ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 10: เจ้าต้องเลือดเย็นต่อศัตรูของเจ้า




          เพียงแค่โบกมือขึ้น อุปราชเซี่ยก็ไล่ทหารสองคนที่อยู่ข้างของหนิง เสี่ยวเหยาออกไป แม้ว่าหนิง เสี่ยวเหยา จะไม่ได้แสดงความต้องการที่แท้จริงของเธอออกมา แต่เพียงเท่านี้ก็มีผลกับอุปราชเซี่ยแล้ว

          ตระกูลเซี่ยได้ขโมยบัลลังก์มังกรโดยวางผู้หญิงไว้บนบัลลังก์ฮ่องเต้ อาญานี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้าแสวงหาความตายของพวกเขา แต่บรรดาองค์หญิงองค์ชายต่าง ๆ ในพระราชวังจะกินครอบครัวของพวกเขาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

          หนิง เสี่ยวเหยาไม่เชื่อในคำพูดของอุปราชเซี่ย และพูดขึ้น "อย่าโกหกข้าอีก ไม่อย่างนั้นก็จะถอดเสื้อผ้าของข้าอีก"

          "เจ้า" อุปราช อยากจะถามอย่างจริงๆ ว่าทำไมนางถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้ มีผู้หญิงที่ไหนเปลื้องผ้าตัวเองกลางถนนเช่นนี้?

          หนิง เสี่ยวเหยา ชี้ไปที่ฝูงชนภายใต้แท่นประหารแล้วพูดขึ้น "ลงมือได้แล้ว"

          "ฝ่าบาทมีราชโองการ" อุปราช ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผชิญหน้ากับฝูงชน "ว่าโหลว จื่อกุ้ย จะถูกพาตัวกลับไปที่คาลยุ ... "

          "ว่าโหลว จื่อกุ้ย จะถูกพาตัวกลับไปตำหนักมังกรของข้า"หนิง เสี่ยวเหยาขัดจังหวะขึ้น เธอไม่ค่อยเข้าใจภาษาจีนคลาสสิกมากนัก แต่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางใดที่พระราชวังของฮ่องเต้จะถูกเรียกว่าศาลยุติธรรม ในที่สุดเธอก็สามารถช่วยผู้ชายคนนี้ได้แล้ว ดังนั้นเธอจะสบายใจได้อย่างไร ถ้าไม่ให้เขาอยู่ข้างภายใต้สายตาของเธอ?

          "พวกเราจะให้คนนอกไปอยู่ในตำหนักของฮ่องเต้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?" อุปราชมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยาด้วยใบหน้าที่ดำมืด  

          ถ้าไม่ได้ ข้าก็จะถอด "คำพูดของหนิง เสี่ยวเหยาก็เหมือนก่อนหน้า

          ในขณะนี้อุปราชเซี่ย ได้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง เขาคิดว่าเขาได้เลี้ยงกระต่าย แต่ใครรู้ว่ากระต่ายตัวนี้จะกินคนได้?! นั่นคือสภาพจิตใจของเขาในปัจจุบัน ...

          "ทำไมเจ้ายังเล็งอาวุธมาที่ข้าอีก?" หนิง เสี่ยวเหยาถามหนึ่งในมือธนูที่อยู่บนลานประหารขึ้น

          พลธนูตัวสั่นขึ้น ก่อนที่มือของเขาจะตกลงไป ทิ้งคันธนูลงไปกับพื้นในทันที ก่อนจะคุกเข่าลงไปต่อหน้า หนิง เสี่ยวเหยา การกระทำของเขาเตือนให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นบุตรแห่งสวรรค์ มีเสียงของการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนฟื้นความรู้สึกของพวกเขาและคุกเข่าลงบนที่พื้นดินและเริ่มอวยพรขอให้ฮ่องเต้จงอายุยืนนับหมื่นปี ๆ ดังขึ้น

          หนิง เสี่ยวเหยาไม่คุ้นเคยกับภาพเช่นนี้มาก่อน และขยับไปอีกข้างหนึ่งแต่เมื่อตระหนักว่าเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงทุกคนบนแทนประหารนี้ได้ ดังนั้นเธอยืนอยู่กับที่และหันไปทางฟางถังและพูดขึ้น "นำแม่ทัพสูงสุดกลับบ้าน ไม่ใช่ กลับไปที่พระราชวัง"

           ฟางถังและคนส่วนที่เหลือเป็นหุ้นแข็งค้างอยู่ทั้งหมด และยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับคำพูดของหนิง เสี่ยวเหา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วเกินไปสำหรับพวกเขาในการประมวลผล ดังนั้น หนิง เสี่ยวเหยา จึงต้องเดินไปหา โหลว จื่อกุ้ย ด้วยตัวเอง ท่าทางในตอนนี้ของเขาราวกับไม้และสายตาของเขายังคงดำมืดอยู่ ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดถึงอะไรอยู่? หนิง เสี่ยวเหยา ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของโหลว จื่อกุ้ย ถึงแม้ว่าเขาจะอาบไปด้วยเลือด แต่การรักษาของเธอก็หยุดเลือดได้ไปนานแล้ว

          ตอนนี้ โหลว จื่อกุ้ย ไม่สามารถบรรยายถึงสิ่งที่เขารู้สึกได้ เขาได้ลาจากโลกไปสู่นรกและกลับมาอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้เขามีความสุข ความโกรธ ความเศร้าโศกและความพอใจ - ขอบเขตของความรู้สึกทั้งหมดที่มนุษย์สามารถมีได้ เขาไม่มีเวลามากนักที่จะเตรียมตัวรับความรู้สึกเหล่านี้ ตอนที่โหลว จื่อกุ้ย รู้สึกตัวอีกครั้ง ขาของเขาลอยขึ้นจากพื้นและเขาก็เงยหน้าขึ้นมอง ในที่สุดเขาก็รู้ว่าฮ่องเต้ได้อุ้มเขาขึ้นมา

          ฟางถัง และส่วนที่เหลือรู้สึกว่าริมฝีปากของเขากระตุก พวกเขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งท่านแม่ทัพสูงสุดจะถูกอุ้มเช่นนี้ และที่สำคัญไปกว่านั้นฮ่องเต้ที่ผอมเหมือนไม้ไผ่จะมีกำลังมากขนาดนี้

          "เจ้า" โหลว จื่อกุ้ย ไม่เคยถูกอุ้มแบบผู้หญิงมาก่อน ใบหน้าของเขาจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่เขาพยายามจะออกไปจากอ้อมแขนของหนิง เสี่ยวเหยา แต่ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะต่อสู้กับกำลังของหนิง เสี่ยวเหยาได้ หนิง เสี่ยวเหยา สามารถความเข้าใจถึงความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจของแม่ทัพสูงสุดโหลวที่ถูกอุ้มอย่างกับองค์หญิง หนิง เสี่ยวเหยาที่เดินออกมาจากลานประหารได้แล้ว จึงมองไปทางซ้ายและขวา ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเห็นรถม้าที่จอดอยู่ใกล้ ๆเข้า

          "รถม้าอันนั้นก็ไม่เลว เราจะใช้มันไปก่อนในตอนนี้" เธอพูดกับฟางถังขึ้น

          ฟางถัง เหลือบไปมองที่รถม้าอย่างสงสัยและรู้สึกว่ามุมปากของเขาจะกระตุกขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นรถม้าของท่านอุปราชเซี่ย ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่ดึงชายคนหนึ่งมาจากใต้จมูกเขา แล้วจะยังมีรถม้าอีกด้วยหรือ? ฟางถังหยุดเพื่อคิด บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องไม่ถูกต้อง ...  

          "นั่นคือรถม้าของท่านอุปราชเซี่ยนะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" แม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้น

          หนิง เสี่ยวเหยา รู้สึกว่านี่ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้เธอไม่ต้องจ่ายค่าเช่ารถม้าอีกด้วย ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าก็ต้องเลือดเย็นและไม่ยอมอ่อนข้อต่อศัตรูของเจ้า ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ยอมจ่ายเงิน เธอยังชอบรถม้าที่สูง มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งมันเหมาะสมมากที่จะเป็นของเธอ!