อุปราช
เริ่มหงุดหงิดกับนกกระจอกทุกตัวในคืนนี้ เมื่อถึงเวลาที่เขาจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้
เขาก็เห็นว่าซองจินได้ยืนขึ้นจากพื้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร!?
หนิง เสี่ยวเหยาเหมือนสุนัขที่เหนื่อยล้า
หลังจากรักษาพิษของซองจินแล้ว ตอนนี้เธอก็เหนื่อยเหมือนสุนัขที่ตายไปแล้วและฟุบลงไปที่พื้นทันที
จากนั้นเธอก็หยิบเอาถั่วน้ำตาลบางส่วนออกมาจากในกระเป๋าของเธอ และโยนมันลงในปากของเธอ
เธอต้องฟื้นพลังของเธออย่างรวดเร็วที่สุด มีผู้คนจำนวนมากรอการรักษาพิษอยู่
อุปราชเซี่ยถึงกับก้าวเท้าถอยหลังและยังคงเต็มไปด้วยความตกใจ ความคิดแรกของเขาคือมีปัญหายางอย่างกับคนที่ปล่อยควันพิษหรือไม่!
เขาอาจจะคุกเข่าให้กับหนิง เสี่ยวเหยาและกลายเป็นคนของนางแล้วหรือไม่
ซองจินไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ
เขาถึงสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่จะคิดให้มากความ
เขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่อุปราชเซี่ย ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้อง หนิง
เสี่ยวเหยาที่อยู่ข้างหลังเขา ในขณะนี้โหลว จื่อกุ้ยมาพร้อมกับฟางถัง
ที่ช่วยพยุงเขาเดินมาทีละก้าว เข้ามาในตรอกมากขึ้น ก่อนจะเหลือบมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยาที่นั่งอยู่บนพื้นและรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นไหว
ก่อนจะรีบเรียกขึ้น "ฝ่าบาท"
หนิง เสี่ยวเหยา
เคี่ยวถั่วน้ำตาลในขณะที่เธอโบกมือให้เขาก่อนจะพูดขึ้น "ข้าอยู่ทางนี่"
เมื่อได้ยินนางพูดขึ้น โหลว
จื่อกุ้ยก็รู้สึกมั่นใจขึ้น สายตาของเขาหันไปทางอุปราชเซี่ยทันที
คนที่พาผู้เชี่ยวชาญในการยิงธนูและอาวุธลับมาด้วย และเมื่อไม่มีคำสั่งของอุปราชเซี่ย
พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว เมื่ออุปราชเซี่ยมองเห็นสายตาของโหลว จื่อกุ้ย
เขาก็ยิ้มขึ้นทันที
"ฝ่าบาทและท่านแม่ทัพสูงสุดยังอยู่ดีและปลอดภัย
ตอนนี้ข้าก็สามารถวางใจได้เสียที"
โหลว จื่อกุ้ยตอบขึ้นอย่างเย็นชา
"พวกเราทำให้ท่านมหาอุปราชต้องเป็นกังวลแล้ว
โชคดีที่สุดที่คืนนี้ฝ่าบาททรงปลอดภัย"
อุปราชเซี่ยยิ้มขึ้น"ท่านแม่ทัพสูงสุดกล่าวได้ถูกต้องแล้ว
ฝ่าบาททรงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ท่านแม่ทัพสูงสุดดูเหมือนว่าทางแคว้นฮูเหนือจะไม่หยุดที่จะทำลายราชวงศ์โหยงหนิงของเรา
ดังนั้นท่านคงต้องดูแลตัวเองดีๆ "
โหลว จื่อกุ้ย พยักหน้า
"คำแนะนำของท่านมหาอุปราชมีประโยชน์จริงๆ"
หนิง เสี่ยวเหยา
ยังคงอยู่บนพื้นในขณะที่เธอถามนกเหยี่ยวที่อยู่บนหัวไหล่ของเธอขึ้น"ทำไมพวกเขาถึงพูดกันอีก? ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะกัดกันให้ตายกันไปตั้งแต่แรกเห็นแล้วหรือ? " แต่พวกเขากลับยืนอยู่ตรงข้ามกันและแลกเปลี่ยนคำพูดราวกับเพื่อนกัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เหยี่ยวน้อยตอนแรกยอมรับว่าเขาไม่รู้
ก่อนที่จะพูดขึ้นอีก "มนุษย์ทุกคนรู้ว่าควรจะแสร้งทำอย่างไร!" หนิง
เสี่ยวเหยาเต็มไปด้วยความเงียบ ความคิดเห็นนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
เธอไม่มีข้อโต้แย้งเลยแม้แต่น้อย
ถึงตอนนี้ อุปราชเซี่ย
ก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง "
ฝ่าบาททรงทราบปัญหาเกี่ยวกับจดหมายเหล่านี้มาเป็นเวลานาน แต่เพื่อประโยชน์ในการซุ่มจับคนป่าเถื่อนแคว้นฮูเหนือในเมืองหลวงให้หมดไป
พระองค์จึงต้องให้ร้ายท่านแท่ทัพสูงสุดและทำเป็นไปช่วยท่านแม่ทัพให้พ้นผิด
ตอนนี้สายลับต่างก็ถูกจับได้แล้ว
ท่านแม่ทัพสูงสุดจึงไม่จำเป็นต้องรับข้อกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศอีกต่อไป " ตอนนี้อุปราชเซี่ย
เอามือข้างหนึ่งขึ้นและยกมันขึ้นมาที่หน้าอกของเขาก่อนจะพูดขึ้น "ข้าเคยข่มขู่ท่านแม่ทัพสูงสุดในอดีต
ข้าหวังว่าท่านแม่ทัพสูงสุด จะไม่ตำหนิข้า"
โอ้พระเจ้า!
หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับมือสั่น
เธอรู้สึกราวกับว่าสิบแปดมงกุฎกำลังวิ่งพล่านอยู่ในใจเธอ เธอเพิ่งจะได้รับรู้ถึงความไร้ยางอายของชายชราคนนี้ก็ตอนนี้!
มือของฟางถังและโหลว จื่อกุ้ยก็สั่นเช่นกัน
อุปราชเซี่ยผู้นี้ควรจะเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในการใช้ความรู้แบบขงจื้อของเขา
แต่เขากลับเป็นผู้ร้ายที่น่ารังเกียจมาก! เหยี่ยวตัวน้อยกระพือปีกและร้องขึ้น
"อู๊กๆๆ เสี่ยวเหยาให้ข้ากินเขาดีไหม"
"... ... " หนิง
เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก เหยี่ยวตัวนี้สามารถหอนเหมือนหมาป่าได้ด้วย?
หนิง
เสี่ยวเหยากอดเหยี่ยวน้อยไว้ที่หน้าอกของเธอ ชายชราคนนี้มีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากเขาอาจจะฆ่านกก่อนที่มันจะบินเข้าไปใกล้เขาได้ด้วยซ้ำ
โหลว จื่อกุ้ยตบมือของฟางถัง และมองไปที่อุปราชเซี่ย
ด้วยรอยยิ้มที่ไปถึงดวงตาของเขา เขาเป็นคนที่มีรูปลักษณ์ราวกับภาพเขียน
เมื่อเขาไม่ยิ้มกลิ่นอายสังหารก็จะกระจายออกมาจากตัวเขา จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
แต่เมื่อเขายิ้มมันก็เหมือนกับว่าจิตรกรได้เพิ่มสีสันให้กับดวงตาของเขาด้วยความเร่งรีบ
ฉากนี้ทำให้นึกถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีลมกระโชกแรงไปถึงสิบลี่
และดอกไม้ที่บานเต็มที่
หัวใจของหนิง เสี่ยวเหยา
เต้นเร็วเป็นสองเท่า เธอรู้ดีว่าโหลว จื่อกุ้ย นั้นหล่อเหลามาก แต่เขาไม่เคยยิ้มให้กับเธอมาก่อน
ดังนั้นหนิง เสี่ยวเหยา จึงไม่เคยรู้ว่ารอยยิ้มของใครบาง
สามารถมีลักษณะเช่นดอกไม้บานได้ และไม่ใช่หนึ่ง แต่เต็มไปหมด!
อุปราชเซี่ยก็กำลังยิ้มด้วยเช่นกัน
แต่มือของเขากำเป็นกำปั้นแน่ เขารู้ดีว่าทำไมโหลว จื่อกุ้ย ถึงยิ้ม
เพราะเขาได้วางโทษทั้งหมดไว้ที่แคว้นฮูเหนือเพื่อแสดงเหตุผลอันสมควรพิสูจน์ของตัวเอง
เขาได้ยอมรับความล้มเหลวของเขาในครั้งนี้แล้ว ถ้าเขาเป็นนักพนัน เขาก็จะสูญเสียทรัพย์สินของตระกูลของเขาไปจนหมด
โหลว จื่อกุ้ยผลักมือของฟางถังออกและเดินช้าๆไปที่หนิง เสี่ยวเหยา
ก่อนที่จะก้มลงและพูดด้วยเสียงต่ำ "กระหม่อมขอเชิญฝ่าบาทเสด็จกลับไปที่พระราชวังก่อนพ่ะย่ะค่ะ
สายลับของแคว้นฮูเหนือได้รับการจับกุมแล้ว
ดังนั้นฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายอีกต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ "
หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้นทันที
"มีคนหนีรอดไปได้หรือไม่?"
โหลว จื่อกุ้ยตอบขึ้น "ถ้ามีจำนวนจะไม่สูงนัด
มดไม่สามารถเขย่าต้นไม้ได้ ดังนั้นฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกังวล "
หนิง เสี่ยวเหยากระพริบตา
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี่ถึงคิดเกี่ยวกับมด แต่แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าพวกมันไม่มีทางที่จะเขย่าต้นไม้ใหญ่ได้จริงๆ
คำพูดของเขานั้นก็ไม่ผิด
"ฝ่าบาท" โหลว
จื่อกุ้ยยื่นมือไปหาหนิง เสี่ยวเหยา วางมือขวาไว้บนฝ่ามือของโหลว จื่อกุ้ย แต่ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายดึงเธอขึ้น
เพราะท่านแม่ทัพสูงสุดยังไม่สบายอยู่!
หลังจากลุกขึ้นยืนด้วยพลังของตัวเอง
เธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเบาขึ้น"เรากำลังจะกลับจริงๆหรือ?"
โหลว จื่อกุ้ยพยักหน้า
เขาก้มศีรษะเพื่อมองไปที่มือหนิง เสี่ยวเหยา
ตอนนี้พวกมันกลายเป็นกรงเล็บที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง
แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเจ้าของนั้นมีความสุขกับตำแหน่งที่สูงและอาศัยอยู่อย่างสุขสบายแค่ไหน
คนที่ฝึกวรยุทธจะมีมือเช่นนี้ได้อย่างไร?