ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล)ตอนที่ 33:1 ถ้าข้าจากไป แล้วใครจะเป็นฮ่องเต้?




อุปราช เริ่มหงุดหงิดกับนกกระจอกทุกตัวในคืนนี้ เมื่อถึงเวลาที่เขาจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ เขาก็เห็นว่าซองจินได้ยืนขึ้นจากพื้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร!?

หนิง เสี่ยวเหยาเหมือนสุนัขที่เหนื่อยล้า หลังจากรักษาพิษของซองจินแล้ว ตอนนี้เธอก็เหนื่อยเหมือนสุนัขที่ตายไปแล้วและฟุบลงไปที่พื้นทันที จากนั้นเธอก็หยิบเอาถั่วน้ำตาลบางส่วนออกมาจากในกระเป๋าของเธอ และโยนมันลงในปากของเธอ เธอต้องฟื้นพลังของเธออย่างรวดเร็วที่สุด มีผู้คนจำนวนมากรอการรักษาพิษอยู่ อุปราชเซี่ยถึงกับก้าวเท้าถอยหลังและยังคงเต็มไปด้วยความตกใจ ความคิดแรกของเขาคือมีปัญหายางอย่างกับคนที่ปล่อยควันพิษหรือไม่! เขาอาจจะคุกเข่าให้กับหนิง เสี่ยวเหยาและกลายเป็นคนของนางแล้วหรือไม่

ซองจินไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่จะคิดให้มากความ เขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่อุปราชเซี่ย ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้อง หนิง เสี่ยวเหยาที่อยู่ข้างหลังเขา ในขณะนี้โหลว จื่อกุ้ยมาพร้อมกับฟางถัง ที่ช่วยพยุงเขาเดินมาทีละก้าว เข้ามาในตรอกมากขึ้น ก่อนจะเหลือบมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยาที่นั่งอยู่บนพื้นและรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นไหว ก่อนจะรีบเรียกขึ้น "ฝ่าบาท"

หนิง เสี่ยวเหยา เคี่ยวถั่วน้ำตาลในขณะที่เธอโบกมือให้เขาก่อนจะพูดขึ้น "ข้าอยู่ทางนี่"

เมื่อได้ยินนางพูดขึ้น โหลว จื่อกุ้ยก็รู้สึกมั่นใจขึ้น สายตาของเขาหันไปทางอุปราชเซี่ยทันที คนที่พาผู้เชี่ยวชาญในการยิงธนูและอาวุธลับมาด้วย และเมื่อไม่มีคำสั่งของอุปราชเซี่ย พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว เมื่ออุปราชเซี่ยมองเห็นสายตาของโหลว จื่อกุ้ย เขาก็ยิ้มขึ้นทันที

"ฝ่าบาทและท่านแม่ทัพสูงสุดยังอยู่ดีและปลอดภัย ตอนนี้ข้าก็สามารถวางใจได้เสียที"

โหลว จื่อกุ้ยตอบขึ้นอย่างเย็นชา "พวกเราทำให้ท่านมหาอุปราชต้องเป็นกังวลแล้ว โชคดีที่สุดที่คืนนี้ฝ่าบาททรงปลอดภัย"

อุปราชเซี่ยยิ้มขึ้น"ท่านแม่ทัพสูงสุดกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ฝ่าบาททรงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  ท่านแม่ทัพสูงสุดดูเหมือนว่าทางแคว้นฮูเหนือจะไม่หยุดที่จะทำลายราชวงศ์โหยงหนิงของเรา ดังนั้นท่านคงต้องดูแลตัวเองดีๆ "

โหลว จื่อกุ้ย พยักหน้า "คำแนะนำของท่านมหาอุปราชมีประโยชน์จริงๆ"

หนิง เสี่ยวเหยา ยังคงอยู่บนพื้นในขณะที่เธอถามนกเหยี่ยวที่อยู่บนหัวไหล่ของเธอขึ้น"ทำไมพวกเขาถึงพูดกันอีก? ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะกัดกันให้ตายกันไปตั้งแต่แรกเห็นแล้วหรือ? " แต่พวกเขากลับยืนอยู่ตรงข้ามกันและแลกเปลี่ยนคำพูดราวกับเพื่อนกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เหยี่ยวน้อยตอนแรกยอมรับว่าเขาไม่รู้ ก่อนที่จะพูดขึ้นอีก "มนุษย์ทุกคนรู้ว่าควรจะแสร้งทำอย่างไร!" หนิง เสี่ยวเหยาเต็มไปด้วยความเงียบ ความคิดเห็นนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล เธอไม่มีข้อโต้แย้งเลยแม้แต่น้อย

ถึงตอนนี้ อุปราชเซี่ย ก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง " ฝ่าบาททรงทราบปัญหาเกี่ยวกับจดหมายเหล่านี้มาเป็นเวลานาน แต่เพื่อประโยชน์ในการซุ่มจับคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือในเมืองหลวงให้หมดไป พระองค์จึงต้องให้ร้ายท่านแท่ทัพสูงสุดและทำเป็นไปช่วยท่านแม่ทัพให้พ้นผิด ตอนนี้สายลับต่างก็ถูกจับได้แล้ว ท่านแม่ทัพสูงสุดจึงไม่จำเป็นต้องรับข้อกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศอีกต่อไป " ตอนนี้อุปราชเซี่ย เอามือข้างหนึ่งขึ้นและยกมันขึ้นมาที่หน้าอกของเขาก่อนจะพูดขึ้น "ข้าเคยข่มขู่ท่านแม่ทัพสูงสุดในอดีต ข้าหวังว่าท่านแม่ทัพสูงสุด จะไม่ตำหนิข้า"

โอ้พระเจ้า!

หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับมือสั่น เธอรู้สึกราวกับว่าสิบแปดมงกุฎกำลังวิ่งพล่านอยู่ในใจเธอ เธอเพิ่งจะได้รับรู้ถึงความไร้ยางอายของชายชราคนนี้ก็ตอนนี้! มือของฟางถังและโหลว จื่อกุ้ยก็สั่นเช่นกัน อุปราชเซี่ยผู้นี้ควรจะเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในการใช้ความรู้แบบขงจื้อของเขา แต่เขากลับเป็นผู้ร้ายที่น่ารังเกียจมาก! เหยี่ยวตัวน้อยกระพือปีกและร้องขึ้น "อู๊กๆๆ เสี่ยวเหยาให้ข้ากินเขาดีไหม"

"... ... " หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก เหยี่ยวตัวนี้สามารถหอนเหมือนหมาป่าได้ด้วย?

หนิง เสี่ยวเหยากอดเหยี่ยวน้อยไว้ที่หน้าอกของเธอ ชายชราคนนี้มีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากเขาอาจจะฆ่านกก่อนที่มันจะบินเข้าไปใกล้เขาได้ด้วยซ้ำ โหลว จื่อกุ้ยตบมือของฟางถัง และมองไปที่อุปราชเซี่ย ด้วยรอยยิ้มที่ไปถึงดวงตาของเขา เขาเป็นคนที่มีรูปลักษณ์ราวกับภาพเขียน เมื่อเขาไม่ยิ้มกลิ่นอายสังหารก็จะกระจายออกมาจากตัวเขา จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เมื่อเขายิ้มมันก็เหมือนกับว่าจิตรกรได้เพิ่มสีสันให้กับดวงตาของเขาด้วยความเร่งรีบ ฉากนี้ทำให้นึกถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีลมกระโชกแรงไปถึงสิบลี่ และดอกไม้ที่บานเต็มที่

หัวใจของหนิง เสี่ยวเหยา เต้นเร็วเป็นสองเท่า เธอรู้ดีว่าโหลว จื่อกุ้ย นั้นหล่อเหลามาก แต่เขาไม่เคยยิ้มให้กับเธอมาก่อน ดังนั้นหนิง เสี่ยวเหยา จึงไม่เคยรู้ว่ารอยยิ้มของใครบาง สามารถมีลักษณะเช่นดอกไม้บานได้ และไม่ใช่หนึ่ง แต่เต็มไปหมด!

อุปราชเซี่ยก็กำลังยิ้มด้วยเช่นกัน แต่มือของเขากำเป็นกำปั้นแน่ เขารู้ดีว่าทำไมโหลว จื่อกุ้ย ถึงยิ้ม เพราะเขาได้วางโทษทั้งหมดไว้ที่แคว้นฮูเหนือเพื่อแสดงเหตุผลอันสมควรพิสูจน์ของตัวเอง เขาได้ยอมรับความล้มเหลวของเขาในครั้งนี้แล้ว ถ้าเขาเป็นนักพนัน เขาก็จะสูญเสียทรัพย์สินของตระกูลของเขาไปจนหมด โหลว จื่อกุ้ยผลักมือของฟางถังออกและเดินช้าๆไปที่หนิง เสี่ยวเหยา ก่อนที่จะก้มลงและพูดด้วยเสียงต่ำ "กระหม่อมขอเชิญฝ่าบาทเสด็จกลับไปที่พระราชวังก่อนพ่ะย่ะค่ะ สายลับของแคว้นฮูเหนือได้รับการจับกุมแล้ว ดังนั้นฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายอีกต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ "

หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้นทันที "มีคนหนีรอดไปได้หรือไม่?"

โหลว จื่อกุ้ยตอบขึ้น "ถ้ามีจำนวนจะไม่สูงนัด มดไม่สามารถเขย่าต้นไม้ได้ ดังนั้นฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกังวล "

หนิง เสี่ยวเหยากระพริบตา แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี่ถึงคิดเกี่ยวกับมด แต่แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าพวกมันไม่มีทางที่จะเขย่าต้นไม้ใหญ่ได้จริงๆ คำพูดของเขานั้นก็ไม่ผิด

"ฝ่าบาท" โหลว จื่อกุ้ยยื่นมือไปหาหนิง เสี่ยวเหยา วางมือขวาไว้บนฝ่ามือของโหลว จื่อกุ้ย  แต่ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายดึงเธอขึ้น เพราะท่านแม่ทัพสูงสุดยังไม่สบายอยู่!

หลังจากลุกขึ้นยืนด้วยพลังของตัวเอง เธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเบาขึ้น"เรากำลังจะกลับจริงๆหรือ?"

โหลว จื่อกุ้ยพยักหน้า เขาก้มศีรษะเพื่อมองไปที่มือหนิง เสี่ยวเหยา ตอนนี้พวกมันกลายเป็นกรงเล็บที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเจ้าของนั้นมีความสุขกับตำแหน่งที่สูงและอาศัยอยู่อย่างสุขสบายแค่ไหน คนที่ฝึกวรยุทธจะมีมือเช่นนี้ได้อย่างไร?