจ้ากำลังสร้างเรื่องอะไรอยู่? ใครบอกเจ้าเรื่องโกหกและเรื่องไร้สาระเหล่านี้? "โหลว จื่อกุ้ย ขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง การถูกขังจากน้ำมือของเซี่ย เวินเยี่ยน ทำให้คนนี้กลายเป็นคนงี่เง่าหรือ?

หนิง เสี่ยวเหยา ขุดนิ้วของเธอลงไปบนผ้าห่มขนสัตว์บนโซฟา สัตว์ในโลกกำลังจะแตกของเธอ ถ้าไม่ใช่ซอมบี้ ก็จะมีวิวัฒนาการทางพันธุกรรมเหมือนสัตว์ที่ดุร้าย ศีรษะของเธอหดลงในขณะที่ร่างของเธอหดตัวลง ในสายตาของ โหลว จื่อกุ้ย เธอดูน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก

"เราไม่สามารถจับโม่โตวได้ อีกอย่างแคว้นฮูเหนือก็ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะ "โหลว จื่อกุ้ย เปลี่ยนน้ำเสียงของเขาให้อ่อนลงในขณะที่เขาอธิบายขึ้นเบา ๆ
หนิง เสี่ยวเหยา ขุดผ้าห่มขนสัตว์ ในขณะที่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าพวกร่อนเร่ที่ออกค้นหาทุ่งหญ้า อาจจะไม่ได้เรียกว่าคนเลี้ยงแกะสำหรับที่นี่ก็ได้

"ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับข้า" โหลว จื่อกุ้ย พูดขึ้นอีกครั้ง "ความมีเหตุมีผลเป็นธรรมชาตีที่จะอยู่ในใจของผู้คน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว"

หนิง เสี่ยวเหยา เงยหน้าขึ้นทันที “ความมีเหตุมีผลเป็นธรรมชาติที่จะอยู่ในใจของผู้คนอะไรกัน? ท่านลืมไปแล้วหรือ? ว่าวันนี้หลายคนอยากจะกินท่านทั้งเป็น ท่านคิดว่าทุกคนรักท่านอยู่ในตอนนี้หรืออย่างไร? "


โหลว จื่อกุ้ย ไม่ต้องการพูดคุยกับคนงี่เง่าคนนี้อีกต่อไป

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 28: ฝ่าบาทหนิงไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ


ฟางถัง ไม่คิดว่าจดหมายเหล่านั้นจะถูกอุปราชปลอมขึ้นมา และอธิบายถึงข้อสันนิษฐานและเหตุผลทั้งหมดของเขา ในที่สุดเขาก็จบลงด้วยเสียงที่น่ารังเกียจ "กระหม่อมแน่ใจได้ว่าแคว้นฮูเหนือต้องการที่จะเห็นท่านแม่ทัพสูงสุดกลายเป็นเนื้อสับ"

หนิง เสี่ยวเหยา ถอนหายใจด้วยอารมณ์ หลังจากได้ยินประวัติศาสตร์ระหว่างท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวและแคว้นฮูเหนือ "น่าจะเป็นเช่นนั้น แม่ทัพสูงสุดโหลวถึงขนาดสังหารบิดาของท่านข่าน ดังนั้นความแค้นของพวกเขาต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก "

"กระหม่อมเพียงหวังว่าวันหนึ่งแม่ทัพของราชวงศ์โยงหนิงจะสามารถเหยียบย่ำราชวงศ์ฮูเหนือและฆ่าคนเผ่าม่านเหล่านั้นได้!" ฟางถังพูดอย่างโหดเหี้ยมขึ้น

 “… …” หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับไร้คำพูด เขาไม่ได้เพียงต้องการที่จะฆ่าทั้งครอบครัว แต่ทั้งชนเผ่าเลยหรือ

หลังจากที่เสร็จสิ้นการละบายออกถึงความเกลียดชังของเขา ใบหน้าของฟางถังก็ขมขื่นขึ้นอีกครั้ง "ฝ่าบาท แล้วพวกเราจะเรียกคืนความบริสุทธ์ของท่านแม่ทัพสูงสุดได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?"

หนิง เสี่ยวเหยา เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า "มันเป็นปัญหาจริงๆ"

ฟางถัง ผลักประตูตำหนักมังกรให้เปิดออกเพื่อหนิง เสี่ยวเหยา และพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความศรัทธา "ฝ่าบาททรงฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก กระหม่อมเชื่อว่าฝ่าบาทจะสามารถทำมันได้พ่ะย่ะค่ะ "

หนิง เสี่ยวเหยา มองอย่างจริงจังในขณะที่เธอพยักหน้า "ให้ข้าคิดให้รอบคอบก่อน" เนื่องจากปัญหาอยู่ที่นี่แล้ว มันจำเป็นต้องมีใครบางคนแก้ปัญหา หนิง เสี่ยวเหยาพยายามรวบรวมตัวเองเพื่อสู้เพื่อเด็กกำพร้าที่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างท่านแม่ทัพสูงสุด

ปัจจุบันองครักษ์มังกรพิทักษ์กำลังนั่งอยู่บนพื้น บนลานด้านหน้าตำหนักมังกร เมื่อพวกเขาเห็น หนิง เสี่ยวเหยา พวกเขารีบเร่งที่จะยกย่องและทำความเคารพขึ้นทันที

"กิน" หนิง เสี่ยวเหยา โบกมือขึ้น "มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธที่จะกินเมื่อมีอาหาร กินให้อิ่มและให้พี่ชายฟาง นำมาเพิ่มเติมถ้าไม่เพียงพอ"

"... ... " ฟางถังถึงกับพูดไม่ออก เขาเป็นคนส่งอาหารแล้วหรือตอนนี้? นอกจากนี้ยังเป็นพี่ชายฟางอีก?

ตอนนี้หนิง เสี่ยวเหยา อิ่มแล้วเธอก็มีกำลังที่จะรักษาผู้อื่น เธอเลือกไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและจับไปที่ศีรษะตรงนี้บ้าง จับไปที่หัวไหล่ที่ตรงนั้นบ้าง และภายในกะพริบตาเธอก็เปลี่ยนแผลที่รุนแรงเป็นแผลที่ธรรดาได้ องครักษ์มังกรพิทักษ์รู้สึกว่าบาดแผลของพวกเขาหยุดเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีผู้ใดเห็นว่ามันเป็นความสามารถที่เหนือธรรมชาติ พวกเขาเพียงคิดว่าพวกเขาอายุยังน้อยความเจ็บปวดจึงหายไปได้อย่างรวดเร็วและหมอหลวงกั๋ย ก็ได้ให้ยาที่ดีแก่พวกเขา

โหลว จื่อกุ้ย ยังอยู่ในห้องโถงของตำหนัก แต่ไม่ได้นอนบนเตียงมังกร เขาครึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆม้านั่งยาวอยู่ข้างหน้าต่าง มีขนมปังนึกอยู่ในมือของเขาแม้ว่าเขาจะไม่มีความอยากอาหารและไม่รู้สึกหิว แต่เขายังคงบังคับตัวเองให้กิน เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีเวลาที่จะมาเสียไปกับการรักษาบาดแผลของเขา เมื่อหนิง เสี่ยวเหยา เปิดประตูเข้ามา โหลว จื่อกุ้ย ก็เพิ่งจะกินขนมปังหนึ่งไปครึ่งเดียว สายตาของเธอทำให้เขาสำลัก หนิง เสี่ยวเหยา สำรวจโหลว จื่อกุ้ย จากประตูและตัดสินว่าตอนนี้เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำ เธอยืดหน้าอกของเธอและเดินไปที่โซฟาก่อนจะทักทายเขาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอื่นอยู่ที่นี้

"ท่านแม่ทัพสูงสุด ขนมปังหนึ่งอร่อยหรือไม่?"

"... ... " โหลว จื่อกุ้ยถึงกับไร้คำพูด ผู้หญิงคนนี้ยังมีอารมณ์ที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องขนมปังหนึ่งกับเขาอีกหรือ?

หัวหน้าแมวดำ กระโดดลงจากไหล่ของหนิง เสี่ยวเหยา และลงไปที่โซฟา เขาไม่กล้าแตะต้องโหลว จื่อกุ้ย แต่นั่งลงไปใกล้ๆ เขาให้มากที่สุด แมวบนต้นอู๋ถงข้างนอกต่างส่งเสียงเชียร์ขึ้น

หนึ่งในนั้นคือแมวลายเสือที่หนิง เสี่ยวเหยาไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้ที่พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลขึ้น "เจ้านาย ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะได้ดมกลิ่นน้ำมันหอมของท่านแม่ทัพสูงสุดเสียที"

หนิง เสี่ยวเหยาเงียบ แมวตัวนี้เคยรู้หรือไม่ว่ากลิ่นน้ำมันหอมคืออะไร?

ความคิดของโหลว จื่อกุ้ยไม่ได้อยู่ที่สัตว์ เขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้สังเหตุเห็นหัวหน้าแมวดำด้วยซ้ำ ในขณะที่เขาพูดกับซองจินและคนอื่นๆ "พวกคุณทุกคนออกไปได้ ไปหาอะไรกินซะ"

หนิง เสี่ยวเหยา พูดกับซองจินขึ้นด้วย “เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่? ค้นห้องที่ว่างเปล่าสำหรับสายลม และทหารส่วนที่เหลือ ถ้าพวกเขายังตากลมอยู่ในลานด้านหน้า พวกเขาจะป่วยเอาได้ "

ใบหน้าขาวใสของซองจินแตกออกเป็นรอยยิ้ม ในขณะที่เขาโค้งคำนับ "กระหม่อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"

"ไม่จำเป็นต้องรับคำสั่งของข้า แค่ช่วยข้าก็พอ" หนิง เสี่ยวเหยา ยิ้มกว้าง ๆขึ้น หัวหน้าแมวดำ ยกอุ้งเท้าขึ้นเพื่อปิดตาเอาไว้ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยังดูเป็นคนโง่อยู่ดี รอยยิ้มของซองจินเปลี่ยนมาแข็งขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าคำพูดฝ่าบาทเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง

 “ไปได้แล้ว” โหลว จื่อกุ้ยเตือนขึ้น ซองจินและคนที่เหลือออกไป หนิง เสี่ยวเหยาก็มองไปที่จานที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ โซฟาและเอื้อมมือออกไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะกัดไปเพียงครั้งเดียวครึ่งหนึ่งของขนมปังนึ่งก็หายไปทันทีที่โหลว จื่อกุ้ยเงยหน้าขึ้นมองหนิง เสี่ยวเหยากิน

หนิง เสี่ยวเหยา กินข้าวมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอได้ลิ้มรสมขนมปังนึ่งเธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา"นี่หรือคือขนมปังนึ่ง มันอร่อยจริงๆ"

โหลว จื่อกุ้ย ยกมือขึ้นเพื่อกระตุ้นให้หนิง เสี่ยวเหยา กินให้มากๆ หนิง เสี่ยวเหยา ไม่เข้าใจและถามขึ้น"อะไร?"

โหลว จื่อกุ้ย จับหน้าผากของเขา ก่อนที่จะพูดคำสองคำออกมาอย่างเย็นชา "กินให้มากๆ"

"โอ้" หนิง เสี่ยวเหยาไม่สารมารถอ่านการแสดงออกของเขาได้เลย แต่แล้วก็พูดขึ้น "เช่นนั้นท่านก็กินด้วยเหมือนกัน"

โหลว จื่อกุ้ยกินขนมปังนึ่งส่วนที่เหลือจนหมด ในฐานะทหาร เขาไม่สามารถเลือกอาหารที่หรูหราได้ ตราบเท่าที่มันกินได้ เขาก็จะกลืนลงไปในกระเพาะอาหารของเขา แต่คืนนี้ขนมปังนึ่งจากห้องเครื่องในพระราชวังทำให้เขาเข้าใจคำว่า ‘ยากที่จะกลืน’ เป็นอย่างไร หนิง เสี่ยวเหยากินขนมปังนึ่งไปสองอันแล้ว ในขณะที่โหลว จื่อกุ้ยเพิ่งจะกินขนมปังนึ่งของเขาหมด เธอหยิบขนมปังนึ่งที่กำลังร้อนๆ ขึ้นมาและยัดมันไว้ในมือของเขา ก่อนจะพูดขึ้น "กินอีกหน่อย ยังมีขนมปังนึ่งอีกมากมาย"

"เจ้ามีคำพูดที่ต้องการจะพูดกับข้าหรือไม่" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

ปากของหนิง เสี่ยวเหยา เต็มไปด้วยขนมปังนึ่งในขณะที่เธอตอบขึ้น "มีอะไรอีกหรือ? สายลมและคนอื่นๆ ก็ปลอดภัยแล้วในตอนนี้ "

"เจ้ากำลังแย่งชิงอำนาจของราชสำนักอยู่!" โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น

หนิง เสี่ยวเหยา กลืนขนมปังนึ่งของเธอและกัดอีกครึ่งหนึ่งระหว่างนิ้วมือของเธอในขณะที่เธอพูดด้วยเสียงที่ต่ำขึ้น "ตอนนี้ข้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? แม้ว่าข้าต้องการที่จะคืนมัน มันไม่มีใครที่จะส่งคืนให้แล้ว "

ริมฝีปากของโหลว จื่อกุ้ย โค้งขึ้นในขณะที่เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็นขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา ยัดอีกครึ่งหนึ่งของขนมปังนึ่งลงในปากของเธอ แก้มของเธอพองขึ้นในขณะที่เธอให้สัญญากับโหลว จื่อกุ้ย "เอาจริงๆ นะ ข้าไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้ ข้าสาบาน ถ้าข้าโกหกเช่นนั้นก็ขอให้ข้าเป็นลูกสุนัข "

"เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กอายุสามขวบหรืออย่างไร?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

 “ฮืม?” หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น "ฟางถังบอกว่าท่านอายุ 22 ปีในปีนี้"

"อย่าทำเป็นโง่!" โหลว จื่อกุ้ยเริ่มโกรธขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา รีบลูกหน้าอกของโหลว จื่อกุ้ย "อย่าโกรธ ท่านยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ลองพูดกันดีๆ ถ้าพวกเรามีเรื่องที่จะพูดกัน "

โหลว จื่อกุ้ยหายใจเข้าลึก ๆ "เอามือของเจ้าออกไป"

หนิง เสี่ยวเหยา ดึงมือของเธอกลับไปเงียบๆ ในขณะที่หัวหน้าแมวดำ ร้องขึ้น "เหมียว ท่านแม่ทัพสูงสุดไม่ชอบเจ้า เจ้าควรไปหาคนอื่น "

หนิง เสี่ยวเหยาจับหัวหน้าแมวดำขึ้นโดยการจับที่คอของเขาและโยนเขาออกไปนอกหน้าต่าง โหลว จื่อกุ้ยเห็นเช่นนั้นก็ถามขึ้น "เจ้าเลี้ยงแมวตัวนี้หรือ?"

หัวหน้าแมวดำ ตะโกนจากนอกหน้าต่างขึ้น "นี่มันทักษะอะไรที่เจ้าใช้ในการกลั่นแกล้งแมว? ถ้าเจ้ามีความกล้าหาญพอก็จงคืนความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุดมา!"เหล่าแมวต่างก็ส่งเสียงร้องขึ้นเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับเจ้านายของพวกมัน ทุกตัวต่างก็เรียกหนิง เสี่ยวเหยา ว่าคนไม่เต็มเต็งอีกครั้ง

หนิง เสี่ยวเหยานั่งลงไปข้างโหลว จื่อกุ้ย แล้วพูดขึ้น "เราได้ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยกันแล้ว ... "

"เจ้าหมายความว่าอย่างไรม้วนตัวอยู่ในผ่าห่ม?" โหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

"หมายความว่าพวกเราได้ขึ้นเตียงด้วยกันแล้ว” หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้นอีก “ข้านอนกับท่านแล้ว เข้าใจไหม?"

ใบหน้าของโหลว จื่อกุ้ย เปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้ง


"ข้าไม่ใช่คนที่เลี่ยงความรับผิดชอบ แน่นอนข้าจะดูแลเรื่องของท่านเอง ดังนั้นอย่ากลัวไปเลยท่านแม่ทัพสูงสุด ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน "

วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 27:2 เรียกคืนความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุด

หนิง เสี่ยวเหยา ยืนขึ้นเพื่อที่จะออกไป แต่หัวหน้าแมวดำก็ไล่ตามเธอมา "คนไม่เต็มเต็ง เจ้าไม่สามารถโกหกแมวตัวนี้ได้หรอก"

"เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าจะหยุดเรียกข้าว่า" คนไม่เต็มเต็ง? " หนิง เสี่ยวเหยาพูดขึ้น

"เจ้าเรียกคืนความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุดได้หรือยัง" หัวหน้าแมวดำยังคงยืนยันอยู่ในจุดนี้

หนิง เสี่ยวเหยา เตะหัวหน้าแมวดำ อีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องเครื่องไป ในเวลานี้ฟางถัง ก็ได้นำขันทีจำนวนสิบคนจากตำหนักมังกร ไปที่ห้องเครื่อง แม่ทัพหนุ่มฟางถังไม่เคยเรียนรู้เรียกมารยาทมาก่อนในชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงผลักศีรษะของขันทีออกไปทางด้านขาง ในขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในลานด้านใน ทันทีที่เขาได้เห็นหนิง เสี่ยวเหยา เขาก็พร้อมที่จะแสดงความเคารพทันที

หนิง เสี่ยวเหยา โบกมือให้เขา "มันจะไม่ดีกว่าหรือที่จะไม่ทำเคารพสักครั้ง ถ้าหากว่าเจ้าต้องทำมันอย่างน้อยวันละหลายสิบครั้งขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นกี่ครั้งที่เจ้าถามข้าว่าสบายดีหรือไม่ ข้าก็ไม่รับประกันว่าข้าจะดีไปกว่านี้หรอก"

ฟางถัง จึงทำได้เพียงแค่อยู่ที่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว ในขณะที่เขาถามขึ้น "ฝ่าบาทพระองค์หาอะไรกินแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ? ท่านแม่ทัพสูงสุดได้นำกองกำลังองครักษ์มังกรพิทักษ์ทั้งหมดไปที่ตำหนักมังกรแล้ว ในตอนนี้หมอหลวงกั๋ว กำลังรักษาบาดแผลของพวกเขา ดังนั้นกระหม่อมจึงมาหาอาหารพ่ะย่ะค่ะ "

"มีขนมปังนึ่งจำนวนมากอยู่ข้างใน"หนิง เสี่ยวเหยาพูดกับขันทีขึ้น "ไปเอามัน เอาอะไรก็ได้ที่มันสามารถกินได้ไปด้วย"

ขันทีหนุ่มเดินเข้าไปในห้องเครื่องเพื่อเอาอาหาร ฟางถัง วิ่งไปข้างหน้า หนิง เสี่ยวเหยาและพูดด้วยเสียงต่ำขึ้นว่า "แล้วถ้าอาหารถูกวางยาพิษเล่าพ่ะย่ะค่ะ?"

หนิง เสี่ยวเหยา โบกมือขึ้นแล้วพูดอย่างมั่นใจขึ้นทันที "ไม่ต้องกลัวมีข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน" นอกจากยาปลุกกำหนัดแล้ว หนิง เสี่ยวเหยา ก็เชื่อมั่นในทักษะของเธอในการรักษาสารพิษหลายร้อยชนิดได้ ถึงแม้ว่าเธอจะหมดหนทางกับยาปลุกกำหนัด แต่นั้นเป็นเพราะมันไม่ใช่พิษตั้งแต่แรก!

ในขณะที่คำพูดของหนิง เสี่ยวเหยา เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง ฟางถังก็ แปลความหมายของฮ่องเต้ว่าไม่มีใครกล้าที่จะมาหาเรื่องเขาให้พระราชวังในตอนนี้ "ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินมาว่าอุปราชได้เข้ามาในพระราชวังอีกครั้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เขารายงานขึ้น

มุมปากของหนิง เสี่ยวเหยาโค้งขึ้น คนทั้งสองต้องทำสิ่งเลวร้ายอีกครั้งแน่ๆ "บอกข้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ตกลงเรื่องที่ท่านแม่ทัพสูงสุดส่งจดหมายไปยังราชสำนักของแคว้นเหนือมันคืออะไร?"

ตอนนี้การคืนความบริสุทธิให้ท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคนสารเลวสองคนที่อยู่ในตำหนักพระพันปีนะหรือ มุมปากของหนิง เสี่ยวเหยาโค้งขึ้นอีกครั้ง ถ้าอย่างอื่นใช่ไม่ได้ เธอก็จะใช้ความรุนแรง ใครจะรู้ว่าสองคนนั้นทำอะไรอยู่ที่ไหนในตอนที่เธอกำลังฆ่าซอมบี้อยู่!

ทันทีที่มีการกล่าวถึงท่านแม่ทัพสูงสุด ฟางถึง ก็เริ่มกระปรี้กระเปร่าขึ้น แม่ทัพหนุ่มฟางถัง กำมือของเขาไว้แน่นในขณะที่เขาพูดขึ้น"จดหมายเหล่านี้ต้องถูกปลอมขึ้นโดยน้ำมือของโม่โตวแน่พ่ะย่ะค่ะ!"

“ใครกัน?

"ขุนนางสูงสุดของราชสำนักแคว้นฮูเหนือ ซึ่งเป็นชายจากชนเผ่าทางทะเลตอนใต้พ่ะย่ะค่ะ" ฟางถังตั้งข้อสังเกต

"แล้วอุปราชเซี่ยได้รับจดหมายปลอมเหล่านี้ได้อย่างไร? หรือเขาสั่งให้ทำมันขึ้นมา" หนิง เสี่ยวเหยา ถามขึ้น ถ้าสองคนนี้สามารถปลอบราชโองการได้ แล้วมันจะยากอะไรที่จะปลอมลายมืออีกสักสองสามฉบับ?

"พวกมันถูกขโมยไปจากกระโจมของฮ่องเต้แคว้นฮูเหนือพ่ะย่ะค่ะ" ฟางถังส่ายหน้า "คนที่ทำมันไม่ได้เป็นหนึ่งในคนของอุปราชเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ"

"แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นคนของใคร?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น

"เป็นสายลับที่ส่งไปยังแคว้นฮูเหนือโดยฮ่องเต้พระองค์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ" ฟางกล่าวพูดขึ้นด้วยเสียงกระซิบ

ตอนนี้พวกขันทีกำลังวิ่ง ยกหรือแม้แต่แบกตะกร้า ถาดของขนมปังนึ่งกับอาหารต่างๆไว้บนบ่าของพวกเขา ขณะที่พวกเขาวิ่งออกจากห้องเครื่องไป หนิง เสี่ยวเหยาเห็นขันทีเดินอยู่ข้างหน้า ในขณะที่นางและฟางถังพูดเรื่องที่ทำให้หูตั้งขึ้นมา หัวหน้าแมวดำยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ สัตว์ตัวเล็ก ๆ พวกนี้มีมาตรฐานของตนเองในการตัดสินคน เมื่อหนิง เสี่ยวเหยาช่วยเจ้านายของเหยี่ยวน้อยให้รอด พวกเขาได้ไม่คิดว่ามันเป็นการสะสมอำนาจและสร้างอิทธิพลหรือติดสินบนทางจิตใจของผู้คน พวกเขาคิดเพียงว่าหนิง เสี่ยวเหยา เป็นคนดี มนุษย์ที่พวกเขาสามารถเข้าใกล้ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล

หนิง เสี่ยวเหยา ก้มลงไปนำหัวหน้าแมวดำ ขึ้นมาและวางเขาไว้บนบ่าเพื่อที่เขาจะได้นั่งอยู่ตรงนั้น มุมปากของฟางถัง ถึงกับกระตุกขณะที่เขามองไปที่แมวอ้วนดำที่เต็มไปด้วยขน ก่อนจะพูดขึ้น "ฝ่าบาท พระองค์เลี้ยงแมวดำด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

ขนของหัวหน้าแมวดำตั้งขึ้นอีกครั้ง มนุษย์เชื่อว่าแมวดำสามารถปลุกชีวิตคนตายและสื่อสารกับวิญญาณได้ ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่าเป็นสัตว์ที่โชคร้าย ไม่มีใครในโลกนี้ต้องการเลี้ยงแมวดำ ดังนั้นหัวหน้าแมวดำจึงเห็นได้ชัดว่ามนุษย์ไม่ชอบเขามากเพราะขนสีดำที่มากมายของเขา

หนิง เสี่ยวเหยา พยักหน้าอย่างไม่สนใจ "ใช่ ข้าเลี้ยงเขา มาพูดเกี่ยวกับท่านแม่ทัพสูงสุดกันต่อ" พี่ชายฟางคนนี้ก็ไม่จอจ่ออยู่กับหัวข้อเรื่องของเขาเช่นกัน? ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลวกำลังรอให้ความบริสุทธิของเขาถูกเรียกกลับคือมา แล้วทำไมถึงมาพูดเรื่องแมว?


ร่างอ้วนๆ ของหัวหน้าแมวดำสั่นขึ้น ก่อนที่มันจะร้องเหมียวออกมา อย่างขมขู่ เขายื่นอุ้งเท้าออกมาและลูบไปที่คอของหนิง เสี่ยวเหยาเบาๆ คนไม่เต็มเต็งผู้นี้เป็นมนุษย์ที่ดีมากๆ หัวหน้าแมวดำ ตัดสินใจจากนี้ต่อไปเขาจะไม่เรียกหนิง เสี่ยวเหยาว่า คนไม่เต็ม อีกต่อไป 

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 27:1 เรียกคืนความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุด


แม้จะมีผู้เข้าพักกว่า 300 คน แต่ตำหนักมังกร ก็ยังดูว่างเปล่าเหมือนเดิม หมอหลวงกั๋วรักษาผู้ป่วย 300 รายและรู้สึกแทบอยากจะไปตายเขาจะจัดการกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร?!
ทันทีที่ท่านอุปรชายกลับมาถึงจวน เขาถูกเรียกตัวไปที่พระราชวังโดยพระพันปีเซี่ย หลังจากเรียนรู้ถึงเหตุการณ์ที่คุกหลวง เขาก็เงียบไปนาน

"พวกเราตัดสินนางผิดไปจริงๆ!" พระพันปีพูดขึ้นด้วยความเกลียดชัง

อุปราชเซี่ย เหลือบมองใบหน้าขาวซีด เพราะความโกรธของบุตรสาวคนโตและพูดด้วยเสียงที่ต่ำขึ้น "ใช่ พวกเราตัดสินนางผิดไปจริงๆ หากหัวใจของกระหม่อมระวังสักหน่อยในวันนั้นที่ลานประหาร กระหม่อมก็คงจะไม่หลงกลนาง" ถ้าเขารู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นหมาป่าที่กินคน เขาจะไม่คิดลังเลแม้แต่น้อยตอนที่อยู่บนลานประหาร ฮ่องเต้จะถูกข่มขู่โดยฟางถังและคนของเขาได้อย่างไร? แล้วทหารรักษาวังหลวงเป็นคนตายหรืออย่างไร? อุปราชเซี่ย ไม่สามารถปล่อยอารมณ์ที่ถูกเก็บไว้ในอกของเขาออกมาได้ ถ้าเขาคิดอย่างลึกซึ้งมากกว่านี้ ตอนนี้เขากับลูกสาวก็คงจะไม่ต้องมาดิ้นรนอยู่ในขณะนี้

พระพันปี ค่อย ๆ ลูบที่ท้าวแขนของเก้าอี้ เสียงของนางดังขึ้นอย่างกังวล "จะมีปัญหาในการประชุมนุมในอีกสามวันนับจากนี้หรือไม่?"

อุปราชไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องนี้ เขายิ้มและพูดขึ้น "เมื่อโหลว จื่อกุ้ยตายไป ฝ่าบาทก็จะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำไปนั้นไร้ประโยชน์"

พระพันปีเซี่ย เชื่อมั่นว่าโหลว จื่อกุ้ย จะตายจากยาพิษ แต่นางก็รู้สึกกังวล "หนิงหยู เรียนวรยุทธของนางจากใคร? ทำไมท่านพ่อถึงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้? "

ใบหน้าของอุปราชกลายเป็นน่าเกลียด หลังจากที่ได้ยินคำเหล่านี้

"แม่นมของนางเพิ่งจะป่วยตาย ก่อนที่นางจะมาถึงพระราชวังด้วยซ้ำ" พระพันปีพูดขึ้นอีก “ท่านพ่อ ท่านเป็นคนที่จัดหาแม่นมให้นางไม่ใช่หรือ ตอนนี้หนิงหยูได้มีจุดประสงค์ที่ต่างไปจากพวกเรา ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าแม่นมของนางตายเพราะอาการเจ็บป่วยจริงๆ? "

น้อยกว่าสี่คนในโลกใบนี้ที่รู้ว่าหนิงหยูเป็นผู้หญิง รวมไปถึงหนิงหยูเองด้วย พ่อลูกตระกูลเซี่ยและแม่นมคนที่เลี้ยงหนิงหยูขึ้นมาและอยู่ข้างกายนางมาตลอด

อุปราช ส่ายหัว "มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะสืบสวนเรื่องความตายของแม่นมคนนั้น"

พระพันปีเซี่ย สามารถเข้าใจความหมายของบิดาของนางได้ ไม่ว่าจะแม่นมจะตายด้วยโรคหรือโดยน้ำมือของหนิงหยู มันก็ไม่มีความหมายใดๆกับพวกเขา เมื่อมันก็ยังคงให้ผลเช่นเดียวกัน พวกเขาได้ยกให้หนิงหยู ขึ้นครองบัลลังก์ ตอนนี้มันก็เหมือนกับการเลี้ยงดูเสือที่เชิญภัยพิบัติเข้ามา คนเหล่านั้นร่วมถึงศัตรูของพวกเขา กำลังถามหาปัญหาอยู่

"พระพันปีควรอดทนรอเป็นเวลาสามวันก่อน" อุปราชเซี่ยพูดขึ้น "ตราบใดที่ โหลว จื่อกุ้ยเสียชีวิต ฝ่าบาทก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มศีรษะให้ท่าน"

"อ่า ผู้ชาย" พระพันปีคิดย้อนกลับไปยังฉากของหนิง เสี่ยวเหยา และโหลว จื่อกุ้ย ยืนอยู่ด้วยกันที่คุกหลวง และยิ้มอย่างเยือกเย็นขึ้น ความภักดีและเกียรติยศเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เพื่อประโยชน์ของอำนาจและชีวิตของเขา โหลว จื่อกุ้ย จะยังคงล้างแค้นให้องค์รัชทายาทอยู่หรือไม่? "

อุปราช ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมยินดีกับการจัดเตรียมหมากรุกสำรองของเขา
ตอนนี้หนิง เสี่ยวเหยา กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวในห้องครัวของวังหลวง เธอสามารถจัดการกับข้าวชามขนาดใหญ่ ชามหมูตุ๋นสีแดงอีกหนึ่งชามและชามซุปหอยอีกหนึ่งชาม หัวหน้าแมวดำ นั่งอยู่บนโต๊ะในขณะที่เขาตำหนิหนิง เสี่ยวเหยา ขึ้น

"คนไม่เต็มเต็ง เจ้าเป็นถังข้าวหรืออย่างไร?"

หนิง เสี่ยวเหยา ยกหัวของเธอเพื่อที่จะดื่มซอสถั่วเหลืองสำหรับหมูตุ๋นแดง ก่อนที่จะตอบขึ้น "ไร้สาระ”

"ข้าต้องการพูดเกี่ยวกับท่านแม่ทัพสูงสุดกับเจ้า" หัวหน้าแมวดำพูดขึ้น

หนิง เสี่ยวเหยา โยนชามที่ว่างเปลาลงไปบนโต๊ะ ข้างนอกพ่อครัวและขันทีที่เธอไล่ออกไป ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างประตู เมื่อได้ยินฝ่าบาทโยนชามอยู่ในห้องเครื่อง เขาก็ไม่กล้าหายใจออกมา หลายคนคิดว่าฮ่องเต้ในปัจจุบันเป็นสุภาพอ่อนโยน แต่หลังจากได้เห็นเขาในวันนี้ ทุกคนที่ยังคงคิดว่าฝ่าบาททรงอ่อนแอและง่ายต่อการรังแกนั้นก็เหมือนคนโง่ที่กำลังแสวงหาความตายของตัวเอง

"ท่านแม่ทัพสูงสุดเป็นพ่อเจ้าหรืออย่างไร?" หนิง เสี่ยวเหยา ทิ่มหัวของหัวหน้าแมวดำด้วยตะเกียบ "เจ้าไม่สามารถเลือกหัวข้ออื่นที่จะพูดคุยได้แล้วหรืออย่างไร?"

"เหมียว" หัวหน้าแมวดำนอนลงไปหน้า หนิง เสี่ยวเหยา และร้องออกมาเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ

หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกว่าตัวเองรู้สึกหนาวเย็นขึ้น ในขณะที่เธอหันกลับมา "เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?" การพยายามทำให้เธอพอใจอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้ มีเพียงแค่ขโมยที่ชั่วร้ายเท่านั้นที่จะทำ

"ฝ่าบาท" หัวหน้าแมวดำพูดขึ้น "ท่านต้องคืนความบริสุทธิให้กลับท่านแม่ทัพสูงสุดนะ"

ความคิดของหนิง เสี่ยวเหยาตรงกันข้ามกับสิ่งที่หัวหน้าแมวดำพูดอย่างสิ้นเชิง เธอกรอกตาขึ้นก่อนจะพูดขึ้น "ขอโทษด้วย ข้าได้นอนกับท่านแม่ทัพสูงสุดไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรที่เรียกว่าความบริสุทธิอีกต่อไปแล้ว อีกอย่างข้าก็ไม่สามารถนำมันกลับมาได้ด้วย "

ขนของหัวหน้าแมวดำตั้งขึ้นทันที เขาต้องการที่จะกัดคนไม่เต็มเต็งผู้นี้ให้ถึงแก่ความตาย เขาต้องการที่จะทำลายนางไปซะ?!

"ข้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมว" หนิง เสี่ยวเหยายื่นคอออกไปดูหม้อซุปที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลือที่จะกินได้อีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเลียริมฝีปากของเธอเท่านั้น "แยกกันที่นี่แหล่ะ เจ้าก็ไปหาแมวเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุระของแมว ในขณะที่ข้าก็จะไปพบมนุษย์เพื่อพูดธุระของมนุษย์ "

หัวหน้าแมวดำเห็นว่าหนิง เสี่ยวเหยากำลังจะจากไป จึงรีบกัดแขนเสื้อของเธอแล้วพูดขึ้น "เจ้าต้องล้างชื่อคนผิดให้กับท่านแม่ทัพสูงสุด ท่านแม่ทัพสูงสุดน่าสงสารมาก เหมียว "

หนิง เสี่ยวเหยา นั่งลงโดยไม่เคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อที่จะเข้าใจใครบางคน เจ้าจะหาผู้ที่ชื่อชอบเขา เพื่อที่จะรู้รายละเอียดต่างๆ หัวหน้าแมวดำนั่งอยู่บนโต๊ะ ในขณะที่เขาเริ่มเล่าเรื่องราวของโหลว จื่อกุ้ยตั้งแต่เกิด เรื่องแรกฮูหยินใหญ่ เสียชีวิตจากภาวะตกเลือดหลังคลอด แล้วท่านแม่ทัพสูงสุดก็ได้เข้าร่วมกองทัพในวัยหนุ่มของเขา พ่อของเขาและพี่น้องของเขาต่างก็เสียชีวิตในสนามรบ และมีเพียงหลานชายที่ป่วยอยู่ที่จวนตามลำพัง เขาเกือบจะได้แต่งงานกับผู้หญิงถึง 6 คนแต่ละคนมีความงดงามตามแบบของพวกนาง แต่ไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันแต่งงานแม้แต่คนเดียว ท่านแม่ทัพสูงสุดโหลว ได้ต่อสู้กับสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ปราบปรามผู้บุกรุกเป็นจำนวนมากและหัวหน้าแมวดำยังได้อธิบายถึงต้นกำเนิดของชื่อ โหลว จื่อกุ้ย ให้หนิง เสี่ยวเหยาฟังอีกด้วย

ในตอนท้ายหนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ นี้มันชีวิตแบบไหนกันที่ผู้ชายคนนี้ต้องเจอ? มันจะดีกว่าถ้าซอบบี้กัดเขาให้ตายแทน มีชีวิตอยู่คนเดียวเช่นนี้ช่างน่าสงสารและโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
 
"เหมียว ฝ่าบาท ช่วยท่านแม่ทัพสูงสุดด้วย" หัวหน้าแมวดำ เอื้อมอุ้งเท้าของมันออกไป ก่อนที่จะเกาไปที่มือของหนิง เสี่ยวเหยา "ท่านแม่ทัพสูงสุดไม่ใช่คนเลว"

"ฮืม.....” ดวงตาของหนิง เสี่ยวเหยาเป็นสีแดงก่อนจะพยักหน้าขึ้น "ข้าจะช่วยเขา"

"จริงๆนะ?" ดวงตาของหัวหน้าแมวดำเปิดขว้างขึ้นทันที

"ข้าขอสาบานด้วยตัวตนของข้าและหลักการของข้า!" หนิง เสี่ยวเหยาประกาศขึ้น

"ดี" หัวหน้าแมวดำเปลี่ยนไปเป็นจริงจังด้วยเช่นกัน "ถ้าเจ้าสามารถเรียกคืนความบริสุทธิของท่านแม่ทัพสูงสุดได้ ในอนาคตข้า.. ในอนาคตข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าคนไม่เต็มเต็งอีกต่อไป"

 “… …” หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก ช่างเป็นการแสดงความซาบซึ้งที่ดีจริงๆ  เธอยอมที่จะรับกระต่ายแทนได้ไหม!

หัวหน้าแมวดำ สังเกตหนิง เสี่ยวเหยา จ้องมาที่เขาและเพิ่มข้อตอบแทนลงไปอีก "และในอนาคต เจ้าจะเป็นหญิงสาวที่ดียิ่งกว่า เจี้ยวเจี้ยวในใจของข้า"

หนิง เสี่ยวเหยา มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในขณะที่เธอถามขึ้น "ใครคือเจี้ยวเจี้ยว?"

 “แมวตัวเมียที่อาศัยอยู่ในจวนท่านเสนาบดี แมวทุกตัวในเมืองหลวงต่างก็ไล่ตามเจี้ยวเจี้ยว เหมียว! "หัวหน้าแมวดำ พูดด้วยเสียงที่ต่ำ


 “ฮ่าๆๆๆ ” หนิง เสี่ยวเหยา เธออยากจะฆ่าแมวตัวนี้จริงๆ!