"ยังมีคนจำนวนมากนอนอยู่บนพื้น"
หนิงเสี่ยวเหยา ไม่ต้องการที่จะจากไป เธอยังไม่ได้ช่วยชีวิตพวกเขาเลย
แล้วเธอจะจากไปได้อย่างไร
โหลว จื่อกุ้ยถามซองจินขึ้น "เจ้าดีขึ้นหรือยัง?"
"ข้าสบายดีแล้วขอรับ" ซองจินรีบตอบ
"พาคนเหล่านี้กลับไปยังพระราชวัง"โหลว
จื่อกุ้ยสั่งขึ้น "ให้เงาสายฟ้า พาผู้ชายจากแคว้นฮูเหนือเหล่านี้ไปยังศาลยุติธรรมพร้อมกับอุปราชเซี่ยและสอบปากคำพวกเขาภายในคืนนี้"
ซองจินรู้สึกเป็นห่วงในขณะที่ถามขึ้น
"แล้วอุปราชจะไม่... ?"
"เขาจะไม่ทำอะไร" โหลว
จื่อกุ้ยมั่นใจ "นี่คือย่านสีแดง แม้ว่าร้านค้าจะปิดแต่ข่าวจะแพร่จะกระจายไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ย เวินหย่วน จะไม่กล้าพยายามที่ทำอะไร "เมื่อเขาถูกป้ายสีให้เป็นคนทรยศ
คนก็พร้อมที่จะกินเขาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ การต้องเผชิญกับความรู้สึกของสาธารณะชนเช่นนั้น
อุปราชเซี่ยจะกล้าเสี่ยงหรือ?
ซองจินตอบรับก่อนจะจากไป โหลว จื่อกุ้ยดึง หนิง เสี่ยวเหยาไปพร้อม
ๆกับเขา แต่เธอก็ดึงดันและไม่อยากไป เธอจะละทิ้งสหายของเธอตั้งมากมายเอาไว้ที่นี่ได้อย่างไร?
"เจ้าทนไม่ได้ที่จะจากอุปราชเซี่ยไปหรือ?" ลูโหลว จื่อกุ้ยถามขึ้น
“……”หนิง เสี่ยวเหยาถึงกับพูดไม่ออก
เธอแทบอยากจะโยนชายชราคนนั้นไปซอมบี้กินเป็นอาหารด้วยซ้ำ!
"ไปเถอะ
ทำตัวดีๆและเชื่อฟัง" โหลว จื่อกุ้ยพูดขึ้นเบา ๆ "พวกเขาจะไม่เป็นไร
เจ้าสามารถรักษาพวกเขาได้ หลังจากที่เจ้ากลับไปถึงพระราชวังแล้ว "
หนิง
เสี่ยวเหยาเคยชินกับใบหน้าน้ำแข็ง และสายตาที่เย็นชาของโหลว จื่อกุ้ย แต่จู่ๆ
เขาก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน นี่เป็นผู้ชายสองขั้วหรือไม่? เขาเป็นแม่ทัพสูงที่โหดร้ายในหนึ่งนาทีและเป็นที่รักของผู้คนในเวลาต่อมาหรือ?
อุปราชเซี่ย หัวเราะอย่างเยาะเย้ยขึ้นเมื่อเขาเฝ้าดูโหลว
จื่อกุ้ย เดินนำหนิง เสี่ยวเหยา ออกไป
ตอนนี้เขาคิดถึงมันแล้วเขาก็รู้ว่าเขายังไม่แพ้ เมื่อโหลว จื่อกุ้ย
เสียชีวิตลงแล้ว เขาจะมีเวลามากพอที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับหนิงหยู หลานสาวของเขา
"ไปทหารและทหารม้า
สั่งให้แม่ทัพทหารราบที่เก้า จัดกำลังผลออกไป" อุปราชเซี่ย สั่งคนของเขา
"จะไม่มีใครในแคว้นฮูเหนือสามารถหลบหนีไปได้"
คนของอุปราชเซี่ย
ทุกคนรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง "ขอรับ"
โหลว จื่อกุ้ยได้พูดคุยกับฟางถัง
คนที่ตามหลังพวกเขามาขึ้น"เจ้าอยู่และคอยช่วยซองที่เจ็ด"
"แล้วเช่นนั้นใครจะปกป้องพวกท่านทั้งสอง?"
"ใครคือซองที่เจ็ด?"
ฟางถังและหนิง เสี่ยวเหยา
เปิดปากของพวกเขาในเวลาเดียวกัน
"ซองที่เจ็ดก็คือซองจิน
"โหลว จื่อกุ้ย อธิบายให้นางฟังในขณะที่เขาเดินไปตามถนน
ฟางถังเฝ้ามองทั้งสองคนเดินออกจากตรอกไปจนพวกเขาเดินออกไปไกลแล้วเท่านั้น เขาถึงได้หันกลับไป
ด้วยความแข็งแกร่งและทักษะของฮ่องเต้เขาจะสามารถปกป้องท่านแม่ทัพสูงสุดได้
เนื่องจากที่หนิง
เสี่ยวเหยาได้ทุบรถม้าไปแล้ว เธอจึงทำได้เพียงต้องออกจากย่านสีแดงไปกับโหลว
จื่อกุ้ยเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
แต่พวกเขาก็ยังคงติดอยู่บนถนนครึ่งชั่วโมงต่อมา
"เอาอย่างนี้ดีไหม
ให้ข้าอุ้มท่านไป?"หนิง เสี่ยวเหยาคนที่สำคัญถามขึ้น
โหลว จื่อกุ้ยลดเสียงของเขาลง
"ข้าจะตาย"
"อะไรนะ?"หนิง เสี่ยวเหยาจ้องมองไปทันที
โหลว จื่อกุ้ยพูดซ้ำคำของเขาขึ้น
"ข้าจะตาย? ในเร็ว ๆ นี้ถ้าเป็นเช่นนั้น? "
อุปราชเซี่ยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นั้นได้มองมาที่เขาราวกับคนผู้หนึ่งกำลังมองไปที่คนที่ตายไปแล้ว
"ไม่มีเรื่องอะไรหรอก"
หนิง เสี่ยวเหยา ตอบขึ้น "อุปราชเซี่ยได้สั่งให้วางยาพิษไว้บนใบมีดของมือประหาร
แต่ข้าได้รักษามันให้ท่านไปแล้ว ท่านไม่รู้หรือ? "
โหลว
จื่อกุ้ยถึงกับหยุดการก้าวเท้าของเขา แล้วเขาจะไปรู้ได้อย่างไรในเมื่อไม่มีใครเคยบอกอะไรเขาเลย!
"ดูเหมือนท่านจะไม่รู้"
หนิง เสี่ยวเหยาส่ายหัวแล้วยิ้มกว้างขึ้นจนดวงตาของเธอหายไป "โอ้ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้บอกท่าน
ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าข้าบอกไปแล้วเสียอีก "
โหลว จื่อกุ้ย ได้ยินถึงความรู้สึกชั่วร้ายทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้น
"จิ้งจอกเฒ่านั้นยังไม่รู้เรื่องนี้"
หนิง เสี่ยวเหยายังคงยิ้มอยู่ "เขาคิดว่าท่านจะตายในวันที่มีการชุมนุมที่ท้องพระโรง
เมื่อวันนั้นมาถึงท่านแม่ทัพสูงสุด
ท่านควรจะไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาและทำให้เขาฉีกราดกางเกงของเขาจากความกลัว! "
โหลว จื่อกุ้ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง
จุดประสงค์เดียวของเขาหลังจากหนีตายมาได้ก็เพื่อที่จะทำให้อุปราชฉี่ราดกางเกงของเขาเท่านั้นเองหรือ? ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีความยาวของคลื่นสมองเท่ากับสมองของคนผู้นี้เลยจริงๆ
หนิง เสี่ยวเหยายังพูดต่อไป
"ถ้าข้าสามารถรักษาซองจินได้ ข้าก็สามารถรักษาคนอื่นๆได้
ท่านแม่ทัพสูงสุดไม่ต้องเป็นกังวล "
"เจ้ารู้ทักษะในการรักษาและทักษะการรักษาของเจ้าก็ดีมาก"
โหลว จื่อกุ้ยมองไปที่หนิง เสี่ยวเหยา "ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า?"
หนิง เสี่ยวเหยา ตัวแข็ง
เธอกำลังจะถูกจับได้หรือ
โหลว
จื่อกุ้ยไม่ได้วางแผนที่จะกดดันให้นางตอบคำถาม
ดังนั้นเมื่อนางปกปิดด้วยรอยยิ้มที่โง่เขลาบนใบหน้าของนาง เขาก็พูดขึ้น
"ช่างเถอะ ข้าไม่ถามเรื่องนี้ก็ได้ เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร"
ถ้าคนผู้นี้ยังอยากจะขอกำลังทหารโหลว จื่อกุ้ย ก็คิดกับตัวเอง
ข้าก็ควรจะมอบมันออกไปด้วยมือทั้งสองของข้า คนผู้นี้ช่วยชีวิตข้าและชีวิตของฟางถังและยังมีคนอื่น
ๆ อีก นางอยู่บนบัลลังก์เป็นเวลาเพียงสามวัน แต่นางก็ได้ช่วยคนเอาไว้มากมาย
หนิง เสี่ยวเหยา ยังคงส่ายหัว
"ข้าจะต้องการกำลังทหารไปทำไม?"
โหลว จื่อกุ้ยจ้องมองไปที่หนิง
เสี่ยวเหยา คนที่กำลังเป่าแก้มตัวเองอยู่
"เช่นนั้นให้ข้าถามคำถามกับท่านเป็นอย่างไร
ข้าสามารถจากไปได้ แต่พวกท่านจะไม่เป็นไรใช่ไหม ถ้าข้าไป?
ตอนนี้เป็นโหลว จื่อกุ้ย
ที่รู้สึกใจหาย คนที่อยู่ข้างๆเขาต้องการทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วจากไปอย่างนั้นหรือ? หนิง เสี่ยวเหยาที่กำลังช่วยพยุงโหลว จื่อกุ้ยในขณะที่พวกเขาเดิน
เธอก็กระซิบขึ้น
"ความแข็งแกร่งของข้าก็ไม่เลวร้ายอะไรและข้าจะไม่ได้รับอันตรายหากข้าต้องต่อสู้
ข้าสามารถรักษาความเจ็บป่วยของคนได้เช่นกัน ดังนั้นข้าจะไม่อดตายไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนใช่ไหม?
แล้วมีอะไรที่ข้าจะไม่สามารถทำได้? "
โหลว จื่อกุ้ย ก้มศีรษะลงไปมองที่พื้น
"แต่ถ้าข้าจากไปแล้วใครจะเป็นฮ่องเต้?" หนิง เสี่ยวเหยาถามขึ้น
โหลว จื่อกุ้ยหยุดลง
นอกเหนือจากองค์รัชทายาทแล้ว ก็ไม่มีบุตรชายคนไหนที่โดดเด่นแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มคนของอุปราชยังถืออำนาจมากมายเอาไว้ในตอนนี้
กองกำลังของเมืองหลวงและทหารม้าถูกควบคุมโดยพ่อและลูกตระกูลเซี่ย
ดังนั้นถ้าลูกชายของฮ่องเต้คนอื่น ๆ ขึ้นครองบัลลังก์พวกเขาก็คงจะไม่เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดหรอกหรือ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น