ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

Unruly Phoenix Xiaoyao (นิยายแปล) ตอนที่ 33 : 2 ถ้าข้าจากไปแล้วใครจะเป็นฮ่องเต้


"ยังมีคนจำนวนมากนอนอยู่บนพื้น" หนิงเสี่ยวเหยา ไม่ต้องการที่จะจากไป เธอยังไม่ได้ช่วยชีวิตพวกเขาเลย แล้วเธอจะจากไปได้อย่างไร

โหลว จื่อกุ้ยถามซองจินขึ้น  "เจ้าดีขึ้นหรือยัง?"

"ข้าสบายดีแล้วขอรับ" ซองจินรีบตอบ

"พาคนเหล่านี้กลับไปยังพระราชวัง"โหลว จื่อกุ้ยสั่งขึ้น  "ให้เงาสายฟ้า พาผู้ชายจากแคว้นฮูเหนือเหล่านี้ไปยังศาลยุติธรรมพร้อมกับอุปราชเซี่ยและสอบปากคำพวกเขาภายในคืนนี้"

ซองจินรู้สึกเป็นห่วงในขณะที่ถามขึ้น "แล้วอุปราชจะไม่... ?"

"เขาจะไม่ทำอะไร" โหลว จื่อกุ้ยมั่นใจ "นี่คือย่านสีแดง แม้ว่าร้านค้าจะปิดแต่ข่าวจะแพร่จะกระจายไปอย่างรวดเร็ว เซี่ย เวินหย่วน จะไม่กล้าพยายามที่ทำอะไร "เมื่อเขาถูกป้ายสีให้เป็นคนทรยศ คนก็พร้อมที่จะกินเขาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ การต้องเผชิญกับความรู้สึกของสาธารณะชนเช่นนั้น อุปราชเซี่ยจะกล้าเสี่ยงหรือ?

ซองจินตอบรับก่อนจะจากไป  โหลว จื่อกุ้ยดึง หนิง เสี่ยวเหยาไปพร้อม ๆกับเขา แต่เธอก็ดึงดันและไม่อยากไป เธอจะละทิ้งสหายของเธอตั้งมากมายเอาไว้ที่นี่ได้อย่างไร?

"เจ้าทนไม่ได้ที่จะจากอุปราชเซี่ยไปหรือ?" ลูโหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น

“……”หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก เธอแทบอยากจะโยนชายชราคนนั้นไปซอมบี้กินเป็นอาหารด้วยซ้ำ!

"ไปเถอะ ทำตัวดีๆและเชื่อฟัง" โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นเบา ๆ "พวกเขาจะไม่เป็นไร เจ้าสามารถรักษาพวกเขาได้ หลังจากที่เจ้ากลับไปถึงพระราชวังแล้ว "

หนิง เสี่ยวเหยาเคยชินกับใบหน้าน้ำแข็ง และสายตาที่เย็นชาของโหลว จื่อกุ้ย แต่จู่ๆ เขาก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน นี่เป็นผู้ชายสองขั้วหรือไม่? เขาเป็นแม่ทัพสูงที่โหดร้ายในหนึ่งนาทีและเป็นที่รักของผู้คนในเวลาต่อมาหรือ?

อุปราชเซี่ย หัวเราะอย่างเยาะเย้ยขึ้นเมื่อเขาเฝ้าดูโหลว จื่อกุ้ย เดินนำหนิง เสี่ยวเหยา ออกไป ตอนนี้เขาคิดถึงมันแล้วเขาก็รู้ว่าเขายังไม่แพ้ เมื่อโหลว จื่อกุ้ย เสียชีวิตลงแล้ว เขาจะมีเวลามากพอที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับหนิงหยู หลานสาวของเขา

"ไปทหารและทหารม้า สั่งให้แม่ทัพทหารราบที่เก้า จัดกำลังผลออกไป" อุปราชเซี่ย สั่งคนของเขา "จะไม่มีใครในแคว้นฮูเหนือสามารถหลบหนีไปได้"

คนของอุปราชเซี่ย ทุกคนรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง "ขอรับ"

โหลว จื่อกุ้ยได้พูดคุยกับฟางถัง คนที่ตามหลังพวกเขามาขึ้น"เจ้าอยู่และคอยช่วยซองที่เจ็ด"

"แล้วเช่นนั้นใครจะปกป้องพวกท่านทั้งสอง?"

"ใครคือซองที่เจ็ด?"

ฟางถังและหนิง เสี่ยวเหยา เปิดปากของพวกเขาในเวลาเดียวกัน

"ซองที่เจ็ดก็คือซองจิน "โหลว จื่อกุ้ย อธิบายให้นางฟังในขณะที่เขาเดินไปตามถนน ฟางถังเฝ้ามองทั้งสองคนเดินออกจากตรอกไปจนพวกเขาเดินออกไปไกลแล้วเท่านั้น เขาถึงได้หันกลับไป ด้วยความแข็งแกร่งและทักษะของฮ่องเต้เขาจะสามารถปกป้องท่านแม่ทัพสูงสุดได้

เนื่องจากที่หนิง เสี่ยวเหยาได้ทุบรถม้าไปแล้ว เธอจึงทำได้เพียงต้องออกจากย่านสีแดงไปกับโหลว จื่อกุ้ยเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่พวกเขาก็ยังคงติดอยู่บนถนนครึ่งชั่วโมงต่อมา

"เอาอย่างนี้ดีไหม ให้ข้าอุ้มท่านไป?"หนิง เสี่ยวเหยาคนที่สำคัญถามขึ้น

โหลว จื่อกุ้ยลดเสียงของเขาลง "ข้าจะตาย"

"อะไรนะ?"หนิง เสี่ยวเหยาจ้องมองไปทันที

โหลว จื่อกุ้ยพูดซ้ำคำของเขาขึ้น "ข้าจะตาย? ในเร็ว ๆ นี้ถ้าเป็นเช่นนั้น? " อุปราชเซี่ยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นั้นได้มองมาที่เขาราวกับคนผู้หนึ่งกำลังมองไปที่คนที่ตายไปแล้ว

"ไม่มีเรื่องอะไรหรอก" หนิง เสี่ยวเหยา ตอบขึ้น "อุปราชเซี่ยได้สั่งให้วางยาพิษไว้บนใบมีดของมือประหาร แต่ข้าได้รักษามันให้ท่านไปแล้ว ท่านไม่รู้หรือ? "

โหลว จื่อกุ้ยถึงกับหยุดการก้าวเท้าของเขา  แล้วเขาจะไปรู้ได้อย่างไรในเมื่อไม่มีใครเคยบอกอะไรเขาเลย!

"ดูเหมือนท่านจะไม่รู้" หนิง เสี่ยวเหยาส่ายหัวแล้วยิ้มกว้างขึ้นจนดวงตาของเธอหายไป "โอ้ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้บอกท่าน ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าข้าบอกไปแล้วเสียอีก "

โหลว จื่อกุ้ย ได้ยินถึงความรู้สึกชั่วร้ายทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้น

"จิ้งจอกเฒ่านั้นยังไม่รู้เรื่องนี้" หนิง เสี่ยวเหยายังคงยิ้มอยู่ "เขาคิดว่าท่านจะตายในวันที่มีการชุมนุมที่ท้องพระโรง เมื่อวันนั้นมาถึงท่านแม่ทัพสูงสุด ท่านควรจะไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาและทำให้เขาฉีกราดกางเกงของเขาจากความกลัว! "

โหลว จื่อกุ้ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง จุดประสงค์เดียวของเขาหลังจากหนีตายมาได้ก็เพื่อที่จะทำให้อุปราชฉี่ราดกางเกงของเขาเท่านั้นเองหรือ? ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีความยาวของคลื่นสมองเท่ากับสมองของคนผู้นี้เลยจริงๆ

หนิง เสี่ยวเหยายังพูดต่อไป "ถ้าข้าสามารถรักษาซองจินได้ ข้าก็สามารถรักษาคนอื่นๆได้ ท่านแม่ทัพสูงสุดไม่ต้องเป็นกังวล "

"เจ้ารู้ทักษะในการรักษาและทักษะการรักษาของเจ้าก็ดีมาก" โหลว จื่อกุ้ยมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา "ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า?"

หนิง เสี่ยวเหยา ตัวแข็ง เธอกำลังจะถูกจับได้หรือ

โหลว จื่อกุ้ยไม่ได้วางแผนที่จะกดดันให้นางตอบคำถาม ดังนั้นเมื่อนางปกปิดด้วยรอยยิ้มที่โง่เขลาบนใบหน้าของนาง เขาก็พูดขึ้น "ช่างเถอะ ข้าไม่ถามเรื่องนี้ก็ได้ เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร" ถ้าคนผู้นี้ยังอยากจะขอกำลังทหารโหลว จื่อกุ้ย ก็คิดกับตัวเอง ข้าก็ควรจะมอบมันออกไปด้วยมือทั้งสองของข้า คนผู้นี้ช่วยชีวิตข้าและชีวิตของฟางถังและยังมีคนอื่น ๆ อีก นางอยู่บนบัลลังก์เป็นเวลาเพียงสามวัน แต่นางก็ได้ช่วยคนเอาไว้มากมาย

หนิง เสี่ยวเหยา ยังคงส่ายหัว "ข้าจะต้องการกำลังทหารไปทำไม?"

โหลว จื่อกุ้ยจ้องมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา คนที่กำลังเป่าแก้มตัวเองอยู่

"เช่นนั้นให้ข้าถามคำถามกับท่านเป็นอย่างไร ข้าสามารถจากไปได้ แต่พวกท่านจะไม่เป็นไรใช่ไหม ถ้าข้าไป?

ตอนนี้เป็นโหลว จื่อกุ้ย ที่รู้สึกใจหาย คนที่อยู่ข้างๆเขาต้องการทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วจากไปอย่างนั้นหรือ? หนิง เสี่ยวเหยาที่กำลังช่วยพยุงโหลว จื่อกุ้ยในขณะที่พวกเขาเดิน เธอก็กระซิบขึ้น "ความแข็งแกร่งของข้าก็ไม่เลวร้ายอะไรและข้าจะไม่ได้รับอันตรายหากข้าต้องต่อสู้ ข้าสามารถรักษาความเจ็บป่วยของคนได้เช่นกัน ดังนั้นข้าจะไม่อดตายไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนใช่ไหม? แล้วมีอะไรที่ข้าจะไม่สามารถทำได้? "

โหลว จื่อกุ้ย ก้มศีรษะลงไปมองที่พื้น

"แต่ถ้าข้าจากไปแล้วใครจะเป็นฮ่องเต้?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น

โหลว จื่อกุ้ยหยุดลง นอกเหนือจากองค์รัชทายาทแล้ว ก็ไม่มีบุตรชายคนไหนที่โดดเด่นแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มคนของอุปราชยังถืออำนาจมากมายเอาไว้ในตอนนี้ กองกำลังของเมืองหลวงและทหารม้าถูกควบคุมโดยพ่อและลูกตระกูลเซี่ย ดังนั้นถ้าลูกชายของฮ่องเต้คนอื่น ๆ ขึ้นครองบัลลังก์พวกเขาก็คงจะไม่เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดหรอกหรือ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น