ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แวมไพร์หลงยุค (นิยายแปล ฮาเร็ม ) ตอนที่ 2 : บุตรข้า การตายของเจ้าช่างไร้ค่านัก


            โม่ ชิงหลี่ยืนอยู่หน้ากระจกทองแดงบานใหญ่ กำลังมองสำรวจร่างใหม่ของนางอย่างระเอียดลออ ผมดกดำเงางามราวกับเส้นไหมยาวสลวยไปทั่วแผ่นหลัง ดวงตาสีดำกระจ่างใสราวกับดวงดาวบนทองฟ้ายอมค่ำคืน นางแทบจะไม่เชื่อสายตา ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างใหม่ร่างนี้ช่างงดงามลงตัวกันไปเสียทุกส่วน เสียอย่างเดียวที่นางไม่ค่อยพอใจนัก ร่างใหม่ของนางช่างมีผิวหนังที่บอบบางยิ่งนัก มันสามารถที่จะมองเห็นแม้กระทั้งเห็นเส้นเลือดภายใต้ผิวหนังของนางได้ตลอดตัว นางสามารถรับรู้ได้ถึงพลังหยินที่เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่นางยังคงใช้ร่างเดิมอยู่ ความรู้สึกต่างๆ ได้หลั่งไหลเข้ามาในร่างใหม่ของนาง นางกำลังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างเช่นที่ไม่เคยได้สัมผัสมันมานานหลายร้อยปีแล้ว ร่างกายเดิมของนางจะมีแต่ความเย็น และเย็นเท่านั้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้นางค่อนข้างหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง เหมือนเด็กที่กำลังเริ่มเรียนรู้กับสิ่งแปลกใหม่ในเวลานี้
*เอามาให้จินค่ะ หน้าตาแวมไพร์สาวในร่างนางมนุษย์น้อย

            เจ็ดอารมณ์ และหกความปรารถนาที่ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้พูดถึง มันจะหมายถึง การให้ข้าได้ลองใช้ชีวิตในโลกมนุษย์แห่งนี้ ที่มีทั้ง ความสุข ความโกรธ ความกลัว ความรัก ความเศร้าโศก ความชั่ว และความโลภ จากนั้นก็ให้ข้าเติมเต็มประสบการณ์เหล่านี้ให้กับตัวข้าเอง ด้วยวิธีการในแบบของมนุษย์เช่นนั้นหรือ แล้วข้าจะเป็นผู้อมตะได้จริงหรือ

            ตรงหน้ากระจกทองแดงบานนั้น โมชิงหลี่ยังคงพึมพำกับตัวเองไปมา จนทำให้หัวคิ้วของนางขมวดเป็นปมแน่น การแสดงออกทางสีหน้าของนางในตอนนี้ มันเหมือนกับว่านางได้หายไปในจินตนาการของตัวเองเสียแล้ว

            “หลีกทางให้ข้า นางบ่าวผู้น่ารังเกียจ ข้าต้องการพบโม่ชิงหลี่ โม่ชิงหลี่เจ้าจงออกมาเดียวนี้” เสียงแหลมตะโกนอยู่ด้านนอก

            ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านอัครมหาเสนาบดี องค์หญิงทรงเข้าบรรทมแล้วเจ้าคะ ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ” หยูเหยาขวางทางผู้มาใหม่เอาไว้

            “หลีกไปนางไพร่”

          ทันทีที่เห็นการตอบสนองของหญิงชราตรงหน้า หยูเหยาก็เกิดความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ มองใบหน้าของผู้มาใหม่ กำลังแสดงออกถึงอำนาจบาตรใหญ่ของนางที่มีล้นฟ้า คงจะไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากอัครมหาเสนาบดี โอวหยาง เฉียนลั่น อัครมหาเสนบดีหญิงแห่งโมเชียน แน่นอนนางต้องรู้เหตุผลว่าทำไมหญิงชรานางนี้ ถึงได้มาร้องตะโกนตามหาองค์หญิงหกอยู่ในยามนี้ ภายในดวงตาที่บ่งบอกถึงการผ่านโลกมามากนั้น เต็มไปด้วยความโกรธแค้น อย่างไรเสีย มันต้องได้การรับปลดปล่อยออกมา 

            ความโกรธแค้นของโอวหยาง เฉียนลั่น นั้นเริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องสงสัยหากยามนี้มีนายทหารหรือบ่าวรับใช้ เข้ามาขวางทางนางแล้วล่ะก็ มันจะจบลงอย่างไรไม่ต้องพูดเหล่าทหารต่างก็คาดเดาได้อย่างชัดเจน ขณะที่นางกำลังจะยกมือขึ้นเพื่อที่จะสั่งสอนหยูเหยาบ่าวรับใช้ให้รู้สำนึก หยูเหยาก็แกล้งทำเป็นล้มลงบนไปที่พื้นอย่างกะทันหันทันที   

            โม่ชิงหลี่ที่เปิดประตูออกมาก่อนหน้าแล้วนั้น กำลังยืนผิงอยู่ตรงขอบประตูมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยสายตาที่เยือกเย็นอย่างไม่แยแส นางมองไปที่หยูเหยาที่กำลังเล่นบทสาวใช้ผู้น่าสงสารให้นางดูอยู่ในตอนนี้อย่างไรอารมณ์  

            “คารวะองค์หญิงหก”  โอวหยาง เฉียนลั่น กล่าวอย่างขอไปที ตอนนี้นางกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับโมชิงหลี่ โม่ชิงหลี่มองไปที่ผู้มาใหม่ด้วยสายตาไร้ซึ้งความเคารพยำเกร่งอย่างที่ควรจะเป็นเช่นก่อนหน้า  

            ตระกูลโอวหยาง ถือเป็นตะกูลอับดับหนึ่งในอาณาจักรโซเซียนแห่งนี้ และ โอวหยาง ยุนจิน ก็เป็นน้องชายของ โอวหยาง ฮ่าวซ่วน ซึ่งปัจจุบันนางถือเป็นพระสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิเลยทีเดียว อาจจะกล่าวได้ว่าหากใครมีตำแหน่งในราชการ คนทั้งตระกูลก็จะมีตำแหน่งในราชการด้วยเช่นกัน  ผู้หญิงล้วนทุกคนในตระกูลโอวหยาง ต่างมีตำแหน่งที่สำคัญในราชสำนักทั้งนั้น และในขณะที่สามีของพวกนางจะได้รับการสนับสนุนจากภรรยาให้มีตำแหน่งสำคัญๆ เช่นกัน อย่างเช่นผู้ปกครองกรมต่างๆ หรือที่ปรึกษา อาจจะกว่าวได้ว่าตระกูลโอวหยาง นอกจากจะมีอิทธิพลในราชสำนักแล้ว พวกเขายังมีอำนาจที่เป็นอันตรายที่สุดต่ออาณาจักรโซเซียนแห่งนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับองค์หญิงหก ทุกคนต่างรู้ถึงความขลาด และความอ่อนแอของนาง ปราศจากการสนับสนุนจากองค์หญิงองค์โตแล้ว และความรักที่โง่งมขององค์หญิงหกที่มีต่อโอวหยาง ยุนจิน แล้ว มีหรือที่หญิงชราผู้หยิ่งยโสอย่าง โอวหยาง เฉียนลั่น จะยอมให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนางมาหมั้นหมายกับองค์หญิงผู้โง่งมอย่างเช่นองค์หญิงหกได้อย่างไรเล่า

            จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า องค์หญิงหกผู้ไม่เอาไหนได้ประทานโทษตายให้กับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนาง อย่างไม่สมเหตุสมผล ควบคู่ไปกับลักษณะการตายของเขาที่ช่างน่าอับอายยิ่งนัก

ร่างกายของโอวหยาง เฉียนลั่น เริ่มสั่นเทาด้วยความโกรธ นางมองไปที่องค์หญิงหกผู้โง่งม ที่กำลังยืนผิงขอบประตูด้วยท่าทางสบายๆ อยู่ตรงทางเข้าห้องของนาง ใบหน้าที่ดูไม่แยแสต่อสิ่งใดของนางนั้นไม่มีร่อยรอยของความทุกข์ใจเลยแม้แต่น้อย โอวหยาง เฉียนลั่นกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บแค้น

“ บุตรข้า ผู้หญิงคนนี้หรือที่เจ้าบอกว่าทั้งรักและเทิดทูนเจ้านักหนา แล้วเหตุใดการตายของเจ้าในวันนี้ กลับไม่ทิ้งร่อยรอยของอารมณ์ใดๆ ไว้ให้นางเลยเล่า”

“มีเหตุอันใด ถึงได้นำท่านอัครมหาเสนาบดี โอวหยาง เฉียนลั่น มาถึงที่แห่งนี้ได้” โม่ชิงหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้ซึ้งความกังวลใด

            “ฮึ่ม ข้าของบังอาจถามองค์หญิงหก สิ่งใดกันที่บุตรชายของข้านั้นได้กระทำผิดหนักหนา ถึงทำให้องค์หญิงหกต้องประทานโทษตายให้แก่เขาเช่นนั้น”

            “ฮึ่ม ท่านอัครมหาเสนาบดี เมื่อพบเจอกับองค์หญิง แต่กลับไม่คุกเข่า สิ่งนี้ควรจะถือว่ามีโทษสถานใด” น้ำเสียงเฉยชาเช่นเดิมดังขึ้น ไร้สึกอารมณ์ใดๆ ปรากฏให้เห็น

          โอวหยาง เฉียนลั่น ถึงกับตื่นตระหนกในสิ่งที่ได้ยิน นางมองตรงไปที่โม่ชิงหลี่ในขณะที่โมชิงหลี่ก็มองมาที่นางเช่นกัน สำหรับโอวหยาง เฉียนลั่น นางที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนกลายเป็นหญิงที่ใกล้ฝั่งเช่นนี้ กลับถูกสั่นคลอนความหวาดกลัวอย่างรุนแรงจากการจองมองมาของโม่ชิงหลี่ องค์หญิงผู้อ่อนแอตรงหน้า จากส่วนที่ลึกที่สุดของโอวหยาง เฉียนลั่น นางอยากจะ สวามิภักดิ์ต่อองค์หญิงที่อยู่ต่อหน้านางในตอนนี้ และแล้วเข่าทั้งสองข้างของนาง โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว มันเหมือนกับมีพลังงานมหาศาลกดลงมาที่ขาทั้งสองข้างของนาง และตอนนี้มันก็ได้ลดลงไปที่พื้นดินในท่าคุกเข่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

            “โอวหยาง ยุนจิน ได้กระทำความผิดที่ร้ายแรงต่อองค์หญิงเช่นข้า และความผิดที่เขาได้กระทำก็ก่อให้เกิดความตายแก่เขา”

            น้ำเสียงที่ไม่แยแสต่อสิ่งใดมันเปรียบเสมือนดาบเล่มคม ทุกถอยคำที่เอ่ยออกมา มันได้กรีดลงไปบนหัวใจของโอวหยาง เฉียนลั่น อย่างเลือดเย็น ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าโอวหยาง ยุนจิน จะเกิดมาเป็นเพศชาย แต่เขาก็ยังคงเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนาง ตั้งแต่เขาเกิดมา เขาก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม ถูกตามใจจนเกินขอบเขตของคำว่าพอดี ไม่ว่าเขาอยากจะได้อะไรมันก็จะอยู่ในอุ้มมือของเขาอย่างง่ายดาย หากแต่เรื่องที่นางรู้สึกเจ็บปวดที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องที่นางได้ตามใจเขา ให้เขาได้หมั้นหมายกับองค์หญิงหกผู้โง่งมผู้นี้เท่านั้น

            “ข้าอัครมหาเสนาบดี ปรารถนาที่จะรู้ ยุนจินของข้านั้นเชื่อฟังองค์หญิงหกทุกอย่าง และเขาจะไม่มีทางกระทำสิ่งที่ผิดต่อองค์หญิงหกอย่างแน่นอน” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยโทสะ กล่าวอย่างไม่ยอมลดละ

            “ช่างบังอาจนัก โอวหยาง เฉียนลั่น น้ำเสียงเช่นนี้หรือที่เจ้ากล่าวกับองค์หญิงเช่นข้า” โม่ชิงหลี่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ความไม่พอใจแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทั้งโอวหยาง เฉียนลั่น และหยูเหยาสั่นเทาอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายเอาไว้ได้

ขอบคุณทุกกำลังใจ คอมเม้นท์และคำแนะนำคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น